บทที่ 325 ร่างทดสอบเทพเจ้า
ร่างของวิหคทองก็ใหญ่ขึ้นกว่าเดิมเท่าตัวจากการทะลวงขั้น ร่างสีดำราวกับเป็นสัตว์ร้ายที่มาจากบรรพกาล แผ่ความร้อนที่แฝงเปลวเพลิงเอาไว้ แผดเผาผืนแผ่นดิน พัดควันดำขโมง ดินโคลนบนพื้นก็กลายเป็นร่างผลึกไปหมด
ทุกๆ เม็ดน่าตกตะลึง ทำให้คนที่เห็นสัมผัสได้ถึงอุณหภูมิที่สูงลิบ
กระทั่งความว่างเปล่าก็ยังบิดเบี้ยว ต่อให้เป็นแค่สะเก็ดไฟที่กระเด็นออกมา ก็ยังมีความร้อนที่น่าตกตะลึง
และประกายในตาของมัน ขณะที่ดูราวกับมีชีวิตก็มาพร้อมกับความโหดเหี้ยมอำมหิตมหาศาลด้วย ราวกับผู้ที่ถูกมันจับจ้อง ไม่ว่าจะสวรรค์เก้าชั้นฟ้าหรือสิบผืนพสุธา ก็ไม่อาจหนีการกลืนกินของมันพ้นได้
แม้จะเป็นแค่ความรู้สึก ไม่ใช่สิ่งที่ทำได้ตอนนี้ แต่ในวินาทีนี้ วิหคทองส่งผลกระทบกับทุกคนบนสนามรบอย่างมาก
โดยเฉพาะตอนที่มันสยายปีก เหินทะยานสู่ฟากฟ้า ทำให้ทะเลเพลิงบนพื้นแผ่ออกไปต่อเนื่อง ทุกครั้งที่กระพือปีกส่งเสียงครืนครันออกมา
ส่วนสวี่ชิงที่อยู่ในทะเลเพลิง เวลานี้ผมยาวปลิวสยาย ทั้งร่างแผ่ความดุดันเข้มข้น ใบหน้าหล่อเหลาราวกับปีศาจ ขณะที่กวาดตามองอย่างไม่ใส่ใจ ก็ทำให้จิตใจสับสนพัดโถมขึ้น เหมือนเปลวไฟรอบด้าน วิหคทองบนฟากฟ้า ทุกสิ่งของทุกอย่างเกิดมาเพื่อขับให้ตัวเขาเด่น
นอกจากภายนอกผิวเผินแล้ว โดยพื้นฐานแล้ววิหคทองหลอมหมื่นวิญญาณขั้นสองคือการสนับสนุนพลังต่อสู้ และบ้าคลั่งอย่างมาก ไม่เหมือนกับไฟหนึ่งดวงก่อนหน้า แต่พุ่งไปถึงระดับไฟหกดวงเลยทีเดียว
ไฟหกดวงนี้ล้วนสนับสนุนกายเนื้อของสวี่ชิง ทำให้ร่างกายของเขาตอนนี้ส่งเสียงเลื่อนลั่น แม้เหมือนจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรมากนัก แต่อันที่จริงกระดูกของเขา เลือดเนื้อของเขา ร่างกายทั้งหมดของเขาล้วนกำลังเปลี่ยนแปลงไปในวินาทีนี้
นั่นคือการยกระดับชั้นของพลังชีวิต!
และในตอนนี้ หลังจากวิหคทองที่เหาะทะยานส่งเสียงคำรามก้องฟ้า ก็กลับมาหาสวี่ชิง หางทั้งสิบสามของมันกลายเป็นหางเพลิง หมุนวนรอบตัวสวี่ชิงที่เป็นศูนย์กลาง จนกลายเป็นขนนกเปลวเพลิงหลายเส้น ล่องลอยอยู่เบื้องหน้าเขา
ที่กลับมาพร้อมกัน ยังมีเปลวเพลิงที่กระจายอยู่รอบๆ ตอนนี้ทั้งหมดม้วนกลับมาอยู่บนตัวสวี่ชิง
ทำให้เขาในวินาทีนี้มีเปลวเพลิงเสริมร่าง วิหคทองเหนือศีรษะเหมือนกวานจักรพรรดิ ได้รับความสนใจจากทั่วสารทิศ
และวังสวรรค์สองวันที่ปรากฏขึ้น ทำให้เขาในสนามรบ ระเบิดพลังอำนาจทันที พลังต่อสู้ก็เช่นกัน กระทั่งศิษย์เจ็ดเนตรโลหิตรวมถึงสมาชิกเทียนประทีปที่อยู่ระดับล่างก็ตกตะลึงพรึงเพริดกันหมด ขณะที่พรั่นพรึงก็ไม่เข้าใกล้ด้วยสัญชาตญาณ
เขาก้มหน้าลง มองศีรษะเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องที่ไม่อาจตายอย่างสงบสุขได้ในมือ ดวงตาเผยความประหลาดใจ
เขารู้สึกว่าเรื่องนี้บางจุดไม่ถูกต้อง
เขายืนยันได้ว่าเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องตายแล้วจริงๆ และการตายของอีกฝ่าย ก็อยู่ในขอบเขตที่สมเหตุสมผล ถึงอย่างไรหนึ่งวังสวรรค์กับสองวังสวรรค์ ความแตกต่างนี้ก็ยากจะบรรเทาได้
แต่บิดาของเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องไม่ปรากฏตัวออกมาเลย
สิ่งนี้ไม่สมเหตุสมผล ถึงอย่างไรตอนการทดสอบสีเลือดเมื่อครั้งนั้น สิ่งที่บิดาเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องทำทั้งหมด ดูแล้วก็เหมือนทำเพื่อเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่อง ทั้งที่เป็นเช่นนี้ แต่เมื่อเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องตายไป กลับไม่เห็นแม้แต่เงาบิดาของเขา
เรื่องนี้ ไม่ถูกต้องอย่างมาก
อีกจุดหนึ่ง คือ…เซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องผิดปกติเหลือเกิน ตั้งแต่ต้นจนจบ เขาไม่ได้พูดเลยแม้แต่คำเดียว กระทั่งการแผดร้องก็ยังเป็นเสียงอู้อี้ เสียงกรีดร้องแม้จะหวีดแหลม แต่ก็แตกต่างจากปกติปกติ มันยังแหลมไม่พอ
นี่แตกต่างจากเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องที่สวี่ชิงรู้จัก
สวี่ชิงหรี่ตาลง จู่ๆ ก็ยกมือซ้ายขึ้น จับคางของศีรษะเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องที่เนื้อหนังเละเทะแล้วกระชากออกมา
ปากของศีรษะเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องถูกฉีกออก
สวี่ชิงกวาดตามองเข้าไป ดวงตาก็ประหลาดใจอย่างยิ่งทันที
ในปากของเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่อง ลิ้นหายไป!
สำหรับเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่อง ฉากที่ตราตรึงลึกซึ้งที่สุดในความทรงจำสวี่ชิง คือหลังจากที่เปิดประตูวิญญาณจำนงนิรันดร์ มีลิ้นที่เต็มไปด้วยของเหลวเหนียวข้นแผ่ออกมาเบื้องหน้าเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่อง ต่อมาสวี่ชิงจึงรู้ว่า เมื่อเปิดประตูนี้ จะสะท้อนในจิตใจของคนผู้หนึ่งออกมา
ในจิตใจของเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องก็คือของสิ่งนี้
และไม่รู้ว่าบังเอิญหรือไม่ เซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องที่ตายแล้วตอนนี้ กลับไม่มีลิ้นอยู่
ตอนนี้เอง จู่ๆ บนท้องฟ้าก็มีเสียงสะเทือนฟ้าครืนครันเสียงหนึ่ง มีความผกผันที่น่ากลัว ระเบิดดังก้องฉับพลันบนฟากฟ้า
สิ่งที่ส่งเสียงครืนครันออกมา คือยักษ์หินหนืดที่ปะทะอยู่กับนายท่านเจ็ด
ยักษ์ตนนี้ยืนหยัดมาถึงปัจจุบัน ไม่อาจแบกรับได้อีกต่อไปแล้ว ส่งเสียงโหยหวน ร่างกายครึ่งหนึ่งแตกกระจัดกระจาย กลายเป็นเศษหินน้อยใหญ่ร่วงกราวลงมาบนพื้นเสียงดัง ขณะที่กระแทกจนพื้นเป็นหลุมเป็นบ่อ โลงศพสีดำที่ฝังอยู่ในร่างกายของมันก็โผล่ออกมาด้านนอกแล้วกว่าครึ่งเวลานี้
โลงศพสีดำแผ่ความรู้สึกของสิ่งประหลาดออกมาภายใต้การสาดส่องของแสงตะวัน และเหมือนมีเสียงเล็บขูด หวีดแหลมออกมาจากด้านในโลงศพ เข้ามาในโสตประสาทของทุกคนอย่างน่าสยดสยอง
สวี่ชิงดวงตาแข็งค้าง
ส่วนสมาชิกเทียนประทีปสองคนนั้นก็หายใจหอบถี่ ขณะที่ถอยหลังดวงตาก็มีแววเด็ดขาด ทำปางมืออย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นก็ไปปรากฏตัวอยู่เบื้องหน้าโลงศพสีดำในหน้าอกยักษ์ สั่นสะเทือนฉับพลัน
ตัวพวกเขามีเสียงคำรามของสัตว์ป่าที่ไม่เหมือนมนุษย์ดังออกมา กระจายไปทั่วทิศ
เพียงแค่เสียง ก็ทำให้ศิษย์ของเจ็ดเนตรโลหิตจำนวนไม่น้อยสั่นสะท้านไปทั้งตัว มุมปากเลือดสดหลั่งริน รีบถอยหลังออกมาอย่างพรั่นพรึง ไม่กล้าเข้าใกล้
เสียงนี้แฝงพลังอะไรบางอย่างที่ยากจะบรรยายออกมาได้ไว้ สามารถสั่นสะเทือนจิตใจ สั่นคลอนจิตวิญญาณ ทำให้ระดับชั้นชีวิตเกิดความรู้สึกถูกสะกดขึ้นมา จากนั้นความตกตะลึงและความพรั่นพรึงก็โหมขึ้นมาตามสัญชาตญาณ
ไม่นาน ก็มีเสียงก้องครืนครัน เหมือนว่าตัวตนในโลงศพ เวลานี้กำลังชกกระแทกกับฝาโลงทีละหมัด คิดจะทำลายมันให้ย่อยยับ
ภาพนี้ ทำให้ศิษย์เจ็ดเนตรโลหิตทุกคนรอบๆ ถอยหลังออกมาทันที นายท่านเจ็ดหรี่ตาลง ดวงตาเสี่ยเลี่ยนจื่อก็เผยความประหลาดใจ
แทบจะพริบตาที่ทุกคนมองไป ฝาของโลงศพนั่นก็ระเบิดออกมาเสียงดังอย่างไม่อาจแบกรับได้อีกต่อไป แตกกระจายเป็นชิ้นๆ ภายใต้เสียงสนั่นสั่นคลอนจิตใจ
ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา