บทที่ 326 พลังแห่งเทพเจ้า
สวี่ชิงเงยหน้าทอดสายมองท้องฟ้า
คนนอกบางทีอาจจะมองร่องรอยที่นี่ไม่ออก แต่ด้วยความรู้ความเข้าใจในยอดเขาลำดับเจ็ด ในตัวนายท่านเจ็ดของสวี่ชิง เรื่องในวันนี้เขามองออกว่าอยู่ในการวิเคราะห์ของท่านอาจารย์ตนทั้งสิ้น
การตายของนายท่านหก การโทษตัวเองของท่านอาจารย์ ทุกอย่างนี้สวี่ชิงล้วนเห็นอยู่กับตา
และเรื่องในวันนี้ก็ทำให้สวี่ชิงรู้ว่า ทางท่านอาจารย์…ได้เริ่มทำการศึกษาเทียนประทีปอย่างลึกซึ้งแล้ว
แทบจะในพริบตาที่สวี่ชิงมองไป นายท่านเจ็ดก็เคลื่อนไหวแล้ว
เขาพุ่งตรงไปยังท้องฟ้าอย่างรวดเร็วพร้อมกับบรรพจารย์เสี่ยเลี่ยนจื่อและจอมคนบูรพาสงัด อาศัยพลังของของวิเศษเวทต้องห้ามสำนักเจ็ดเนตรโลหิตและพลังต้นไม้โลหิตสำนักกระบี่เมฆาจรดฟ้า แปรเปลี่ยนเป็นผนึกตาข่ายสวรรค์กับดักพิภพ ปกคลุมไปบนศพที่คุณสมบัติเทพลอยเอ่อเข้มข้นนั่น
เขาคิดจะชิงของของเทียนประทีป ใช้พลังสำนักเจ็ดเนตรโลหิตไปศึกษาค้นคว้าของชิ้นนี้ ทำการศึกษาเทียนประทีปให้ลึกลงไปอีก เพื่อเป็นการเตรียมพื้นฐานการทำลายเทียนประทีปให้สิ้นซากในตอนสุดท้าย
ในเสี้ยวพริบตาที่นายท่านเจ็ดลงมือ เสี่ยเลี่ยนจื่อทางนั้นก็พลันเงยหน้าขึ้น โค้งคารวะไปทางท้องฟ้า
“รบกวนโถงครองกระบี่แล้ว โครงกระดูกโครงนี้สำนักเจ็ดเนตรโลหิตสามารถสะกดได้ หลังจากศึกนี้จะส่งเลือดเนื้อหกส่วนของมันไปที่โถงครองกระบี่ อีกทั้งรายงานการศึกษาค้นคว้าของพวกเราหลังจากนี้ต่อโถงครองกระบี่”
จากคำพูดของเสี่ยเลี่ยนจื่อ ท้องฟ้าตอนนี้มีเสียงสายฟ้าคำราม เสียงสงบนิ่งเสียงหนึ่งดังมา
“อนุญาต!”
การลงมือของพันธมิตรแปดสำนักครั้งนี้เป็นการลงมือร่วมกับโถงครองกระบี่ ดังนั้นสำนักเจ็ดเนตรโลหิตคิดจะสะกดเพียงลำพัง ต้องได้รับการยินยอมจากโถงครองกระบี่ที่ร่วมมือกับพวกเขาที่นี่ด้วย
และเห็นได้ชัดว่าวิธีของสำนักเจ็ดเนตรโลหิต โดยเฉพาะการลงมือที่ทุกอย่างล้วนอยู่ในแผนการเช่นนี้ ทำให้ผู้บำเพ็ญโถงครองกระบี่ที่อำพรางตัวอยู่ชื่นชมนัก
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าในความรู้สึกของโถงครองกระบี่ สำนักเจ็ดเนตรโลหิตที่เป็นขั้วอำนาจในยุทธภพขั้วใหม่นี้ไม่ละโมบ เรื่องนี้ล้ำค่าหาได้ยากนัก
ในขณะเดียวกัน ภาพที่สำนักนำบารมีภาพนี้ก็เกิดขึ้นในอีกสามฐานที่มั่นที่เหลือเช่นกัน
ในฐานที่มั่นทั้งสามก็มีศพประเภทเดียวกันปรากฏขึ้น
ร่างของพวกมันปะทุคลื่นพลังคุณสมบัติเทพน่าครั่นคร้ามเช่นกัน เหมือนกับที่นี่ ล้วนเป็นวัตถุสร้างเทพของเทียนประทีป
เห็นได้ชัดว่าตัวตนที่ถูกประกอบสร้างขึ้นมา เดิมยังอยู่ในการหล่อเลี้ยง จู่ๆ วันนี้พันธมิตรแปดสำนักพลันบุกมาทำให้การหล่อเลี้ยงจำต้องหยุดลงกลางคัน
เช่นนี้แล้วพลังเทพจึงยังไม่เกิด สู้ศึกปะทุพลัง
ศพที่อีกสามสำนักเจอใช้วัตถุอะไรบางอย่างเป็นพื้นฐาน เรื่องนั้นตอนนี้คนของสำนักเจ็ดเนตรโลหิตยังไม่รู้ แต่ที่สำนักนำบารมี ตอนนี้พวกเขามองออกว่า พื้นฐานจิตสำนึกของโครงกระดูกโครงนี้คือลิ้นนั้นนั่นเอง
“นั่นคือลิ้นของเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่อง!” สวี่ชิงมองท้องฟ้า จู่ๆ ก็เอ่ยขึ้นมา
คำพูดของเขาคลายข้อสงสัยข้อสุดท้ายในใจนายท่านเจ็ด ในดวงตาฉายแววกระจ่างแจ้ง
“เช่นนั้นก็ถูกต้องแล้ว ศพนี่ถูกประกอบขึ้นมา ร่างคือศพโบราณ แขนและขาทั้งสองมาจากต่างเผ่า ศีรษะเป็นเผ่าต้นไม้พิเศษ เลือดในกายคือเลือดของสิ่งมีชีวิตประเภทเทพ อวัยวะภายในไม่มีแต่แทนที่ไว้ด้วยไอพลังประหลาดเข้มข้น ในกระโหลกมีจุดเว้าลงไป เหมือนตรงนั้นจะมีอะไรบางอย่างก่อตัวขึ้นมา…
จะดูอย่างไรก็เหมือนเป็นพิธีอะไรบางอย่าง”
เนื่องจากเราติดธุระเรื่อนี้จะอีพเวลา 17 และ 20.00 แทนนะคะ แอดริน
“วัตถุประสงค์ของลิ้นนี้ก็เพื่อให้ศพคุณสมบัติเทพนี่มีจิตสำนึก เจตจำนงของเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องหลังจากถูกเทียนประทีปเปลี่ยนแปลงแล้ว เห็นได้ชัดว่าตรงกับจุดนี้ หากสำเร็จ…นี่ก็จะเป็นชีวิตใหม่ของเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่อง!”
“การทดลองเปลี่ยนมรรคาเป็นเทพอย่างนั้นหรือ!”
“น่าเสียดาย จิตสำนึกอ่อนแอเกินไป ไม่อาจสำเร็จได้ ถูกคุณสมบัติเทพเปลี่ยนแปลง สูญเสียความเป็นตัวเอง สูญเสียเจตจำนงไป”
ในยามที่นายท่านเจ็ดคล้ายครุ่นคิดอะไรอยู่นั้น ศพกระดูกที่ถูกสะกดอยู่ก็ส่งเสียงคำรามน่าครั่นคร้ามออกมา
มันสัมผัสได้ถึงการพันรัดจากพลังพันธนาการ ดังนั้นคุณสมบัติเทพในร่างจึงปะทุขึ้น ระลอกคลื่นพลังคลุ้มคลั่งและไร้ลำดับแผ่มาในฟ้าดิน
ต่อให้ไม่ใช่เทพ แต่ระลอกคลื่นพลังจากคุณสมบัติเทพที่เข้มข้นเช่นนี้ก็ช่วยยกระดับขั้นชีวิตให้กับศพกระดูกศพนี้
และการเปลี่ยนแปลงของระดับขั้นชีวิตก็ทำให้ศพกระดูกศพนี้มีพลังแปลกประหลาดที่ทำให้คนยากจะเชื่อ
สิ่งที่รางเลือนไม่ได้มีแค่โลกภายนอกเท่านั้น แต่ยังมีส่วนลึกในจิตใจอีกด้วย ลูกศิษย์เจ็ดเนตรโลหิตทั้งหมดที่อยู่รอบๆ ต่างตัวสั่นเทิ้ม เกิดความรู้สึกวู่วามอยากจะลงไปหมอบกราบตามสัญชาตญาณ
ไม่อาจควบคุมได้ ไม่อาจสะกดเอาไว้ได้ ก็เหมือนกับคนธรรมดาเจอกับสิ่งที่น่ากลัวอย่างสุดขีด พลังการเคลื่อนไหวทุกอย่างในร่างถูกตัดขาด ตัวสั่นเทิ้มไปตามสัญชาตญาณ สูญเสียพลังต่อต้านทุกอย่าง
เพียงพริบตา ลูกศิษย์สำนักเจ็ดเนตรโลหิตที่อยู่บนพื้นและลูกศิษย์สำนักนำบารทีที่หนีไปอยู่ที่ไกลลิบ ในขณะที่ตัวสั่นงันงก แต่ละคนก็ก้มศีรษะคุกเข่าลงไป
เหมือนว่ามีเพียงทำเช่นนี้เท่านั้นถึงจะทำให้ความคิดของตัวเองปลอดโปร่ง
แต่ต่อให้ทำเช่นนี้ ต่อให้คุกเข่าลงไป พวกเขาก็ยังคงตัวสั่นสะท้าน ร่างยิ่งเกิดการกลายพันธุ์ต่างๆ กระทั่งว่าทิศทางของการกลายพันธุ์มีเค้าไปทาง…ศพนั่น
เหมือนศพนี้เป็นต้นกำเนิด ทำให้สรรพสิ่งแปรเปลี่ยนไปตามมัน
มีเพียงเสี่ยเลี่ยนจื่อ จอมคนบูรพาสงัดและนายท่านเจ็ดที่อยู่บนฟ้าเท่านั้นที่สามารถเมินซึ่งพลังเทพประเภทนี้ได้
นอกจากนั้นก็ยังมีสวี่ชิง
ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา