บทที่ 331 ถอนเขี้ยวเสือ
เสวียนโยวจักรพรรดิโบราณรุ่นสุดท้ายของเผ่ามนุษย์เคยรวมแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์เป็นหนึ่ง ทำศึกทั่วสารทิศ สยบสังหารหมื่นเผ่าจนไม่กล้าเงยหน้า ทำได้เพียงศิโรราบ
จึงเป็นความรุ่งเรืองสุดท้ายของเผ่ามนุษย์ ก่อนหน้าที่เสี้ยวหน้าเทพเจ้าจะมาเยือน
ตอนนั้นหมื่นเผ่าหากกล้าไม่เคารพจะต้องถูกห้ากรมทมิฬเผ่ามนุษย์สยบสังหารเป็นแน่
หมื่นเผ่าและผู้บำเพ็ญนอกรีตที่แตกดับด้วยมือห้ากรมทมิฬมีมากจนนับไม่ถ้วน
ในห้ากรมนี้ไม่ว่ากรมใดล้วนสยบฟ้าดินได้ ทำให้หมื่นเผ่าต้องตัวสั่นงันงก
กรมครองกระบี่ก็เป็นหนึ่งในห้ากรม
แต่ทั้งหมดนี้ จากการปรากฏของเสี้ยวหน้าเทพเจ้าก็พังถล่มในเพียงพริบตา
การมาเยือนของเทพเจ้า สรรพสิ่งล้วนถูกกลิ่นอายของมันโจมตี ฟ้าดินเกิดการเปลี่ยนแปลงใหญ่หลวง แข็งแกร่งอย่างจักรพรรดิโบราณเสวียนโยวยังทำได้เพียงโศกสลด
ต่อให้เป็นจักรพรรดิโบราณและเจ้าเหนือหัวในอดีตที่หลับใหลมากมายในแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ ล้วนตื่นขึ้นจากการถูกกระตุ้น แต่ก็ทำได้เพียงแค่ทอดถอน ไม่อาจต่อกรได้
สุดท้ายแล้วสิ่งที่พวกเขาทำได้ก็มีเพียงแค่ทิ้งแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ พาเผ่ามนุษย์ที่เหมาะในการติดตามจากไป
มีบางเผ่าจากไปเพียงลำพัง สร้างพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นของพวกเขาเองที่นอกแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์
แต่เผ่าพันธุ์ส่วนมากคือรวมตัวกัน สร้างพื้นที่ในตำนานของแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์…แดนศักดิ์สิทธิ์
พื้นที่ศักดิ์สิทธิ์แดนศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้อยู่นอกขอบฟ้า ดูเหมือนไกลโพ้น แต่ความจริงแล้วไม่ได้ไกลกับแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์มากมายมหาศาลขนาดนั้น
พวกเขาหลังจากที่ใช้แผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ดึงความสนใจจากเสี้ยวหน้าเทพเจ้าแล้ว หลายปีมานี้ตัวเองก็อยู่สุขสงบเป็นสุข อีกทั้งยังพัฒนาไปอย่างไม่หยุดหย่อน
แต่ทุกอย่างนี้เป็นเผ่าพันธุ์ที่หลงเหลือบนแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ แบกรับเคราะห์กรรมความทุกข์ยากที่เดิมทีทุกเผ่าควรจะแบกรับไว้ด้วยกันเพื่อพวกเขา
และหมื่นเผ่าในแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ ในห้วงวันเวลาที่หมุนผ่าน หลังจากที่ตายไปกลุ่มแล้วกลุ่มเล่า สร้างใหม่กลุ่มแล้วกลุ่มเล่า แม้จะยังมีความเชื่อมโยงอย่างซับซ้อนแนบแน่นกับหมื่นเผ่าเมื่อในอดีต แต่ความจริงคุณสมบัติแตกต่างกันเป็นอย่างมาก
ไอพลังประหลาดก็คือสัญลักษณ์ที่สำคัญที่สุด
แม้ตลอดเวลาที่ผ่านมานี้ ดูเหมือนไอพลังประหลาดไม่ได้มีผลกระทบต่อผู้บำเพ็ญขนาดนั้น แต่ความจริงเรื่องพวกนี้เกี่ยวพันกับสำนักที่พวกเขาอยู่ ยิ่งเป็นขั้วอำนาจสำนักใหญ่ การจัดการกับไอพลังประหลาดก็ยิ่งละเอียด
ส่วนสำนักเล็กๆ ข้างนอกและมนุษย์ทั่วไป ไอพลังประหลาดคือหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ตัดสินความเป็นความตายของพวกเขา
แต่ต่อให้เป็นสำนักใหญ่ ขั้วอำนาจใหญ่ก็ไม่อาจจัดการไอพลังประหลาดในกายของผู้บำเพ็ญได้โดยสิ้นเชิง ทำได้เพียงแค่ฝึกบำเพ็ญตลอด สะกดมันเอาไว้ได้ชั่วคราว แต่ไม่อาจจัดการถึงต้นตอ หลงเหลืออยู่ตลอด
เหมือนภัยแฝงเร้นร้ายแรง ประมาทเพียงเล็กน้อยก็จะปะทุขึ้นในวันใดวันหนึ่งทำให้ผู้บำเพ็ญกลายพันธุ์ เพียงแต่หลายปีมานี้ ผู้คนมีวิธีต่อต้านไอพลังประหลาดมีเยอะแยะมากมาย จะอย่างไรก็มีผลบ้าง
แม้จะไม่สามารถกำจัดได้หมด แต่การกลายพันธุ์ของขั้วอำนาจใหญ่ สำนักใหญ่ก็น้อยลงไปมาก
แต่ผู้บำเพ็ญทุกคนล้วนรู้ดีว่าจะอย่างไร…มันก็เป็นภัยแอบแฝงหากมีคนมีความสามารถกระตุ้นไอพลังของฝ่ายตรงข้ามได้ เช่นนั้นผู้บำเพ็ญเมื่ออยู่ต่อหน้าเขาก็จะอ่อนแอเป็นอย่างยิ่ง
นี่เป็นเหตุผลที่เทียนประทีปทำให้มณฑลรับเสด็จราชันแตกตื่น
เพราะในพลังของเทพเจ้าจะต้องมีวิธีที่ทำให้ไอพลังประหลาดในร่างของผู้บำเพ็ญเกินจุดวิกฤตแน่นอน กลายพันธุ์ในเสี้ยวพริบตา สูญเสียความเป็นตัวเอง กลายเป็นสัตว์ประหลาด
แต่ก็ช่วยไม่ได้ เส้นทางฝึกบำเพ็ญในยุคนี้ก็เป็นเช่นนี้ ไม่ก้าวต่อไปข้างหน้าไม่ได้
มีเพียงแดนศักดิ์สิทธิ์หรือในดินแดนเมืองหลวงจักรพรรดิในตำนานเท่านั้น ถึงจะมีวิธีที่ทำให้กายบริสุทธิ์โดยสมบูรณ์ แน่นอนว่านอกจากนี้ยังมีเคล็ดวิชาพิเศษบางอย่าง ก็สามารถทำให้คนร่างกายบริสุทธิ์ได้ในระยะเวลาหนึ่งเช่นกัน
เพียงแต่ในฟ้าดินที่นี่ ต่อให้บริสุทธิ์ในช่วงระยะหนึ่ง แต่หายใจอากาศของที่นี่เข้าไป ดูดซับพลังวิญญาณที่นี่ สุดท้ายแล้วก็ถูกรุกรานอยู่ดี
ดังนั้น การถูกแดนศักดิ์สิทธิ์เลือก จึงเป็นความฝันเฝ้าปรารถนาสูงสุดของผู้บำเพ็ญมากมายในหมื่นเผ่า
แต่แดนศักดิ์สิทธิ์สูงส่ง มีเพียงเผ่าใหญ่ๆ ในแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ที่เชื่อมยังมีความเชื่อมโยงกับแดนศักดิ์สิทธิ์อยู่บ้าง และเพราะความเชื่อมโยงพวกนี้จึงทำให้ระเบียบและระบบในเผ่าใหญ่เหล่านี้ไม่เคยพังทลาย
เหมือนดั่งเผ่ามนุษย์ เหมือนดั่งห้ากรมทมิฬเผ่ามนุษย์
ตอนนี้ ท่ามกลางแสงอาทิตย์อัสดงยามโพล้เพล้นี้ ในเสี้ยวขณะที่ประกายแสงปรากฏในดินแดนนรกบนดินแห่งนี้ โถงครองกระบี่ก็ลงมือ
“เผ่ามนุษย์ยังคงอยู่!” บนท้องฟ้า ขณะที่คำพูดของเงาร่างวัยกลางคนดังขึ้น ศึกสยบสะกดก็เปิดฉากขึ้นทันที
เงาร่างแต่ละทางกะพริบวูบวาบมาจากทั่วทุกทิศ มาพร้อมด้วยจิตสังหาร พุ่งตรงไปยังเขาไตรวิญญาณสะกดมรรคา
สามารถเป็นผู้ครองกระบี่ได้จะต้องเป็นผู้ที่ยอดเยี่ยมโดดเด่น ตอนนี้จิตสังหารท่วมฟ้า เมืองที่ลูกศิษย์เขาไตรวิญญาณบนพื้นเหล่านั้นอยู่ก็วุ่นวายปั่นป่วนขึ้นมาทันที
ทางสามเทพวิญญาณก็เช่นเดียวกัน แสงกระบี่กวาดโหมภูเขาลูกที่หนึ่ง ยักษ์คำรามใส่ภูเขาลูกที่สอง กระบี่สามเล่มโจมตีใส่ภูเขาลูกที่สามพร้อมกัน
ฟ้าดินสั่นสะเทือน เสียงดังกึกก้องทั่วทุกสารทิศ
เสียงคำราม เสียงสลดสังเวช เสียงเคล็ดวิชา ดังก้องฟ้า ทำให้เมฆดำบนท้องฟ้าบางลงเรื่อยๆ แสงอาทิตย์อัสดงสาดลงมามากขึ้นเรื่อยๆ
ส่วนชายกลางคนที่เป็นหัวหน้าโถงครองกระบี่มณฑลรับเสด็จราชัน เขาอยู่กลางอากาศ เดินไปทางภูเขาลูกที่หนึ่ง
สามวิญญาณร้ายที่แปรเปลี่ยนมาจากสามจิตของจักรพรรดิภูต เจ้าสามกับเจ้าสองเป็นเพียงแค่ระดับหวนสู่อนัตตาขั้นหนึ่ง แต่เทพวิญญาณไทกวงที่เป็นพี่ใหญ่ เมื่อหลายปีก่อนก็ก้าวสู่ขั้นที่สองแล้ว ตอนนี้ ท่ามกลางแสงกระบี่ หมอกดำที่แปลงมาจากเทพวิญญาณไทกวงแข็งแกร่งไม่อาจต้านทาน
แต่ในเสี้ยวขณะต่อมา พลังที่พุ่งทะลวงห้วงดาราก็ปะทุสะกดควบคุมลงมาทันทีจากการก้าวเข้ามาของผู้บำเพ็ญกลางคน
บนฟ้ากำลังรบ
บนแผ่นดินกำลังรบ
ทุกอย่างที่เห็นล้วนกำลังรบ!
“โอกาสมาแล้ว!” นายกองทางนั้นจู่ๆ กระโดดขึ้นมา ดวงตาวาววาบเอ่ยอย่างเร่งร้อน
ระหว่าง เขาก็พลันพุ่งออกไปทั้งตัว พุ่งตรงไปยังภูเขาลูกที่สาม ในตอนที่พุ่งออกไปก็ยังไม่ลืมที่จะหันไปกวักมือเร่งสวี่ชิงกับเหยียนเหยียน
“ไปสิ”
เหยียนเหยียนกำลังจะลุกขึ้น แต่สวี่ชิงกลับหมุนตัวเดินไปทางซากต้นไม้แห้งที่อยู่ข้างหลังไม่ไกลอย่างไม่รีบไม่ร้อน ยืนอยู่หน้าต้นไม้ สวี่ชิงเอ่ยปากพูดขึ้นด้วยสีหน้าสงบนิ่ง
“ศิษย์พี่ใหญ่ ต้องไปแล้ว”
คำพูดสวี่ชิงเมื่อดังออกมา ร่างของนายกองที่อยู่ไกลๆ ก็ชะงักไปทันที สีหน้าแปลกประหลาด ทำท่าแปลกใจ


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา