บทที่ 339 เริ่มต้นการเปลี่ยนแปลง
บนตำราไม้ไผ่ รายชื่อมากมายถูกขีดทิ้งไปแล้ว แต่มีชื่อหนึ่งยังคงอยู่ตรงนั้นอย่างชัดเจน
สีบนนั้นปรากฏเป็นสีม่วงแดง เหมือนว่าในยามที่สลักมีเลือดหยด ทิ้งไว้จนแห้งกรัง
รัชทายาทม่วงคราม
สวี่ชิงมองชื่อนี้ด้วยสีหน้านิ่งสงบ ดูแล้วเหมือนไม่มีระลอกคลื่นอารมณ์ใดๆ เพียงแค่กำเหล็กแหลมไว้ในมือ ออกแรงโดยที่คนอื่นไม่สังเกตเห็น
จากนั้นเขาก็เบนสายตากลับมา หลังจากเก็บตำราไม้ไผ่ ก็เงยหน้ามองแสงพรายรุ้งสีแดงใต้ผืนฟ้าอาทิตย์อัสดง จากนั้นครู่หนึ่งก็พูดกับนายกองและเหยียนเหยียนเบาๆ ว่า
“ข้าจะปิดด่านสักหน่อย”
เหยียนเหยียนสัมผัสได้รางๆ ว่าสวี่ชิงเศร้าซึมเล็กน้อย ได้ยินดังนั้นก็รีบหยักหน้า
“ไปเถอะอาชิงน้อย มีศิษย์พี่ใหญ่อยู่ เจ้าวางใจทะลวงวังที่สามเถอะ” นายกองนั่งอยู่ตรงนั้น หัวเราะฮ่าๆ
“ศิษย์พี่ใหญ่ การปิดด่านครั้งนี้ของข้าจะมีพิษระเหยออกมาด้วยเล็กน้อย พวกท่านอย่าได้เข้ามาใกล้เกินไป หากว่า…มีเหตุการณเปลี่ยนแปลงอะไร พวกท่านจากไปทันทีได้เลย ไม่ต้องสนใจข้า ข้าจัดการได้”
สวี่ชิงเอ่ยเตือน
นายกองเมื่อได้ยินดังนั้น กำลังจะคุยโวอีกสองสามประโยค แต่หลังจากที่คิดๆ ดูแล้ว ก็ทิ้งระยะห่างอย่างรวดเร็ว
เขาเคยเห็นพิษของสวี่ชิงหลายครั้ง รู้สึกว่าแปลกประหลาดนอกรีตนอกรอยขึ้นเรื่อยๆ
เหยียนเหยียนก็ตาเบิกโพลงเช่นกัน รีบถอยหลังไปอย่างรวดเร็ว นางนึกถึงสมาชิกกลุ่มนกเขาราตรีที่ถูกพิษในคุกกรมปราบพิฆาตพวกนั้น
เห็นสองคนทำแบบนี้ สวี่ชิงก็วางใจ ครั้งนี้เขาจะบรรจุลูกกลอนพิษต้องห้ามไปในวังสวรรค์ แม้เขาจะวางแผนไว้นานมาก ทั้งยังวิเคราะห์ถึงความเสี่ยง แต่จะอย่างไรก็มีเรื่องที่ไม่รู้บางอย่าง
นอกจากนี้เขาก็ไม่รู้ว่าครั้งนี้ตัวเองจะปิดด่านนานเท่าไร จึงมอบอำนาจการควบคุมเรือศึกเวทให้นายกอง จากนั้นก็หันหลังเดินไปทางห้องเรือ
ในตอนที่เกือบจะเดินเข้าไปในห้องโดยสาร สวี่ชิงก็พลันนึกอะไรขึ้นได้ หันไปหานายกอง
“ศิษย์พี่ใหญ่ ข้าเหมือนว่าจะไม่เคยเห็นเรือเวทของท่านมาก่อน”
นายกองได้ยินดังนั้นสีหน้าก็ฉายแววได้ใจ เอ่ยขึ้นอย่างภาคภูมิ
“ข้าเก็บเอาไว้ในสถานที่ลึกลับหล่อเลี้ยงเอาไว้อยู่ ใกล้สำเร็จแล้ว เมื่อสำเร็จข้าก็จะไปเอาออกมา รับประกันว่าตาแก่ได้เห็นก็จะต้องตื่นตะลึงอย่างแน่นอน”
สวี่ชิงชินกับการพูดจาวางโตของนายกองเสียแล้ว จึงพยักหน้าเดินเข้าไปในห้องเรือ
หลังจากก้าวเข้าไป เขาก็ปิดประตูห้อง นั่งขัดสมาธิประสานปางมือ กระตุ้นค่ายกล ผนึกห้องเรือเอาไว้โดยสมบูรณ์ ทำให้กลิ่นอายแผ่กระจายออกไปไม่ได้
จากนั้นก็เอาอาวุธเวทออกมาจำนวนหนึ่งแล้ววางไว้รอบๆ
ทำเรื่องพวกนี้เสร็จ สวี่ชิงก็หายใจลึก เปิดถุงเก็บของจัดระเบียบสักหน่อย โดยเฉพาะขวดและกระปุกต่างๆ ที่ได้มาจากถ้ำเทพวิญญาณโยวจิง เปิดออกสำรวจ วิเคราะห์ทีละใบๆ หาวัตถุที่มีพลังชีวิตในนั้น
ในเมื่อการต้านทานลูกกลอนพิษต้องห้าม สิ่งที่สามารถต้านทานได้มีเพียงอย่างเดียวซึ่งก็คือพลังชีวิต
หลังจากคัดเลือกเสร็จ สวี่ชิงก็สำรวจตรวจสอบของชิ้นอื่นๆ เช่นกัน จวบจนเมื่อเตรียมพร้อมทุกอย่างแล้ว เขาก็หลับตา เงียบนิ่งไปครู่หนึ่ง แล้วจึงหยิบเอากล่องปรารถนาออกมา
มองกล่องปรารถนาที่อยู่ข้างหน้า สวี่ชิงไม่ได้รีบเปิด ขณะสะบัดมือในมือก็มีแผ่นหยกโบราณแผ่นหนึ่งปรากฏขึ้นมา
แผ่นหยกแผ่นนี้ก็คือวัตถุที่อยู่ในกล่องปรารถนากับลูกกลอนพิษต้องห้ามตอนนั้นนั่นเอง
ตอนนี้สวี่ชิงถือมันอยู่ในมือ สำหรับพิษที่หลงเหลือบนนั้น ในตอนนี้ภูมิต้านทานของเขาสามารถต้านทานได้ในระดับหนึ่ง ยิ่งมีพลังฟื้นฟูจากผลึกวารีสีม่วง ดังนั้นแม้มือขวาของเขาจะดำเล็กน้อย แต่ก็ไม่เกิดการเน่าเปื่อย
เสียงเก่าแก่โบราณก็ดังก้องในสมองสวี่ชิงปานอัสนีสวรรค์อีกครั้งจากการที่จิตเทพถ่ายทอดเข้าไป
“อะไรคือมหามรรคา มหามรรคาสามพันสายล้วนสำเร็จบรรลุได้ ในบรรดามหามรรคาสามพันสายมีวิถีแห่งพิษหรือไม่
“ผู้คนรังเกียจความมืดมิดชั่วร้าย ดูแคลนพิษร้าย มองว่าเป็นวิถีเล็ก ยากจะบรรลุสำเร็จเช่นนั้นหรือ
“ข้าก็เคยคิดเช่นนั้น ดูแคลนวิถีพิษร้าย
“จนกระทั่งวันหนึ่งสังหารต่างเผ่าที่ย่างออกมาจากแผ่นดินเทวะ ผู้บำเพ็ญผู้นี้กำลังรบสูงส่ง วิถีที่ฝึกบำเพ็ญชั่วร้ายอย่างยิ่ง เขาจ้องมองมาด้วยเนตรพิษก่อนที่จะตาย ทำให้พลังบำเพ็ญของข้าหนึ่งวันตกลงหนึ่งขั้นใหญ่
“เพียงสิบวันก็กลายเป็นมนุษย์ปุถุชน ใช้ชีวิตผ่านวันคืนในโลกมนุษย์ไปหกสิบปี ได้รับความทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส ใช้สมบัติสิ่งล้ำค่าไปมหาศาลเพื่อใช้ชีวิตเอาตัวรอดไปวันๆ ทั้งหลอมพิษนี้ในกายเปลี่ยนมันออกมาเป็นลูกกลอนเม็ดหนึ่ง
“นับจากนั้น ข้าก็ค้นคว้าต่อลูกกลอนนี้ ทว่าจวบจนภัยพิบัติมาถึงก็ยังไม่บังเกิดผล จึงเหลือวัตถุกึ่งสำเร็จแด่คนรุ่นหลัง
“ลูกกลอนนี้คือพิษ และเป็นสิ่งต้องห้ามด้วยเช่นกัน! หากผู้บำเพ็ญระดับสูงได้รับไป ห้ามใช้มันกับตัว มันจะเป็นหายนะที่มิอาจฟื้นฟู จักต้องพานพบกับความตายอย่างแน่นอน จำเป็นต้องค้นหาผู้บำเพ็ญระดับต่ำระดับแก่นลมปราณวังสวรรค์ ให้เขาใช้ลูกกลอนพิษนี้แทนที่แก่นลมปราณในวังสวรรค์ที่ฝึกบำเพ็ญมา สำเร็จเป็นผู้บำเพ็ญวิถีพิษที่ไม่เหมือนใคร
“มีเพียงทำเช่นนี้ จึงจะสามารถเปลี่ยนแปลงจิตวิญญาณ ทำให้เดินบนเส้นทางแห่งลูกกลอนต้องห้ามสายนี้ได้!
“ด้วยการอนุมานของข้า เส้นทางลูกกลอนต้องห้ามคือใช้พิษสั่นคลอนสรรพชีวิต ใช้สิ่งต้องห้ามทำลายล้างโลกด้วย น่าหวาดกลัวพรั่นพรึง หรือมันอาจจะเป็นวิชาแห่งแผ่นดินเทวะที่ลึกล้ำยากเกินหยั่ง และแผ่นดินเทวะท้ายสุดจะกลายเป็นศัตรูตัวฉกาจของทั้งหมื่นเผ่าอย่างแน่นอน!”
ในดวงตาสวี่ชิงฉายแววเด็ดเดี่ยว
“วางลูกกลอนต้องห้ามเม็ดในกล่องปรารถนาเม็ดนี้ไปในวังสวรรค์….เรื่องนี้ ฟังจากน้ำเสียงของของผู้อาวุโสผู้นี้ เหมือนว่าจะสรุปจากการอนุมาน แต่ข้าไม่เชื่อว่าเขาไม่เคยลองมาก่อน
“แต่เห็นได้ชัดว่าล้มเหลว
“ดังนั้น ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม สุดท้ายแล้วก็มีความเสี่ยงมากๆ อยู่ จะเกิดการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนอย่างไร ทุกอย่างล้วนไม่รู้”
สวี่ชิงพึมพำ แต่แววตาเด็ดเดี่ยวในดวงตาเห็นได้ชัดว่าไม่ลดลงเลย
“แต่ว่าข้าทำความเคยชินกับพิษนี้อยู่ตลอด ในขณะเดียวกับที่มีภูมิต้านทานในระดับหนึ่ง ก็ผสานแมลงสีดำไว้ในกาย ให้มันอยู่ในนี้ชั่วขณะหนึ่ง
“แม้ข้าจะไม่มีภูมิต้านทานพิษของมันโดยสมบูรณ์ แต่ก็ทำได้ถึงขั้นสูงสุดแล้ว ยากจะมีภูมิต้านทานที่มากกว่านี้
“และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ลูกกลอนพิษต้องห้ามเม็ดนี้เหมือนจะใกล้สิ้นฤทธิ์ไปแล้วเต็มที อยู่ในสภาวะแห้งเหือด อีกทั้งยังเป็นลูกกลอนกึ่งสำเร็จ ไม่ใช่วัตถุที่สำเร็จสมบูรณ์
“หากเสียเวลาไปเช่นนี้สภาวะแห้งเหือดของมันก็จะค่อยๆ มากขึ้น หากสุดท้ายแห้งเหือดกลายเป็นลูกกลอนที่สิ้นฤทธิ์โดยสมบูรณ์ขึ้นมาจริงๆ คุณค่าของมันก็จะลดลงอย่างมหาศาล มีเพียงหลังจากผสานมันแล้วถึงจะมีความเป็นไปได้ที่มันจะฟื้นคืนกลับมา

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา