บทที่ 340 แสงทองบนข้อมือ
สามวันผ่านไป
วังสวรรค์วังที่สามกำลังผสานกับลูกกลอนพิษต้องห้ามช้าๆ
หนึ่งส่วน สองส่วน สามส่วน…
ร่างของสวี่ชิงตอนนี้ส่วนใหญ่กำลังเน่าสลาย แต่เขายังคงนั่งอยู่ตรงนั้น ต่อต้านสุดกำลัง
นอกจากผลึกวารีสีม่วงรวมถึงเขาจักรพรรดิภูตแล้ว ในสามวันนี้สวี่ชิงก็ปล่อยแมลงสีดำออกมาทั้งหมด
แมลงสีดำเหล่านี้ทยอยชอนไชเข้าไปในร่างกายภายใต้การควบคุมของเขา ดูดซับพิษลูกกลอนพิษในเลือดเนื้อ
วิธีการเหล่านี้ คือพลังสนับสนุนระลอกแรกที่สวี่ชิงเตรียมไว้สำหรับจุดที่จะผสานกับพิษต้องห้าม
ทว่าความเป็นพิษของลูกกลอนพิษต้องห้ามก็รุนแรงเกินไป พลังสนับสนุนระลอกแรกของสวี่ชิงช่วยไม่ได้มากนัก ร่างกายของเขากำลังเน่าสลายอย่างมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
เขาทำได้เพียงอาศัยทั้งหมดนี้ ช่วงชิงเวลาผสานให้สมบูรณ์เร็วกว่าความตายที่จะมาเยือน
เวลาค่อยๆ ไหลผ่านไป เพียงพริบตาก็ผ่านไปสี่วัน ในที่สุดยาลูกกลอนพิษต้องห้ามผสานและเปลี่ยนแปลงวังสวรรค์วังที่สามมาถึงเจ็ดส่วน
แต่สี่วันนี้ สวี่ชิงที่แบกรับความทรมานและความเจ็บปวดน่าเวทนาก็มาถึงช่วงท้ายที่ไร้ซึ่งเรี่ยวแรงแล้ว ทำได้เพียงอดทนอยู่เงียบๆ
ตำแหน่งที่เขานั่งมีเลือดสดสีดำนองอยู่เต็มพื้น
นั่นคือสิ่งที่แปรมาจากเลือดเนื้อที่เน่าสลายของเขา
เสื้อผ้าของเขาเว้าแหว่งไป เลือดเนื้อในร่างกายเน่าสลายเกือบทั้งหมด สองมือที่อยู่ด้านนอกเหลือเลือดเนื้ออยู่ไม่มากแล้ว กระดูกสีดำน่าขนพองสยองเกล้ามาก
พิษที่มาจากลูกกลอนพิษต้องห้ามทำลายร่างกายของเขาทุกส่วน กระทั่งทะเลความรู้สึกก็เป็นร่อยหรอ จิตวิญญาณหม่นหมองเป็นที่สุด
ดูเหมือนสภาพการณ์ของเขากำลังก้าวย่างสู่ความตาย
อันที่จริงยืนหยัดได้ถึงตอนนี้ถือว่ามหัศจรรย์มากแล้ว นี่คือสิ่งที่สวี่ชิงแลกมาจากประสบการณ์ที่สั่งสมมา
และการผสานกับลูกกลอนพิษต้องห้าม ต่อให้เป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่ทิ้งลูกกลอนเม็ดนี้ไว้คนนั้นก็ยังทำไม่สำเร็จ
ถึงอย่างไรหากทำสำเร็จจริง ยาลูกกลอนที่ยังไม่สมบูรณ์คงไม่เหลือทิ้งไว้เป็นมรดกเช่นนี้แน่
ส่วนผู้ยิ่งใหญ่คนนั้นก็ย่อมไม่มีทางเป็นคนธรรมดา ขนาดเขาอยู่ภายใต้สิ่งคุ้มกันยังทำไม่สำเร็จ แค่คิดก็รู้แล้วว่ายากมากเพียงใด
ดังนั้นทั้งหมดนี้ คือดำเนินการตามทฤษฎีทั้งสิ้น
ต่อให้สวี่ชิงมีตะเกียงแห่งชีวิตสองดวงคุ้มกัน ต่อให้มีเขาจักรพรรดภูตสะกด ต่อให้ร่างกายมีภูมิต้านทาน ต่อให้มีแมลงสีดำช่วยเหลือ แต่ก็ยังอยู่ในช่วงตะเกียงที่น้ำมันใกล้มอดอยู่ดี
แม้ผลึกวารีสีม่วงจะยังโคจรอย่างเต็มที่แผ่ซ่านพลังชีวิต เพื่อเหนี่ยวรั้งการตายของสวี่ชิง แต่มันก็ยังมีขีดจำกัด
เจ้าเงาตอนนี้ไม่ส่งคลื่นอารมณ์ออกมาแล้ว บรรพจารย์สำนักวัชระก็ระมัดระวัง
พวกเขาสัมผัสได้ถึงปราณความตายที่แผ่ออกมาจากสวี่ชิง ความคิดแต่ละคนเต็มไปด้วยความซับซ้อน
แต่ไม่ว่าจะอย่างไร ความน่ากลัวและปณิธานอันแข็งแกร่งของสวี่ชิงในอดีต ทำให้พวกเขาไม่กล้าคิดร้าย ต่อให้มีจริงๆ ก็ไม่กล้าทำอะไรอยู่ดี
จนผ่านไปครึ่งวัน สองขาของสวี่ชิงก็เหลืออยู่แค่กระดูกสีดำ เส้นผมก็ไม่เหลือแล้ว
ใบหน้าหล่อเหลาเหมือนปีศาจแต่เดิมเหลือแต่กระดูก เนื้อเน่าเฟะกลายเป็นน้ำเลือดสีดำเหนียวข้นหยดลงพื้น
เปลือกตาของเขาก็หายไป เผยดวงตาที่ไร้ประกายออกมา พลังชีวิตกำลังลดหลั่นอย่างรวดเร็ว
ส่วนผลึกวารีสีม่วงในตอนนี้ก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว เห็นว่าสวี่ชิงกำลังจะแพ้พ่าย ตอนนี้เอง จู่ๆ ดวงตาสวี่ชิงก็เกิดประกายวูบหนึ่ง
ประกายที่ปรากฏขึ้น ทำให้บรรพจารย์สำนักวัชระกับเจ้าเงาที่เห็นใจสั่นสะเทือน
สวี่ชิงไม่สนใจพวกเขา ค่อยๆ ก้มหน้าลงเสียงลั่นกร๊อบแกร๊บ ราวกับว่าถ้าออกแรงมากอีกนิด ศีรษะของเขาก็จะหลุดลงมา
หลังจากก้มหน้า สวี่ชิงก็พยายามยกมือขวาที่เลือดเนื้อเหวอะหวะ หยิบขวดเล็กๆ ที่วางอยู่ตรงหน้าขึ้นมา
เมื่อบีบจนแตก เลือดเต๋าหวนสู่อนัตตาด้านในลอยออกมาที่ร่างกายของเขา
นี่คือพลังสนับสนุนระลอกสองที่สวี่ชิงเตรียมไว้
ในพริบตา เลือดเต๋าก็ผสานเข้าไปในร่างสวี่ชิง
พลังชีวิตที่มาจากเลือดเต๋าหลั่งทะลักไปทั้งร่างสวี่ชิงในพริบตา ขณะที่บำรุงเลือดเนื้อของเขา ก็ทำให้เขาจักรพรรดิภูตในทะเลความรู้สึกเขาเปล่งแสงเจิดจ้า
เพียงแต่เมื่อเทียบกับพลังชีวิต ท่วงทำนองเต๋าที่แฝงอยู่ภายในต่างหากถึงจะเป็นจุดสำคัญของเลือดหยดนี้
ดังนั้นแม้จะมีในการช่วยเหลือด้านพลังชีวิต แต่ก็ยังมีขีดจำกัด
แต่การช่วยเหลือเขาจักรพรรดิภูตนั้นมากมายมหาศาล
เวลานี้เขาจักรพรรดิภูตก็ยิ่งเปลี่ยนไปจนดูสมจริงมากขึ้นจากการสูดรับท่วงทำนองเต๋า
ท่วงนำนองเข้มข้นที่แผ่ออกมา ใบหน้ายิ่งแลดูคล้ายคลึงกับสวี่ชิง สิ่งที่สัมผัสได้เหมือนห่างจากรูปธรรมก้าวใหญ่โดยสมบูรณ์
การเปลี่ยนแปลงนี้ ยิ่งคล้ายกับการเปลี่ยนแปลงด้านคุณสมบัติ หากไม่มีเลือดเต๋า แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมาถึงจุดเปลี่ยนแปลงด้านคุณสมบัติ
ผลของเลือดเต๋า ราวกับมอบเมล็ดพันธุ์ดวงวิญญาณ ราวกับมอบแก่นวิญญาณให้!
หากเป็นช่วงปกติ สวี่ชิงจะต้องสังเกตอย่างละเอียดแน่นอน แต่ตอนนี้เขาไม่มีกระจิตกระใจ อาศัยพลังชีวิตในเลือดนี้ข้ามผ่านไปอีกหนึ่งวัน
วังสวรรค์วังที่สามในร่างกาย อาณาเขตสีดำเปลี่ยนจากเจ็ดส่วนเป็นแปดส่วนแล้ว
หลังจากแปดส่วน ร่างกายสวี่ชิงก็ยิ่งเน่าสลายอีกครั้ง เขาจึงล้วงเอาท่อนไม้ท่อนหนึ่งออกมาอย่างสั่นเทา วางไว้เบื้องหน้า
นี่คือพลังสนับสนุนระลอกสามที่เขาเตรียมไว้
พริบตาต่อมา ท่อนไม้สีดำนี้ก็เปล่งแสงเจิดจ้า กลายเป็นประตูใหญ่สีดำบานหนึ่ง เปิดออกช้าๆ ด้านในมีแสงสีขาวแผ่ผนึกระดับพลังชีวิตออกมาจากด้านใน
เมื่อแสงนี้ปรากฏ เพียงพริบตาก็กลายเป็นพลังผนึก ทำให้สภาวะพลังชีวิตของสวี่ชิงมั่นคง
ทว่าแสงที่สามารถผนึกสภาวะพลังชีวิตขณะเปลี่ยนเป็นเผ่าสิงซากสมุทรได้สำเร็จครั้งนั้น ในเวลานี้…กลับไม่ได้มีผลสมบูรณ์แบบ ไม่สามารถปิดผนึกได้ทั้งหมด ทำได้เพียงประวิงเวลา
คุณสมบัติพิษที่มาจากลูกกลอนพิษต้องห้ามนี้สูงส่งเกินไป แทบจะมีเพียงแค่พลังชีวิตเท่านั้นที่จะต่อต้านมันจนสมดุลได้ นอกจากนี้ผลลัพธ์จากพลังภายนอกทั้งหมด ไม่สามารถสำแดงออกมาได้สมบูรณ์
แม้จะเป็นเช่นนี้ แต่สุดท้ายก็ยังมีผลอยู่บ้าง
ผลึกวารีสีม่วงกับสิ่งที่คอยต่อต้านลูกกลอนพิษทั้งหมดในร่างกายสวี่ชิงก็ดูเหมือนจะคงตัวขึ้นเล็กน้อยระหว่างที่ประวิงเวลานี้ ทำให้เขายืนหยัดนานขึ้นอีกพักหนึ่ง
ผ่านไปอีกหนึ่งวัน
วังสวรรค์วังที่สามในร่างกายเขาเวลานี้ดำทมิฬไปแล้วถึงเก้าส่วน การผสานและการเปลี่ยนแปลงก็เช่นเดียวกัน แต่จนถึงตอนนี้ ผนึกของแสงประตูดำก็หมดฤทธิ์ไป
“สำเร็จไปเก้าส่วนแล้วหรือ…” สวี่ชิงพึมพำ ประกายในดวงตาหม่นหมอง โลกเบื้องหน้าเลือนราง แต่เขาไม่ได้หระวนกระวาย
แม้จะเป็นเช่นนี้ แต่ทั้งหมดก็ยังอยู่ในการควบคุม
เพียงแต่สิ้นเปลืองเกินไป และเกินกว่าที่เขาคาดคิดเอาไว้จริงๆ
ขณะที่กระเสือกกระสน สวี่ชิงเห็นขวดวางเรียงรายอยู่ตรงหน้าที่ได้มาจากเทพวิญญาณโยวจิง
ในนี้มียาลูกกลอน แม้จะปะปนกัน แต่สวี่ชิงก็ตรวจสอบแยกแยะไว้แล้วก่อนหน้านี้ ที่วางอยู่ตอนนี้ล้วนเป็นยาลูกกลอนที่แฝงไว้ด้วยพลังชีวิตทั้งนั้น
สิ่งเหล่านี้ คือพลังสนับสนุนระลอกสี่ที่ตนเองเตรียมไว้สำหรับการหลอมรวมลูกกลอนพิษ


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา