บทที่ 341 ใกล้จะได้มาแล้ว
นอกอาณาเขตเขาไตรวิญญาณสะกดมรรคา ระหว่างฟ้าดินมีเรือเวทผุพังลำหนึ่งกำลังแล่นหวีดหวิวไปเบื้องหน้า เพียงแต่ดูเอียงกะเทเร่อยู่บ้าง ราวกับว่ากำลังจะร่วงหล่นลงได้ในพริบตา
เรือเวทลำนี้สภาพผุพัง ไม่ว่าจะด้านอกหรือดาดฟ้าเรือ ล้วนเต็มไปด้วยรอยแตกรวมถึงรอยปะง่ายๆ สภาพเหมือนจะหลุดกระจายเป็นชิ้นๆ ได้ตลอดเวลา
ให้ความรู้สึกเหมือนไม่มีเงินจะไปซ่อมแซม แต่ก็เอาออกมาฝืนใช้อย่างไรอย่างนั้น
ที่ยิ่งไปกว่าคือ บางครั้งยังมีชิ้นส่วนบางชิ้นหลุดร่วงออกมาจากตัวเรือเวทด้วย ร่วงลงสู่พื้นดิน
และนี่ ก็คือเรือเวทของสวี่ชิง
เหยียนเหยียนมองนายกองที่ว้าวุ่นด้านนอกเรือเวท ขมวดคิ้วถาม
“พี่สวี่ชิงให้สิทธิ์ควบคุมเรือกับเจ้า ก็เพราะเชื่อมั่นในตัวเจ้านะ แต่เจ้ามาทำเช่นนี้ พี่สวี่ชิงจะโกรธเอานะ”
“เหยียนเหยียนข้าขอตำหนิเจ้าหน่อย คนอย่างเจ้าทำไมไม่รู้จักเด็กรู้จักผู้ใหญ่เลย เอ่ยปากก็เรียกเจ้าๆๆ ไม่มีมารยาทเลยสักนิด!”
ในมือนายกองถือแปรงอยู่ด้ามหนึ่ง กำลังวาดรอยแตกที่ด้านนอกเรือเวท เมื่อได้ยินก็เงยหน้าขึ้น มองไปทางเหยียนเหยียนอย่างไม่สบอารมณ์
ดวงตาเหยียนเหยียนเย็นชาทันทที ความโกรธปะทุขึ้น ต่อให้คนเบื้องหน้านี้จะมีพลังบำเพ็ญที่สะกดนางได้ในพริบตา แต่ขอแค่พลังบำเพ็ญไม่สูงกว่าท่านย่า เหยียนเหยียนก็ไม่กลัว
ตั้งแต่เล็กจนโต คนที่กล้าตำหนินางเช่นนี้ ล้วนถูกนางถลกหนังมาหมดแล้ว
ยกเว้นพี่สวี่ชิง
“ยังจะถลึงตาอีกรึ” นายกองยิ่งไม่สบอารมณ์ ถลึงตามองเหยียนเหยียน ตำหนิต่อว่า
“ข้าจะบอกเจ้าไว้นะสาวน้อย เกิดเป็นคนก็ต้องรู้จักมีมารยาท สวี่ชิงเรียกข้าว่าศิษย์พี่ใหญ่ เจ้าก็ต้องเรียกว่าข้าศิษย์พี่ใหญ่ด้วยสิ คำเรียกนี้ สาวๆ ผู้บำเพ็ญที่อยู่รอบตัวสวี่ชิง ตอนนี้ก็มีแต่เจ้าที่ได้รับเกียรตินี้นะ มา บอกกับข้าหน่อยว่าเจ้าผิดไปแล้ว”
“หา?”
เหยียนเหยียนตกตะลึง หลังจากกระพริบตาปริบๆ ใบหน้าเล็กก็แดงระเรื่อ ความโกรธทั้งหมดเลือนหายไป เอ่ยอย่างว่าง่าย
“ศิษย์พี่ใหญ่ข้าผิดไปแล้ว”
“อย่างนี้ถึงจะถูก” นายกองยิ้มหน้าบาน รู้สึกลำพองใจ มือขวายกขึ้นโบก โยนแปรงออกไป
“เจ้าไปขัดอีกด้าน อาชิงเจ้าเด็กโง่คนนี้ ทำเรือเวทเสียสะอาดสะอ้าน ไม่เข้ากับประเพณีของเจ็ดเนตรโลหิตเลย นี่ข้ากำลังช่วยเขานะ”
นายกองพูดพลางถูข้างๆ เรือเวทต่อ เมื่อมองไป จุดที่ถูทั้งหมดถูกเขาวาดเป็นรอยแตกหลายรอย ยิ่งไปกว่านั้นยังดูสมจริงมาก
“เรือเวท ต้องดูแล้วผุพังหน่อย ถึงจะน่าพิศวง”
เหยียนเหยียนรับแปรงไปอย่างลังเล หลังจากลังเลก็ลงมือขัด
“แต่ว่าศิษย์พี่ใหญ่ ทำไมท่านถึงโยนชิ้นส่วนออกไปด้วยล่ะ แล้วยังก่อควันขโมงอีก” เหยียนเหยียนอดถามไม่ได้
“ตกปลาน่ะ พวกเราตลอดทางที่เหาะเหินมาสูญเสียหินวิญญาณไปเยอะ และครั้งนี้พวกเราก็ไม่ได้ออกมาพร้อมสำนักด้วย หินวิญญาณทั้งหมดต้องใช้ของตนเอง แน่นอนว่าต้องตกปลามาปล้นเสียหน่อย
“เหยียนเหยียนข้ายังต้องตำหนิเจ้าอีกนะ สวี่ชิงใช้จ่ายมือเติบ เจ้าจะทำเช่นนี้ไม่ได้ ต้องรู้จักเก็บหอมรอมริบไว้บ้าง เข้าใจหรือไม่ นี่ข้าก็กำลังช่วยสวี่ชิงประหยัดเงินอยู่!” นายกองเอ่ยขึ้นอย่างเคร่งขรึม
เหยียนเหยียนฟังถึงตรงนี้ ก็รีบร้อนพยักหน้า สีหน้าเข้าใจกระจ่าง จดจำเอาไว้ในใจ
“นอกจากนี้ เส้นทางที่พวกเรากำลังตรงไปคือที่ราบหิมะเหนือสุดที่เสามรรคาสวรรค์พ้นพันธะตั้งอยู่ ระหว่างทางจะผ่านแดนต้องห้ามของมณฑลรับเสด็จราชัน และผ่านแม่น้ำบรรพกาลเร้นหมื่นเทพสายหลักด้วย เลียบทางนี้ย่อมมีความเสี่ยงแน่นอน การทำให้เป็นเช่นนี้ พวกผู้แข็งแกร่งเหล่านั้นอาจจะไม่สนใจก็ได้”
นายกองขัดถูต่อ จนตอนที่วาดรอยแตกรอยสุดท้ายเสร็จ เขาก็กระโจนขึ้นมาบนดาดฟ้าเรือ มองผลงานชั้นยอดของตนเองอย่างพึงพอใจ
“ไม่เลวๆ อย่างนี้ดูดีขึ้นเยอะเลย”
เหยียนเหยียนมองเรือเวทที่ผุพัง ในใจก็ลังเลอยู่บ้าง ตอนจะเอ่ยปาก ตอนนี้เอง สีหน้าของนายกองก็เปลี่ยนไป มองประตูใหญ่ห้องเรือ
สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมขึ้นในพริบตา ร่างกายเย็นวาบ ปรากฏใบหน้าขึ้นในดวงตา ทั่วร่างเขาแผ่กลิ่นอายที่น่ากลัวออกมามากขึ้นเรื่อยๆ
แทบจะพริบตาที่นายกองมองไป ประตูใหญ่ห้องเรือก็มีเสียงครืนครัน ประตูแตกหัก ขณะที่แตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เสียงคำรามต่ำที่เหมือนสัตว์ร้าย พร้อมกับความบ้าคลั่ง เผยความหิวโหยออกมาฉับพลันจากด้านใน
สิ่งที่ตามมาคือมือที่ผอมแห้งเหลือแต่กระดูกข้างหนึ่งจับกรอบประตูเอาไว้แน่น และค่อยๆ เคลื่อนตัวออกมา จนเผยร่างที่เหมือนกับโครงกระดูก
เป็นสวี่ชิงนั่นเอง เสื้อผ้าของเขาตอนนี้กลายเป็นสีดำเปรอะเลือดดำแห้งกรัง ขณะที่กลิ่นเหม็นเน่าคละคลุ้ง ใบหน้าของเขาก็แหว่งไป เหมือนผีร้าย
โดยเฉพาะความคุ้มคลั่งที่เผยออกมาจากดวงตาทั้งสอง ทำให้เหยียนเหยียนที่เห็นจิตวิญญาณสั่นสะเทือน นายกองก็หน้าเปลี่ยนสี ดวงตานี้ เขาคุ้นเคยเป็นอย่างดี
ทุกครั้งที่เขาหิวโหยล้วนเป็นเช่นนี้
“แค่ทะลวงวังสวรรค์วังที่สามเท่านั้น ต้องเอาเป็นเอาตายขนาดนี้เชียวหรือ?!” นายกองร่างไหววูบพุ่งไปหาสวี่ชิง คว้าแขนของสวี่ชิงเอาไว้ ส่วนเหยียนเหยียนก็กำลังจะเข้ามา
“เหยียนเหยียนเจ้าอย่าเข้ามา ตอนนี้จิตวิญญาณเขากำลังดิ้นรน คงจะกินอะไรที่ไม่ควรกินมาจนทำให้ขาดแคลนพลังชีวิตอย่างหนัก ความหิวโหยพุ่งขึ้นถึงขีดสุด”
นายกองดูมีประสบการณ์มาก หลังจากประคองตัวสวี่ชิงก็ล้วงเอาเนื้อก้อนหนึ่งออกมาจากถุงเก็บของ ยัดปากสวี่ชิง
สวี่ชิงกลืนลงไป หลับตาลง ตอนที่ลืมตาขึ้นหลังจากผ่านไปหลายอึดใจแม้ดวงตาจะยังแดงอยู่ แต่สติสัมปชัญญะก็สะกดความคุ้มคลั่งแล้ว
“ขอบคุณศิษย์พี่ใหญ่ ยังมีอีกหรือไม่” สวี่ชิงเสียงแหบพร่า มองนายกองที่อยู่ข้างกาย


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา