บทที่ 343 บรรพจารย์ร้อนใจ
สวี่ชิงยืนอยู่กลางอากาศ ก้มหน้ามองทุกอย่างนี้ ในใจเกิดระลอกคลื่นยักษ์
จวบจนผ่านไปครู่หนึ่งเขาถึงได้สูดลมหายใจลึก มือขวายกขึ้นคว้าไปข้างหน้า ทันใดนั้น ไอพลังประหลาดที่เกิดขึ้นที่นี่ก็พุ่งมาหาเขาทันที พันล้อมอยู่รอบๆ ฝ่ามือเกิดเป็นกระแสอากาศไหลเวียน
มองหมอกที่เกิดจากไอพลังประหลาดสีดำเป็นทางๆ รอบฝ่ามือ สวี่ชิงก็ยังคงไม่อยากจะเชื่อ
เรื่องนี้เกินกว่าการคาดหมาย แต่หลังจากที่เขาพิจารณาขบคิดอย่างละเอียดแล้วก็เหมือนว่าจะสมเหตุผล
เพราะลูกกลอนพิษต้องห้ามเป็นลูกกลอนที่ผู้วิเศษท่านนั้นสู้กับผู้แข็งแกร่งลึกลับที่มาจากแผ่นดินเทวะ ถูกอีกฝ่ายก่อนตายใช้พิษพันธนาการไว้ในกาย ผ่านความเจ็บปวดทรมานแสนสาหัสหลอมออกมา
ดังนั้นต้นกำเนิดของลูกกลอนพิษต้องห้ามความจริงแล้วก็คือผู้บำเพ็ญแผ่นดินเทวะ
และแผ่นดินเทวะ…
สวี่ชิงเงยหน้ามองท้องฟ้า
ตอนนี้บนท้องฟ้าเมฆดำลอยอวล มีเพียงท้องฟ้าพื้นที่ห้าร้อยจั้งที่เขาอยู่ที่เกิดการสลาย เกิดเป็นช่องโหว่ที่มีขนาดเท่ากัน
ตามช่องโหว่ สวี่ชิงมองจันทร์กระจ่างที่อยู่ข้างนอก และเห็นมุมหนึ่งของเสี้ยวหน้าเทพเจ้าที่ประเดี๋ยวเลือนรางประเดี๋ยวปรากฏใต้แสงจันทร์ที่ส่องสะท้อนนี้
“พื้นที่ที่เทพเจ้าลืมตามองไปครั้งหนึ่งคือพื้นที่ต้องห้าม สองครั้งเป็นแดนต้องห้าม สามครั้งคือแผ่นดินเทวะ!”
แผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์กว้างใหญ่ไพศาล สามารถทำให้เทพเจ้าลืมตาสามครั้งก็มองไปที่ตำแหน่งเดิม เรื่องนี้น้อยเสียยิ่งกว่าน้อย
“สิ่งที่แผ่นดินเทวะกุมเอาไว้ก็คือพลังของเทพเจ้าอย่างนั้นหรือ แล้วยังมีร่างทดสอบเทพเจ้าของเทียนประทีป ก็กำลังศึกษาค้นคว้าพลังของเทพเจ้าเช่นกัน”
สวี่ชิงพึมพำในใจ ตอนนี้เขารู้ถึงพลังระดับสูงสุดของลูกกลอนพิษต้องห้ามเม็ดนี้ของตัวเองอย่างถ่องแท้แล้ว บางทีอาจจะไม่ใช่พิษ แต่อาจเป็นกุญแจ
ประตูเปิดประตูแห่งเทพเจ้า
“ผู้วิเศษท่านนั้นในตอนนั้นบางทีอาจจะรู้เรื่องนี้เหมือนกันกระมัง”
สวี่ชิงพึมพำ เรื่องนี้สำหรับเขายังมีจุดที่ยังไม่กระจ่างบางอย่าง แต่ยังขาดเบาะแสสำคัญอีกมากมาย ไม่อาจวิเคราะห์ได้อย่างกระจ่างแจ้ง
แต่ไม่ว่าจะอย่างไร คุณค่าของลูกกลอนพิษต้องห้ามเม็ดนี้น่าตื่นตะลึงนัก จุดนี้สวี่ชิงรู้ลึกซึ้งเป็นอย่างดีแล้ว
อีกทั้งเขายิ่งรู้ว่า วัตถุที่มีพลังเทพเจ้าในระดับหนึ่งประเภทนี้ มีพลังเย้ายวนต่อโลกภายนอกมากเพียงใด เรื่องนี้หากแพร่งพรายออกไป ตัวเองเกรงว่าคงไม่อาจรักษามันเอาไว้ได้
สวี่ชิงไม่อยากท้าทายความเป็นมนุษย์ เขาจึงจัดอันดับพลังเทพเจ้าที่แฝงอยู่ในลูกกลอนพิษต้องห้ามเป็นความลับที่อยู่ในชั้นที่ลึกที่สุดในระดับเดียวกับผลึกวารีสีม่วงของตัวเอง
“ข้าเชี่ยวชาญวิถีพิษ ใช้พิษฆ่าคน จะไม่สร้างความสงสัย ดังนั้นใช้พิษของลูกกลอนพิษต้องห้ามเม็ดนี้เป็นตัวปกปิด”
หลังจากสวี่ชิงพึมพำ สัมผัสกำลังรบของตัวเองในตอนนี้เล็กน้อย วังสวรรค์ทั้งสามวังในทะเลต้องห้ามของเขาตอนนี้ส่องประกายพร่างพราว รวมกับเคล็ดวิชาระดับจักรพรรดิ ก็มีกำลังรบวังสวรรค์สี่วังแล้ว
หากใช้พิษ สวี่ชิงมีความมั่นใจในการสู้ข้ามระดับวังสวรรค์ ส่วนพลังเทพเจ้าที่เกิดขึ้นจากการสำแดงพิษจนถึงขีดจำกัดสูงสุด…สวี่ชิงคิดว่าหากไม่เข้าตาจนจริงๆ จะไม่ใช้พลังนี้เด็ดขาด
นึกถึงตรงนี้ สวี่ชิงก็เอาลูกกลอนดำกำใหญ่ออกมา โยนไปในพื้นที่ห้าร้อยจั้งนี้อย่างรวดเร็ว
จากการระเบิดของลูกกลอนดำ ไอพลังประหลาดนอกพื้นที่ห้าร้อยจั้งถูกเหยี่ยวนำเข้ามาลอยตลบ ณ ที่นี้ ชำระล้างไอพลังที่เกิดจากสวี่ชิงพวกนั้น
และเมฆดำบนท้องฟ้าก็ค่อยๆ ทะลักโหมผสานกันอีกครั้ง เหมือนว่าทุกอย่างก่อนหน้านี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
บนพื้นก็ตลบอวลไปด้วยไอพลังประหลาดอีกครั้ง มีเพียงพื้นที่ว่างโล่งที่พิสูจน์ถึงพิษน่าครั่นคร้ามเมื่อครู่นี้
มองทุกอย่างนี้ สวี่ชิงสัมผัสอยู่ครู่หนึ่ง ก็ยังคงไม่ค่อยวางใจ โยนลูกกลอนดำออกไปหลายเม็ด
จวบจนไอพลังประหลาดที่นี่เข้มข้นจนถึงขีดสุด สวี่ชิงสัมผัสได้ว่าไอพลังประหลาดที่เกิดขึ้นจากตนพวกนั้นสลายไปแล้วโดยสมบูรณ์เขาถึงวางใจ หมุนตัวจากไปไกล
ระหว่างทางกลับ สวี่ชิงมองไปทางเงาที่ใต้เท้าตัวเองและเหล็กแหลมสีดำหลายครั้ง
สายตาของเขาทำให้เจ้าเงาและบรรพจารย์สำนักวัชระตัวสั่น
ฝ่ายแรกสัญชาตญาณสัมผัสได้ว่าค่อนข้างอันตราย ส่วนฝ่ายหลัง…พวกรู้มากอย่างบรรพจารย์สำนักวัชระ เขาจะไม่รู้ถึงสาเหตุได้อย่างไร ดังนั้น ยามสวี่ชิงมองมาทางเขาครั้งที่เจ็ด บรรพจารย์วัชระก็ปรากฏตัวออกมาทันที
เสียงตุบดังขึ้น เขาคุกเข่าไปที่พื้นทันที
“นายท่าน ข้าน้อยมีเรื่องอยากจะร้องขอให้ท่านช่วย”
สวี่ชิงไม่พูดอะไร มองอย่างเย็นชา
บรรพจารย์สำนักวัชระใบหน้าเต็มไปด้วยความจงรักภักดี ดวงตายิ่งฉายความฮึกเหิมกระตือรือร้น มองสวี่ชิงเหมือนมองเทพเจ้า นี่คือสายตาที่เขาแอบลอกเลียนมาจากพวกนกเขาราตรีในตอนนั้น
“นายท่าน ข้าน้อยกังวลว่าวันหนึ่งหากถูกจับได้ เห็นว่าข้าตายก็ไม่ยอมเปิดเผยความลับของนายท่านแม้แต่น้อย จึงใช้วิธีพิเศษสืบค้นวิญญาณทรมาณข้า แม้นี่จะไม่ใช่สิ่งที่ข้าปรารถนา แต่ต่อให้เปิดเผยไปแม้เพียงเศษเสี้ยว ข้าน้อยก็จะต้องโทษตัวเองแน่ๆ ข้าตายไม่เป็นไร แต่จะเปิดเผยความลับของท่านไม่ได้เด็ดขาด
“ดังนั้นข้าน้อยอยากจะขอให้ท่านลงผนึกทำลายล้างไว้ในดวงจิตของข้า จะโหดเหี้ยมร้ายกาจเพียงใดก็ไม่เป็นไร เช่นนี้แล้วหากเกิดเหตุการณ์ร้ายแรงเกินควบคุมขึ้นจริงๆ ขอเพียงมีคนสืบวิญญาณ ดวงจิตข้าก็จะระเบิดตัวเอง ทำให้อีกฝ่ายไม่ได้อะไรไปเลย
“เช่นนี้ต่อให้ข้าตายก็ตายตาหลับ รักษาความจงรักภักดีปกป้องผู้เป็นนายของข้าชั่วชีวิตนี้!”
บรรพจารย์สำนักวัชระตบอกปุๆ พูดอย่างฮึกเหิม
ความจริงแล้วก็เป็นจุดที่ฉลาดของเขา เขารู้นิสัยของสวี่ชิงเป็นอย่างดี ยิ่งรู้ว่าตอนนี้พูดการรับประกันบางอย่างไม่มีประโยชน์ สาบานก็ไม่มีประโยชน์ ตัวเองยังไม่เชื่อ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงจอมมารสวี่เลย
ดังนั้นในขณะเดียวกับที่เขาพูดออกมาตรงๆ ใช้วิธีคิดมุมกลับแล้วปรับมุมมอง พิสูจน์ถึงความจงรักภักดีของตัวเอง
นี่คือแผนการเล็กๆ ของเขา เขาคิดว่าคำพูดเช่นนี้มีความเป็นไปได้สูงมากที่จะลบล้างความหวาดระแวงของจอมมารสวี่ได้
อีกทั้งยังมีความเป็นไปได้ในระดับหนึ่งว่าจอมมารสวี่ไม่มีผนึกเช่นนี้ ไม่เช่นนั้นก็ใช้ไปก่อนหน้านี้นานแล้ว
ในขณะเดียวกัน จะมากจะน้อยเขาก็มีแผนเล็กๆ บางอย่างในใจ เขารู้สึกรางๆ ว่า ทุกอย่างที่ตัวเองได้เห็นในวันนี้ บางทีอาจจะเป็นโอกาสที่ทำให้ตนได้รับอิสระในอนาคต


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา