เข้าสู่ระบบผ่าน

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา นิยาย บท 353

บทที่ 353 กระตุ้นจิต

คำพูดของสวี่ชิงราวกับสายอัสนีฟาดผ่าในเมืองมรรคาสวรรค์ ครืนครันกึกก้อง

ผู้บำเพ็ญทั้งหมดใจสั่นสะท้าน โดยเฉพาะศิษย์แต่ละสำนักเหล่านั้นก็เช่นเดียวกัน

อันที่จริงในเมืองมรรคาสวรรค์นี้ก็ไม่ปรากฏศึกเป็นตายมานานแล้ว

ปกติศิษย์สำนักต่างๆ ที่ท้าดวลกันที่นี่คือเรื่องที่ทุกคนยอมรับโดยปริยาย ถึงอย่างไรก็ล้วนเป็นอัจฉริยะฟ้าประทานเผ่ามนุษย์ทั้งสิ้น รวมตัวกันมากมายเช่นนี้ก็ยากที่จะหลีกเลี่ยงความคิดช่วงชิงอันดับกัน

ผสานกับกฎเกณฑ์ของโถงครองกระบี่ก็ยิ่งทำให้เรื่องท้าดวลเกิดขึ้นบ่อยครั้ง ในช่วงนี้ทุกสำนักล้วนมีผู้ถูกท้าดวลหรือมีเรื่องท้าดวลเกิดขึ้นเสมอ

แต่ช่วงก่อนการทดสอบผู้ครองกระบี่ครั้งนี้ก็ยังไม่ปรากฏศึกเป็นตายเลย ด้วยเหตุนี้คำพูดของสวี่ชิงจึงทำให้คนทั้งหมดตกตะลึง

จะอย่างไรพวกเขาก็คาดไม่ถึงว่าสวี่ชิงที่หลบเลี่ยงมาตลอดจนคนมากมายแอบวิพากษ์วิจารณ์กันว่าเป็นคนขี้ขลาด เมื่อเปิดปากก็ถึงขั้นฆ่าฟันกัน

จุดนี้ เกินกว่าที่คนมากมายคาดไว้

“เหี้ยมจริง!”

“เพียงไม่ลงมือเท่านั้น เมื่อจะลงมือก็ถึงขั้นสังหารเชียวหรือ!”

“ก่อนหน้าข้ายังคิดอยู่ว่าสวี่ชิงคนนี้ที่มีฐานะถึงผู้สืบทอดมรรคาจะมาทำตัวขี้ขลาดได้อย่างไร แบบนี้สิถึงจะถึงอกถึงใจ!”

“เรื่องนี้ก็พูดยาก หวังว่าสวี่ชิงคนนี้จะไม่รนหาที่ตายนะ หลี่จื่อเหลียงคนนั้นไม่ธรรมดาเลย!”

พักหนึ่ง ที่มีการวิพากษ์วิจารณ์กันไม่หยุด ผู้บำเพ็ญจำนวนมากทะยานขึ้นมา มองไปยังทิศของสำนักเซียนล้ำบารมี รอดูว่าหลี่จื่อเหลียงคนนั้นจะรับคำท้าหรือไม่

ในกลุ่มคนที่เหาะเหินขึ้นมา ก็มีศิษย์ของพันธมิตรอยู่ด้วย

สำหรับผู้บำเพ็ญของพันธมิตร พวกเขาค่อนข้างเข้าใจสวี่ชิงมากกว่า รู้สึกเบิกบานใจ ศิษย์ของเจ็ดเนตรโลหิตก็เช่นกัน

และไม่นาน ก็มีคนสนใจเรื่องนี้มากขึ้นเรื่อยๆ เงาที่เหาะเหินขึ้นมาก็เช่นเดียวกัน ล้วนกำลังรอคำตอบจากหลี่จื่อเหลียง

แม้แต่คนที่กำลังปีนเสามรรคาสวรรค์พ้นพันธะยังพากันลงมาเพื่อสังเกตศึกนี้ พูดได้ว่าประโยคหนึ่งของสวี่ชิงพริบตาเดียวก็ทำให้คนจับตามอง

อันที่จริงก็เพราะฐานะผู้ได้รับค่าตอบแทนของผู้สืบทอดมรรคาในพันธมิตรแปดสำนักของสวี่ชิงไม่ธรรมดาเลย

และหลี่จื่อเหลียงก็เช่นเดียวกัน ถึงแม้เขาจะไม่ใช่ผู้สืบทอดมรรคาของสำนักเซียนล้ำบารมี แต่ก็มีชื่อเสียงอยู่มาก

อีกอย่างหลี่จื่อเหลียงช่วงนี้ก็อยู่ในช่วงคึกคะนอง การท้าดวลและถูกท้าดวลสิบกว่าครั้ง เขาล้วนได้รับชัยมาอย่างง่ายดาย พลังต่อสู้สี่วังสวรรค์น่าตกตะลึงมาก ขณะเดียวกันบนเสามรรคาสวรรค์พ้นพันธะก็เป็นจุดสูงสุดของผู้เข้าร่วมครั้งนี้มาโดยตลอด

กระทั่งมีผู้ครองกระบี่บางคนจับตามองเขาแล้ว เมื่อเป็นเช่นนี้ การปะทะกันของเขากับสวี่ชิงย่อมเป็นประเด็นร้อนแรง

ท่ามกลางสายตานับไม่ถ้วน ในสำนักเซียนล้ำบารมี หลี่จื่อเหลียงสีหน้าเป็นปกติ ดวงตาเปล่งประกายเย็นวาบ แต่ในใจกลับมีความลังเลเล็กน้อย

คนภายนอกไม่เข้าใจสวี่ชิง แต่เขาเคยจับตามองมาก่อน รู้ว่าอีกฝ่ายก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน

ถ้าไม่ใช่ศึกเป็นตาย เขาไม่มีทางลังเล ถึงอย่างไรก็ไม่อันตรายถึงตายอยู่แล้ว เขาลงมือได้เต็มที่

ยิ่งไปกว่านั้นเขายังรู้สึกว่าเป็นไปได้ตนเองจะชนะ

และการต่อสู้กับสวี่ชิงจะทำให้คนสนใจมากขึ้น ถึงอย่างไรอีกฝ่ายก็มีฐานะไม่ธรรมดาในพันธมิตรแปดสำนัก หากตนเอาชนะได้ ก็สามารถสะกดอีกฝ่ายแล้วทะยานขึ้นไปได้

ได้รับผลประโยชน์ด้านชื่อเสียงมาก

ขณะเดียวกันการสำแดงความสามารถยังดึงดูดความสนใจโถงครองกระบี่ได้ด้วย เป็นการแอบเพิ่มคะแนนให้กับตนเอง

ที่สำคัญที่สุดก็คือมีคนรับปากเขาว่าจะให้ผลประโยชน์มหาศาล ให้เขาใช้โอกาสนี้ทดสอบหยั่งเชิงสวี่ชิงเสียหน่อย

เขารู้ดีว่าคนผู้นั้นจ้องตะเกียงแห่งชีวิตของสวี่ชิงอยู่

และด้วยนิสัยของคนผู้นั้น การลงมือทุกครั้งก็ล้วนระแวดระวังอย่างที่สุด เขาไล่ตามแต่หนทางเอาชนะอย่างแน่นอนเท่านั้น

ในความเป็นจริง หลี่จื่อเหลียงอย่างเขาก็จ้องตะเกียงแห่งชีวิตของสวี่ชิงไว้เช่นกัน

แต่ตอนนี้เขายังไม่พร้อม ดังนั้นถ้าเป็นศึกเป็นตาย…เขาจึงค่อนข้างลังเล

ที่นี่ไม่ใช่สำนักเซียนล้ำบารมี ถ้าออกไปจริงๆ ก็คือศึกเป็นตาย มีคนดูอยู่มากถึงเพียงนี้ จะสำนักเซียนล้ำบารมีหรือว่าพันธมิตรก็ไม่มีทางที่จะเข้ามาปกป้องได้

ทว่าเมื่อคิดถึงสี่วังสวรรค์ของตนเองตอนนี้ พลังต่อสู้ก็แข็งแกร่ง และจากในรายงาน สวี่ชิงคนนั้นเพียงแค่สามวังสวรรค์เท่านั้น

ต่อให้มีวิชาระดับจักรพรรดิ ก็คงสูสีกับเขา

“ศึกเป็นตาย…ถ้าสังหารเขาได้ ข้าก็จะได้ตะเกียงแห่งชีวิตของเขา คนผู้นั้นและพันธมิตรแปดสำนักก็พูดอะไรไม่ได้

“แต่สวี่ชิงคนนี้กล้าเสนอศึกเป็นตายขึ้นมา เขาจะต้องมีความมั่นใจเป็นแน่ ยังพูดผลลัพธ์อะไรไม่ได้…” หลี่จื่อเหลียงไม่ใช่คนโง่ เขาวิเคราะห์อย่างละเอียด เพียงแต่ตอนนี้เขารู้สึกเหมือนขี่หลังเสือไปแล้วจะลงก็ลำบาก

ถึงอย่างไรการท้าดวลหลายครั้งก่อนหน้านี้ก็เป็นเขาที่เสนอ หากไม่รับศึกเป็นตายนี้ หน้าตาเกียรติยศคงหมดสิ้น การได้รับความสำคัญก่อนหน้าก็คงหายไปในพริบตา

“แม้จะมีอันตรายที่ไม่รู้อยู่ แต่ก็ถือเป็นโอกาสด้วยเช่นกัน

“ยิ่งไปกว่านั้นไม้ตายสังหารของข้า นอกจากเจ้าคนที่หน้าเนื้อใจเสือทั้งยังเย็นชาจนแทบจะไร้มนุษยธรรมอย่างจางซืออวิ้นคนนั้น ตอนนี้ก็ยังไม่มีคนที่สองที่สามารถหลบมันพ้น”

เวลาครุ่นคิดของหลี่จื่อเหลียงค่อนข้างนาน การวิพากษ์วิจารณ์ด้านนอกก็มากขึ้นเรื่อยๆ หลี่จื่อเหลี่ยงก็ดวงตาเปล่งจิตสังหารจากเสียงเล่าลืออื้ออึง

เขารู้ว่าตนเองจะลังเลต่อไม่ได้แล้ว จึงหัวเราะเย็นชาขึ้นมา

“สวี่ชิง เจ้ารนหาที่ตายเองนะ จะมาโทษข้าไม่ได้!”

เขาร่างไหววูบ ทะยานออกไปทันที จังหวะที่ย่ำเท้ากลางอากาศ สายตาของผู้บำเพ็ญในเมืองมรรคาสวรรค์นับไม่ถ้วนก็จับจ้องมา

บทที่ 353 กระตุ้นจิต 1

Verify captcha to read the content.ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา