บทที่ 356 ช่วงที่รุ่งโรจน์เหนือผู้อื่น
เสามรรคาสวรรค์พ้นพันธะที่ตั้งอยู่บนที่ราบน้ำแข็งแดนเหนือ กว้างใหญ่ไพศาล
มีความหนานับพันจั้งรวมถึงส่วนปลายที่หายไปในชั้นเมฆ ทำให้มันราวกับกำลังค้ำยันฟ้าดินอยู่
ตัวเสามีอักขระและรูปสักการะนับไม่ถ้วนสลักนูน ที่ใหญ่ก็ขนาดหลายสิบจั้ง เล็กลงมาขนาดแค่หนึ่งจั้งกว่าก็มี
ทั้งหมดนี้ ทำให้ตอนที่ผู้บำเพ็ญปีนป่าย ดูเล็กจ้อยเสียเหลือเกิน
ขณะนี้สวี่ชิงอยู่บนเสามรรคาสวรรค์พ้นพันธะที่ความสูงประมาณสองร้อยจั้ง มือขวาของเขาเกาะอยู่กับขอบรูปสักการะที่นูนออกมาจากตัวเสา ดีดร่างกระโจนขึ้นไปยืนบนรูปสักการะ
รูปสักการะนี้ เป็นใบหน้าภูตแยกเขี้ยว เต็มไปด้วยความโหดร้ายและปราณพิฆาต
สวี่ชิงมองผาดหนึ่ง สีหน้าก็เผยความมึนงงออกมา เพราะร่างที่ปรากฏขึ้นในทะเลความรู้สึกของเขาเมื่อครู่ ดูคล้ายคลึงกับใบหน้าภูตนี้เหลือเกิน
แต่ต่อให้เป็นเขาก็ยังคิดไม่ถึงว่าภูตที่ก่อตัวขึ้นจากจิตอาฆาตแค้นนับไม่ถ้วนในทะเลความรู้สึก จะถูกเขาจักรพรรดิภูติสะกดและหักล้างในพริบตาที่ปรากฏตัวขึ้น
และการหักล้างนี้แตกต่างจากกฎเกณฑ์การปีนป่ายเสามรรคาสวรรค์พ้นพันธะที่สวี่ชิงรู้
การปีนปกติ เมื่อผู้บำเพ็ญถูกโจมตีจากจิตอาฆาต จนวิญญาณอาฆาตก่อตัวขึ้นในทะเลความรู้สึก และเนื่องจากทำลายและสะกดได้ยาก จึงทำได้เพียงขับไล่ออกจากทะเลความรู้สึกเท่านั้น
หลังจากขับไล่ออกไปก็จะเดินหน้าต่อได้ จนกระทั่งจิตอาฆาตรวมตัวขึ้นอีกในครั้งถัดไป ก็จะมีวิญญาณอาฆาตที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าปรากฏตัวขึ้น เป็นเช่นนี้ซ้ำไปซ้ำมา
ดังนั้นยิ่งปีนไปสูงขึ้น ระดับความยากก็จะยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ
ขณะเดียวกันเมื่อขับไล่สำเร็จก็จะมีโอกาสได้รับรางวัลด้วย
รางวัลนี้ไม่ได้มอบให้ทันที แต่จะแจกจ่ายให้หลังจากที่ผู้เข้าร่วมออกจากเสามรรคาสวรรค์พ้นพันธะ
หลี่จื่อเหลียงตอนนั้นก็เป็นเช่นนี้ คนอื่นๆ ก็เช่นเดียวกัน
เพียงแต่โอกาสค่อนข้างต่ำ ระดับความสูงสองร้อยกว่าจั้ง โอกาสหลังจากที่ขับไล่สำเร็จอยู่ที่ประมาณหนึ่งในหมื่น และยิ่งปีนขึ้นไปสูง โอกาสนี้ก็จะเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย
และการล้มเหลวก็จะถูกขับไล่ออกจากเสามรรคาสวรรค์พ้นพันธะ ร่วงสู่พื้นดิน
แต่กลับไม่มีความเป็นไปได้ที่จะถูกสิงสู่ เพราะวิญญาณอาฆาตบนเสามรรคาสวรรค์พ้นพันธะล้วนผสานกับเสาต้นนี้ ถูกเจตจำนงต่อสู้สะกดไว้ ไม่อาจหลุดรอดไปได้
ขณะเดียวกัน ก็เรียกได้ว่ามิวางวาย
แต่เมื่อครู่นี้สวี่ชิงสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าวิญญาณอาฆาตในทะเลความรู้สึกหายไปแล้ว
เป็นการหายไปอย่างแท้จริง
หรือพูดให้ถูกก็คือ ถูกเขาจักรพรรดิภูตของเขา…กลืนกิน
เพราะตอนที่วิญญาณอาฆาตส่งเสียงร้องโหยหวน ร่างสลายไป สวี่ชิงสัมผัสได้ว่าเขาจักรพรรดิภูตของตนเองเหมือนจะกลายเป็นภาพจริงขึ้นมาเล็กน้อยอย่างชัดเจน
และรูปสักการะใบหน้าผีนั้นก็เหมือนจะหมองหม่นไป
แต่เล็กน้อยมาก ภายนอกไม่อาจสัมผัสได้เลย มีเพียงต้องสัมผัสและใส่ใจเท่านั้นถึงจะมองออก
การค้นพบนี้ ทำให้ดวงตาสวี่ชิงเผยประกายประหลาด หยุดนิ่งไม่ไปต่อพักหนึ่ง เขาไม่แน่ใจว่าเรื่องนี้เป็นการละเมิดข้อห้ามใดหรือไม่
เขาจึงรออยู่ก่อน
และระหว่างที่รอ เขาสัมผัสได้รางๆ ว่าในเสามรรคาสวรรค์พ้นพันธะ ว่ามีการสื่อจิตเทพออกมาวูบหนึ่งเลาๆ
จิตเทพนี้ไม่มีระลอกคลื่นใดๆ เต็มไปด้วยความชินชา
หลังจากสวี่ชิงสัมผัส ก็สัมผัสถึงรางวัลอย่างหนึ่งจากด้านใน แต่กลับไม่ชัดเจน เลือนรางมาก
ขณะเดียวกัน การเขาที่หยุด ก็ทำให้กลุ่มคนด้านล่างเกิดความสนใจ
หลังจากสวี่ชิงต่อสู้กับหลี่จื่อเหลียงก็มีคนมากมายจับตามอง ยิ่งตอนนี้เขาเพิ่งมาปีนเสามรรคาสวรรค์พ้นพันธะเป็นครั้งแรก แน่นอนว่าจึงเป็นจุดสนใจมาก
บนพื้นดินไม่ว่าจะเป็นผู้บำเพ็ญไร้สังกัดหรือศิษย์ในสำนัก แต่ละคนจับจ้องไม่วางตา
“หยุดแล้วหรือ เพิ่งจะสองร้อยจั้งเอง”
“น่าจะกำลังปรับตัวกับวิญญาณอาฆาตอยู่ แต่ว่าก็นานไปหน่อยจริงๆ”
“หรือว่าคนผู้นี้กายเนื้อแข็งแกร่ง วิชาเวทตกตะลึง แต่จิตวิญญาณกลับอ่อนแอ เป็นจุดอ่อนของเขาอย่างนั้นหรือ”
“เป็นไปไม่ได้ ข้าได้ยินมาว่าสวี่ชิงเขามีศิษย์พี่ใหญ่คนหนึ่งชื่อว่าเฉินเอ้อร์หนิว หน้าตาหล่อเหลาไม่ธรรมดา นิสัยองอาจห้าวหาญ ว่ากันว่าเป็นคนใจบุญอันดับหนึ่งแห่งพันธมิตรแปดสำนัก ปฏิบัติกับเขาดีมาก สวี่ชิงคนนี้น่าจะไม่มีจุดอ่อนภายใต้การดูแลของเฉินเอ้อร์หนิวหรอก!”
ขณะที่ผู้คนด้านล่างพากันคาดเดาจับจ้อง สวี่ชิงรอไปชั่วครึ่งก้านธูป เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรปรากฏขึ้น และไม่มีใครเข้ามาขัดขวาง จึงใคร่ครวญ จากนั้นก็กระโจนขึ้นไป
ตอนที่ปล่อยมือ ร่างของเขาก็ขึ้นไปยืนอยู่บนเสามรรคาสวรรค์พ้นพันธะ ก้าวต่อไปอย่างรวดเร็ว และทุกย่างก้าว เขาก็สัมผัสได้ว่าเสามรรคาสวรรค์พ้นพันธะนี้ยิ่งแผ่ปราณอาฆาตเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ
ที่เรียกกว่าปราณอาฆาต เนื่องจากยังแตกต่างจากปราณความตายที่มักจะแผ่ความรู้สึกเย็นเยียบออกมา ทำให้สิ่งมีชีวิตรู้สึกเย็บวาบไปทั้งร่าง เหมือนกับความเย็นยะเยือกมืดมนที่แผ่ออกมาจากพื้นที่ต้องห้าม ล้วนเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจากปราณความตาย
ส่วนปราณอาฆาต แฝงกลิ่นอายความรู้สึกที่มืดมนเยือกเย็นไว้ มีความอาฆาตเกลียดชังเป็นหลัก ส่งผลกระทบกับความคิดของผู้บำเพ็ญได้
ผลกระทบนี้คือการโจมตี
ข้างหูสวี่ชิงมีเสียงกรีดร้องมากมายดังก้อง นั่นคือการสาปแช่งและความบ้าคลั่งก่อนตายของชีวิตนับไม่ถ้วน ต่อให้ปิดกั้นประสาทการรับฟังไปก็ไร้ผล เสียงกรีดร้องนี้ดังกึกก้องอยู่ในจิตวิญญาณ
ยิ่งไปกว่านั้นยิ่งสูงขึ้น ปราณอาฆาตก็ยิ่งเข้มข้น และยิ่งเข้าไปสะสมทับซ้อนกันในจิตใจ
ค่อยๆ แผ่ซ่านจิตวิญญาณเติมเข้าไปในทะเลความรู้สึก เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนสวี่ชิงมาถึงความสูงสี่ร้อยจั้ง กลิ่นอายจิตอาฆาตในทะเลความรู้สึกของเขาก็หลอมรวมกันฉับพลัน
วิญญาณอาฆาตตนที่สองกำลังก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว
สวี่ชิงเกิดความคาดหวังในใจ เขาอยากดูว่าภาพที่เกิดขึ้นก่อนหน้าเป็นเรื่องบังเอิญหรือไม่ จึงไม่รบกวน ยอมให้วิญญาณอาฆาตตนที่สองก่อตัวขึ้นมา
เห็นรางๆ ว่ารูปร่างของวิญญาณอาฆาตตนที่สองแตกต่างกับตนแรก มันมีเขาโค้งงอสองเขา ร่างกายใหญ่โต ด้านหลังยังมีหางขนาดยักษ์หางหนึ่ง แผ่คลื่นแข็งแกร่งรวมถึงกลิ่นอายโบราณออกมาทั้งร่าง
ยังมีเสียงหัวเราะแหบพร่ากึกก้อง เผยความโหดเหี้ยมและความโลภ โทสะหนักอึ้ง

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา