บทที่ 36 สังหารทิ้งไม่ละเว้น
มือของกางเขน เข้มแข็งทรหดกว่าคนอื่น เพราะต้องคอยรั้งสายธนูอยู่ตลอด ดังนั้นผิวหนังจึงด้านอยู่มาก
วันนั้นที่พบกับฝูงหมาป่าเกล็ดดำ เดินหน้าสังหารมาหนึ่งวันหนึ่งคืน มือของเขาก็ยังไม่สั่นสะท้านเหมือนตอนนี้ นึกภาพออกเลยว่าตอนที่สวี่ชิงยังไม่กลับมา อีกฝ่ายเผชิญหน้ากับศึกรุนแรงเพียงใด
ยิ่งไปกว่านั้นคงพบกับคนที่ไม่สามารถต่อกรได้ ขณะที่นิ้วมือเป็นเช่นนี้ร่างกายถึงได้รับบาดเจ็บสาหัสด้วย ส่วนอาการหมดแรงของเขี้ยวหงส์ที่อ่อนแอ ก็ยิ่งแสดงให้เห็นว่านางทุ่มไปหมดแล้วสุดกำลัง
เมื่อรวมกับตอนที่ตนเองเข้ามาในฐานที่มั่น ปฏิกิริยาของคนอื่นไปจนถึงใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยเหล่านั้น ทั้งยังมีสายตาเย็นชาจากคนของหัวหน้าฐานจำนวนมากรวมไปถึงเจ้าหนวดปรกรากไทรนั่นด้วย
ทั้งหมดนี้ ทำให้สวี่ชิงเข้าใจได้ทันทีว่าศัตรูคือใคร
แต่ยิ่งเป็นเช่นนี้ ความกังวลในใจเขาก็ยิ่งรุนแรงขึ้น และด้วยการสอบถามของเขา กางเขนกับเขี้ยวหงส์ก็บอกสาเหตุออกมาเสียงต่ำ!
สมัยก่อนหัวหน้าเหลยไม่ใช่คนเก็บกวาด แต่เป็นประชาชนปกติที่อยู่ในเมืองที่ห่างไกลจากที่นี่แห่งหนึ่ง
เคยรับตำแหน่งองครักษ์ในเมืองที่เขาอยู่เพราะคุณสมบัติของตัวเขา วิชาฝึกบำเพ็ญเขาก็ได้รับมาในตอนนั้น ซ้ำยังเป็นที่ชมชอบของเจ้าเมือง และยังมีคู่หมั้นที่รู้จักกันมาตั้งแต่เด็กอีกคนหนึ่งด้วย
ทั้งหมดล้วนสวยงาม แต่ทั้งหมดนี้ก็เปลี่ยนไปด้วยขบวนรถที่เข้ามาขบวนหนึ่ง
ส่วนเกิดอะไรขึ้นนั้น กางเขนกับเขี้ยวหงส์ไม่ทราบ พวกเขาเพียงแค่ได้ยินจากหัวหน้าเหลยตอนเมาแล้วพึมพำออกมาเมื่อหลายปีก่อนครั้งหนึ่ง ว่าทั้งหมดมันสูญสิ้นไปแล้ว
คู่หมั้นของเขาก็ตายไปแล้ว ส่วนพลังบำเพ็ญของตนเองก็ถูกทำลายหลังจากการแก้แค้นเสร็จสิ้น รอดออกมาได้ก็ปางตาย หลบลี้ออกจากเมือง เริ่มฝึกบำเพ็ญใหม่อย่างยากลำบาก จนมากลายเป็นคนเก็บกวาด
หลายสิบปีผ่านไปก็กลายมาเป็นชายชราไม้ใกล้ฝั่งคนหนี่ง
หัวหน้าเหลยที่เดิมทีคิดจะหลบลี้ออกไป ปล่อยวางทั้งหมดแล้ว จนกระทั่ง…
เขาที่อยู่ในฐานที่มั่น มองเห็นขบวนรถที่อยู่ด้านนอก มองคนที่อยู่ในขบวนรถ
คนที่ทำลายทุกสิ่งของเขา คนที่เขาคิดว่าถูกตนเองสังหารจนตายไปแล้ว อีกฝ่ายกลับยังไม่ตาย ยังมีชีวิตอยู่จนถึงปัจจุบัน
แต่หัวหน้าเหลยก็เลือกที่จะไม่ล้างแค้น ราวกับกลัวว่าจะทำให้คนรอบข้างลำบาก ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะหลบหนีไปอย่างขมขื่น รีบร้อนไปยังเมืองคลื่นสน
แต่เขาไม่รู้ว่าศัตรูรู้ที่อยู่ของเขาแล้ว ดังนั้นหลายวันนี้จึงหัวหน้าฐานจัดคนเข้าไปจับตัวหัวหน้าเหลยจากเมืองคลื่นสน แล้วส่งไปให้กับคนที่เขาร่วมมือด้วยซึ่งก็คือศัตรูของหัวหน้าเหลยในครั้งนั้นในฐานะของกำนัล
“หัวหน้าฐานทางนั้นมีคนที่ข้าเคยช่วยชีวิตไว้ หลังจากที่ข้ากับเขี้ยวหงส์กลับมาเมื่อสองวันก่อนเขาก็แอบมาบอกข้า พวกข้าถึงได้รู้เรื่อง แล้วรีบตรงไปช่วยทันที ทว่าก็ล้มเหลว… แต่ทางหัวหน้าฐาน ข้าก็เจอกับศัตรูของหัวหน้าเหลย รากฐานของเขาก็เคยเสียหายมา และฝึกบำเพ็ญขึ้นใหม่เช่นเดียวกับหัวหน้าเหลย แม้จะสูงกว่าหัวหน้าเหลย แต่ก็ไม่ได้สูงกว่าเท่าไรนัก” กางเขนกัดฟันเอ่ย
“พวกข้าเองก็เข้าไปสืบในขบวนรถนี้ เบื้องหลังของพวกเขามีองค์กรลึกลับอยู่ ชื่อว่านกเขาราตรี องค์กรนี้ใหญ่มาก แบ่งขบวนรถออกไปนับไม่ถ้วน เดินทางไปตามฐานที่มั่นคนเก็บกวาดกับเมืองเล็กๆ ทั่วทวีปปักษาสวรรค์ทักษิณ ทำข้อตกลงกับหัวหน้าฐานกับเจ้าเมือง ซื้อตัวผู้คนไปทำเป็น…คนเลี้ยงของวิเศษ” เขี้ยวหงส์เอ่ยเสียงต่ำ
“หัวหน้าฐาน ขบวนรถ…” สวี่ชิงหายใจหอบถี่ จิตสังหารในดวงตารุนแรงขึ้นถึงขีดสุด
เขาคิดว่าในร่างกายเหมือนมีเปลวไฟร้อนแรงกำลังแผดเผาอย่างบ้าคลั่งจนดวงตาปรากฏเส้นเลือด และยังโกรธแค้นเหลือคณา หันหน้าเดินออกไปทางประตูใหญ่
กางเขนกับเขี้ยวหงส์ด้านหลังเขาก็ร้อนรน เขี้ยวหงส์จึงรีบร้อนเอ่ยขึ้นมา
“เด็กน้อย เรื่องนี้พวกข้าต้องวางแผนกันระยะยาว จำเป็นต้องร่วมมือกับคนเก็บกวาดคนอื่น เรื่องนี้ข้องเกี่ยวไปถึงการหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยในหลายปีนี้ พวกข้า…”
“ไม่จำเป็น!” พริบตาที่สวี่ชิงส่งเสียงออกมา เขาก็ยกมือขวาขึ้นคว้ากระบี่ยาวที่หลังฟาดออกไปอย่างรุนแรง
กระบี่ยาวกลายเป็นแสงเย็นวาบสายหนึ่ง ราวกับสายรุ้งยาวพุ่งทะยานออกไปยังประตูใหญ่ พริบตาที่มันพุ่งหายไป พลังมหาศาลที่แฝงอยู่ด้านในระเบิดออกอย่างรุนแรง
ประตูเรือนแตกกระจายเป็นเสี่ยง เผยให้เห็นองครักษ์ของหัวหน้าฐานที่กำลังแอบฟังอยู่ด้านหลังประตู
ในมือคนผู้นี้ถือกริชไว้ ดวงตาเบิกโพลง หน้าอกถูกกระบี่ยาวแทงทะลุ ล้มลงไปบนพื้น พ่นเลือดสดออกมาด้วยสีหน้าหวาดผวา
และกระบี่ยาวเล่มนั้น ก็มีพลังแฝงอยู่มหาศาล หลังแทงทะลุร่างองครักษ์คนนี้ก็พุ่งตรงต่อไปยังซอยที่ห่างออกไป แทงเข้าไปที่ต้นขาของหนวดปรกรากไทรที่ส่งเสียงกรีดร้อง ตอกแทงลึกลงไปบนพื้นราวสายอัสนี
อาการบาดเจ็บล้มตายของทั้งสองคน ทำให้ด้านนอกที่เงียบงันลงไปชั่วคราว ระเบิดเสียงหวีดหวิวกับคำรามต่ำออกมาทันที องครักษ์จวนหัวหน้าฐานเจ็ดแปดคนที่ตระเวนอยู่รอบๆ ก็ทยอยเข้ามา
ขณะกางเขนกับเขี้ยวหงส์หน้าเปลี่ยนสี สวี่ชิงก็พุ่งทะยานออกไปฉับพลันราวสายฟ้าฟาด
พริบตาที่เดินออกไปนอกประตู มือขวาของเขาก็คว้ากริชขององครักษ์ที่ตายไป เพียงก้าวเดียวก็มาถึงด้านหน้าคนๆ หนึ่ง
พริบตาที่เดินเฉียดตัวเขา ก็ยกกริชขึ้นมาฟันไปที่ลำคอของเขาโดยไม่แม้แต่จะมอง เลือดสดสีแดงสาดกระจายกระเซ็นซ่าน แต่ก็ยังแดงไม่เท่ากับตาทั้งสองของสวี่ชิง
ในดวงตาสีเลือดของเขา ราวกับหัวหน้าเหลยกำลังมองศัตรูของเขาในอดีตด้วยตาของตนเอง แต่กลับต้องระงับคลื่นผันผวนในใจที่ขมขื่นและเศร้าโศกเอาไว้ปรากฏตัวขึ้นในฐานที่มั่น
สิ่งนี้ก็ยิ่งทำให้จิตสังหารของสวี่ชิงแข็งแกร่งขึ้น หันหลังซัดหมัดเข้าไปที่หน้าอกขององครักษ์ที่คิดจะกระโจนเข้ามาจัดการเขาทางด้านหลังอย่างรุนแรง
เสียงตูมดังขึ้น คนผู้นี้เลือดหลั่งทะลักจากทวารทั้งเจ็ด อวัยวะภายในทั้งหมดเสียหายทันที ร่างกายหมุนคว้างราวกับว่าวสายป่านขาด ร่วงลงมากระแทกพื้น
ขณะเดียวกัน ยังมีอีกสามคนที่พุ่งเข้ามาด้วยจิตสังหาร
สามคนนี้มีขั้นห้าสองคน ขั้นหกหนึ่งคน แต่พริบตาที่พวกเขาเข้ามาใกล้ มือขวาสวี่ชิงพัดโบก เหล็กแหลมสีดำก็พุ่งออกไปในพริบตาแทงทะลุกะโหลกของคนหนึ่ง

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา