บทที่ 364 อุโมงค์ภูต
การคัดเลือกผู้ครองกระบี่ ค่อนข้างแตกต่างกับการคัดเลือกของสำนัก ฝ่ายแรกนั้นเข้มงวดกว่า และยังแบ่งเป็นสองช่วงด้วย
ช่วงแรก คือการไขว่คว้าคุณสมบัติของเพื่อเข้ารับการทดสอบผู้ครองกระบี่
รอบนี้หลักๆ แล้วคือการคัดศิษย์ส่วนใหญ่ออกไป ทำให้มีคนจำนวนน้อยมากๆ ได้รับคุณสมบัติทดสอบช่วงท้าย
ศิษย์สำนักต่างๆ ที่มาครั้งนี้ จำนวนทั้งหมดคือสองพันเจ็ดร้อยเก้าสิบสามคน ล้วนเป็นคนที่โดดเด่นในช่วงสิบปีมานี้ของสำนักต่างๆ ในมณฑลรับเสด็จราชัน
พวกเขาจะเลือกสิบคนแรกออกมาในขั้นตอนที่หนึ่ง ให้ได้รับคุณสมบัติการทดสอบ
และมีเพียงพวกเขาสิบคนนี้ ถึงจะมีคุณสมบัติเข้าร่วมการทดสอบผู้ครองกระบี่ขั้นที่สองถัดมา
นี่เป็นเพราะหลังจากได้รับคุณสมบัติการทดสอบผู้ครองกระบี่ โดยพื้นฐานแล้วตัวตนจะพิเศษเป็นอย่างมาก
เช่นเดียวกับการแสวงบุญ ผู้ครองกระบี่ทั้งหมดต้องเจอกับบทพิสูจน์
ดังนั้นประเพณีตั้งแต่ในอดีต จึงไม่อนุญาตให้มีผู้เข้าร่วมการทดสอบมากเกินไป จะรบกวนการหลับไหลของปราชญ์
และการทดสอบผู้ครองกระบี่ ทุกสิบปีจัดขึ้นหนึ่งครั้ง ทุกครั้งเป็นการคัดเลือกห้าคนจากผู้ที่ยอดเยี่ยมที่สุด ในนี้สามคนคือตัวจริง อีกสองคนคือตัวสำรอง
ตัวจริง เท่ากับมอบฐานะผู้ครองกระบี่ให้เลย กระบี่อาญาสิทธิ์ ได้รับพรจากจักรพรรดิ
กลายเป็นผู้ครองกระบี่อย่างเป็นทางการ ฟ้าดินเป็นพยาน อย่างดั้งเดิมที่สุด
ส่วนตัวสำรอง หมายถึงไม่ได้รับกระบี่อาญาสิทธิ์ มีพรประทานให้ ต้องตรงไปยังวังครองกระบี่ที่เขตปกครองผนึกสมุทร เพื่อทดสอบใหม่อีกครั้ง
นี่ถือเป็นตัวสำรอง ไม่มีฟ้าดินเป็นพยาน ผู้อาวุโสครองกระบี่ที่อยู่ในตำแหน่งมายาวนานสามารถคัดเลือกจากลักษณะของผู้เข้าร่วมเองได้
และก่อนสองขั้นตอนนี้ ไม่ว่าจะเป็นตราประทับวิญญาณศึกที่สัมผัสรับรู้ได้ หรือว่าจะเป็นระดับความสูงของเสามรรคาสวรรค์พ้นพันธะก็ล้วนสำคัญทั้งสิ้น เพราะเป็นการเพิ่มคะแนนให้การทดสอบช่วงที่สอง
เวลานี้ ท้องฟ้าสีคราม เมฆเบาบาง แสงอาทิตย์ช่วงกลางวันสาดส่องพื้นดิน ส่องที่ราบหิมะจนสว่างไปหมด
ไม่ว่าจะแสงบนท้องฟ้า หรือว่าแสงจากหิมะบนพื้น ตัดสลับกันแผ่ความหนาวเย็นระหว่างฟ้าดินในวินาทีนี้
มีสายลมจากทางเหนือพัดโหมเกล็ดหิมะ พัดผ่านกลุ่มคนกระพือเสื้อผ้า
ข้างเสามรรคาสวรรค์พ้นพันธะ ศิษย์สำนักต่างๆ รวมถึงผู้บำเพ็ญไร้สังกัดจากมณฑลรับเสด็จราชันทั้งสองพันเจ็ดร้อยเก้าสิบสามคนก็มารวมตัวกันจากการที่มีเสียงกระบี่ดังขึ้นในโถงครองกระบี่
สวี่ชิงกับนายกองก็เป็นหนึ่งในนั้น ทั้งสองคนยืนอยู่ด้วยกัน เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า
สีหน้าสวี่ชิงสงบนิ่ง ส่วนนายกองก็สายตาเปี่ยมไปด้วยการรอคอย
ที่นายกองสอดคล้องกับเงื่อนไขผู้ทดสอบ สวี่ชิงไม่รู้สึกเกินคาด ถึงอย่างไรหลังจากที่อีกฝ่ายมาถึงพันธมิตรแปดสำนัก ก็เตรียมตัวเพื่อเรื่องนี้มาโดยตลอด
สิ่งที่เขาให้ความสำคัญคือผู้สืบทอดมรรคาสำนักเซียนล้ำบารมีในกลุ่มคนที่ห่างออกไป
“เล็งเขาไว้แล้วหรือ” นายกองแระชิบกระซาบ
สวี่ชิงมองนายกองผาดหนึ่ง พยักหน้าเล็กน้อย
นายกองได้ยินก็หัวเราะหึๆ
“เจ้าก็สัมผัสได้หรือ”
สวี่ชิงดวงตาจ้องเพ่ง กำลังจะถามไถ่ แต่ตอนนี้เอง เสียงกระบี่ครืนครันดังก้องอีกครั้งบนท้องฟ้า และมีร่างที่ยิ่งใหญ่สามร่าง ร่อนลงมาจากปลายเสามรรคาสวรรค์พ้นพันธะ
สามร่างนี้มีสองคนเป็นผู้อาวุโส คนหนึ่งเป็นวัยกลางคน
ทั้งสามคนสวมชุดขุนนาง หลังจากปรากฏขึ้นกลางท้องฟ้า ฟ้าดินก็ราวกับกำลังสั่นไหว รอบด้านเงียบสงัด สองผู้อาวุโสไม่ธรรมดาเลยจริงๆ ดวงตามีเส้นนับพันเส้นไหลเวียน สั่นสะเทือนท้องนภา
และผู้บำเพ็ญตรงกลางก็น่ากลัวยิ่งกว่า ด้านหลังเขามีภาพมายาปรากฏขึ้นนับไม่ถ้วน แต่ละภาพเชื่อมกับฟ้าดิน สิ่งที่มองเห็นราวกับครึ่งหนึ่งของท้องฟ้าแปรมาจากร่างของเขา
ผู้คนด้านล่างรวมถึงผู้บำเพ็ญทั้งหมดในเมืองมรรคาสวรรค์พ้นพันธะล้วนใจสั่นสะเทือนและมีสีหน้าเคารพยำเกรงภายใต้พลานุภาพนี้
จากนั้นเสียงที่ทรงอำนาจเสียงหนึ่งก็กึกก้องในจิตใจของคนทั้งสองพันเจ็ดร้อยเก้าสิบสามคนราวกับสายอัสนีฟาดผ่า
“การคัดเลือกคุณสมบัติของผู้ทดสอบในอดีต มีการสูญเสียชีวิตน้อยมาก
“แต่การคัดเลือกคุณสมบัติของผู้ทดสอบมณฑลรับเสด็จราชันครั้งนี้จะแตกต่างกับในอดีต จากการหารือของโถงครองกระบี่ จะเปลี่ยนสถานที่รับคุณสมบัติเป็นที่อุโมงค์ภูตแทน”
เสียงทรงอำนาจสะท้อนก้อง คนที่ได้ยินทั้งหมดส่วนใหญ่ขณะที่ใจสั่นสะท้านสีหน้าก็ฉายแววงุนงง เห็นได้ชัดว่าไม่เคยได้ยินเรื่องอุโมงค์ภูตมาก่อน มีเพียงศิษย์ส่วนน้อยรวมถึงพวกคุ้มครองของสำนักต่างๆ บางส่วนที่แสดงอารมณ์ออกมา
สวี่ชิงก็งุนงง มองนายกองด้วยสัญชาตญาณ
นายกองม่านตาทั้งสองหดเล็กลงอย่างเห็นได้ชัด เมื่อสังเกตเห็นสายตาสวี่ชิง เขาก็ชี้นิ้วลงดิน
สวี่ชิงทำหน้าเหมือนครุ่นคิด
และเสียงทรงอำนาจนั้น หลังจากพูดประโยคก่อนหน้าจบ ผ่านไปพักหนึ่ง ก็เอ่ยต่อว่า
“ในกลุ่มพวกเจ้าอาจจะมีคนที่เคยได้ยิน แต่ส่วนใหญ่น่าจะไม่รู้จักว่าอะไรคืออุโมงค์ภูต”
กลุ่มคนด้านล่างพากันตั้งใจฟัง ถึงอย่างไรสิ่งนี้ก็เกี่ยวข้องกับความสำเร็จและความล้มเหลว
สวี่ชิงก็สีหน้าจริงจัง ตั้งใจอย่างมาก
“ที่มาของเสามรรคาสวรรค์พ้นพันธะ พวกเจ้าคงรู้อยู่แล้ว อุโมงค์ภูต…อยู่ด้านล่างของเสามรรคาสวรรค์พ้นพันธะ!”
จิตใจของผู้คนล้วนเกิดระลอกคลื่นขึ้น สวี่ชิงก็หรี่ตาลงเช่นกัน
“ด้านล่างเสามรรคาสวรรค์พ้นพันธะมีหลุมลึกที่ไม่รู้ว่าเชื่อมไปถึงที่ใดหลุมหนึ่ง ในนั้นเต็มไปด้วยภูตประหลาดนับไม่ถ้วน ฟังให้ดี ไม่ใช่สิ่งประหลาด แต่เป็นภูตประหลาด”
ตอนที่ชายกลางคนบนท้องฟ้าพูดถึงตรงนี้ก็กวาดตามองกลุ่มคน จากนั้นก็พูดขึ้นอีกครั้ง
“สิ่งประหลาดคือจินตภาพ ภูตประหลาดคือความจริง อย่างแรกคือความชั่วร้าย อย่างหลังคือความโหดร้าย


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา