บทที่ 369 เทพเจ้าองค์ที่สาม!
เสียงร้องงิ้วดังก้องแผ่วเบาอยู่ท่ามกลางกระดาษเงินกระดาษทองที่ล่องลอย
เสียงอ้างว้าง สถานที่แปลกประหลาด
เหมือนที่นี่มีพิธีบางอย่างที่ดำเนินมาช้านานแล้ว
ในสายตาของสวี่ชิงบ้านห้าเหลี่ยมนั่นคล้ายแท่นพิธีกรรม
เพราะที่เหลี่ยมทั้งห้าของบ้านไม้จุดที่เชื่อมกับโซ่เหล็กมีซากศพที่น่าสะพรึงอยู่สามร่าง
ร่างที่หนึ่ง เป็นศพที่ทั้งตัวเปียกโชก เน่าเปื่อยรุนแรง มองหน้าตาไม่ออก ไม่รู้ว่าเป็นหญิงหรือชาย
มันคุกเข่าไปทางบ้านไม้ คลุมร่างด้วยชุดคลุมสีดำที่ฉีกขาดเป็นรูพรุนราวกับผ่านการเวลามายาวนาน
แต่น้ำเหลืองศพที่หยดร่วงไม่หยุดนั่น ราวกับมีพลังบางอย่างที่เหนือจินตนาการทำให้มันคงสภาพอยู่ท่ามกลางกาลเวลาที่ผ่านพ้นไปไว้
ต่อให้กาลเวลาไหลผ่านไปจนถึงปัจจุบัน ก็ยังคงเป็นเช่นนี้
มันเป็นศพจมน้ำ
ศพร่างที่สอง คลุมชุดดำขาดๆ ไว้และคุกเข่าไปทางบ้านไม้เช่นกัน สองมือของมันอยู่ในท่าทางแหวกช่วงท้องออก
เผยช่องท้องของมันออกมา
ด้านในไม่มีเครื่องในแล้ว เห็นได้ชัดว่าถูกควักออกมาจนหมด และเหมือนจะมีของบางอย่างอยู่ด้านใน แต่เห็นไม่ชัด
คล้ายกับว่าความเจ็บปวดทรมานก่อนที่จะตาย ทำให้มันต้องก้มหน้า ค้อมตัวลง ราวกับกำลังคารวะ
มันเป็นศพคว้านท้อง
ศพร่างที่สามแตกต่างจากสองศพก่อนหน้าเล็กน้อย คอของมันมีเถาวัลย์สีแดงเส้นหนึ่งพันอยู่ ตัวเถาวัลย์เหล่านั้นเป็นหนามแหลม แทงลึกเข้าไปในคอ
เถาวัลย์รัดคอของมันไว้แน่น สองแขนกำส่วนปลายทั้งสองด้านของเถาวัลย์เอาไว้ ราวกับก่อนที่มันจะตายดึงรั้งสุดแรง ทำให้แผลบนคอยิ่งลึกขึ้น และรัดเขาจนตายในที่สุด
นี่เป็นศพแขวนคอ
ศพทั้งสามร่างล้วนเผยความประหลาดออกมา สวี่ชิงจึงรู้สึกว่าที่นี่ยิ่งคล้ายกับพิธีกรรมสักอย่าง
นอกจากนี้แม้เหลี่ยมที่สี่จะไม่มีซากศพอยู่ แต่กลับมีป้ายหลุมศพไม่มีชื่อหลุมหนึ่ง
มีป้ายหลุมศพ เดิมทีน่าจะมีสุสาน
แม้ที่นี่จะไม่มี แต่ความหมายในการฝังศพนั้นชัดเจนมาก
จู่ๆ สวี่ชิงก็มองศพคว้านท้องศพที่สอง จ้องเพ่งสำรวจ
ในที่สุดเขาก็มองเห็นดินกองหนึ่งเป็นหลุมศพเล็กๆ ในท้องของศพคว้านท้องนั้น ที่หลุมศพนั้นมีศพทารกที่ยังฝังไม่เสร็จอยู่ศพหนึ่ง
บางทีนี่อาจจะเป็นศพร่างที่สี่
สวี่ชิงมองทั้งหมดนี้ หลังจากสังเกตเหลี่ยมที่ห้าเหลี่ยมสุดท้าย ที่นั่นมีรอยไหม้อยู่เล็กน้อย เหมือนเคยมีซากศพนั่งอยู่ตรงนั้น
สวี่ชิงนึกถึงศพไหม้เกรียมก่อนหน้านี้
“ทองคือล้วงคว้าน ไม้คือแขวนคอ น้ำคือจมน้ำ ไฟคือมอดไหม้ ดินคือฝังกลบ”
สวี่ชิงไม่รู้ว่านี่คือพิธีกรรมอะไร แต่เขารู้ว่าบ้านไม้รวมถึงซากศพทั้งสี่น่ากลัวเหลือเกิน
เพราะเขาสัมผัสถึงแรงกดดันแรงกล้าได้ และสิ่งที่ทำให้เขาขนลุกยิ่งกว่าคือกลิ่นอายและไอพลังประหลาดที่แผ่ออกมาจากส่วนที่ลึกยิ่งกว่าใต้บ้านไม้ ท่ามกลางเสียงร้องงิ้วที่ดังก้อง
กลิ่นอายนี้ ทำให้ใจสวี่ชิงสั่นสะท้าน ครั้งที่แล้วความรู้สึกนี้คือลมหายใจของจันทร์สีชาด
สวี่ชิงรู้ว่าในความมืดมิดเบื้องล่างจะต้องมีตัวตนที่ไม่อาจจินตนาการได้อยู่แน่นอน
และเขายิ่งเข้าใจว่าผู้สืบทอดมรรคาล้ำบารมีจะรู้เรื่องเหล่านี้ เพราะที่นี่ เขาเห็นผู้สืบทอดมรรคาล้ำบารมีอยู่
อีกฝ่ายอยู่บนผนังหลุมที่ห่างออกไปร้อยกว่าจั้ง กำลังไต่ลงไปอย่างระมัดระวัง
เหมือนกลัวว่าถ้าเคลื่อนไหวเร็วเกินไป จะไปรบกวนหญิงสาวกับซากศพที่บ้านไม้เข้า
และตอนนี้ เขาอยู่ห่างจากโซ่เหล็กของบ้านไม่กี่สิบจั้ง
ใกล้มากแล้ว
สวี่ชิงมองผู้สืบทอดมรรคาล้ำบารมี ดวงตาเผยประกายเย็นวาบ มือขวาหยิบกระจกเล็กๆ กับท่อนไม้สีดำออกมา จากนั้นก็หยิบถุงที่ใส่ลูกกลอน
ที่อยู่ในถุงคือลูกกลอนดำ หลังจากระเบิดแล้วจะดึงดูดไอพลังประหลาด
ในหลุมลึกที่เปี่ยมไปด้วยกลิ่นอายเยือกเย็นมืดมนรวมถึงไอพลังประหลาดแห่งนี้ ไม่มียาลูกกลอนใดที่จะเหมาะกับการสร้างเรื่องสนุกไปมากกว่านี้แล้ว
สวี่ชิงยกมือซ้าย เทถุงไปทางจางซืออวิ้นผู้สืบทอดมรรคาล้ำบารมีที่ไม่อยากจะรบกวนบ้านไม้ห้าเหลี่ยมเบาๆ
ลูกกลอนดำนับร้อยเม็ด ไหลจากปากถุงร่วงลงไปเบื้องล่าง
ผู้สืบทอดมรรคาล้ำบารมีที่กำลังปีนป่ายอยู่เบื้องล่าง หน้าเปลี่ยนสีไปทันควัน เงยหน้ามอง เห็นสวี่ชิง และเห็นยาลูกกลอนเหล่านั้นด้วย
เขาตกใจ ขณะที่กำลังจะหยุดยั้ง สวี่ชิงก็เอ่ยเสียงแผ่ว
“ระเบิด!”
เมื่อพูดออกไป ลูกกลอนดำที่กำลังร่วงลงไปด้านล่างเหล่านั้นก็พากันระเบิดทันที และพริบตาที่ระเบิด ไอพลังประหลาดก็ตลบอบอวลมาจากด้านล่างรวมถึงด้านบน
ลูกกลอนดำนับร้อยที่ระเบิด ก่อให้เกิดแรงดูดมหาศาล
เพียงพริบตาก็กลายเป็นกระแสวน เป็นแรงดึงดูด ทำให้ที่นี่มีเสียงหวีดหวิวดังสั่นฟ้าสะเทือนดินทันที
และการหลั่งทะลักของไอพลังประหลาดก็รุนแรงขึ้น หากเปรียบไอพลังประหลาดกับน้ำทะเล เช่นนั้นเวลานี้ก็คือคลื่นโหมกระหน่ำ
เบื้องล่างทั้งหมดเลือนรางขึ้น รอบด้านบิดเบี้ยวไปหมด บ้านไม้ห้าเหลี่ยมก็สั่นสะเทือน เสียงร้องงิ้วหยุดชะงัก
ศพทั้งสี่ที่นั่งอยู่บนบ้านไม้ห้าเหลี่ยมก็ลืมตาขึ้นพร้อมกันในพริบตา เผยแววคุ้มคลั่งและดุร้ายหลังถูกรบกวนออกมา เปล่งเสียงคำราม มองจางซืออวิ้นที่ใกล้พวกมันที่สุด!
ความดุร้ายที่โถมฟ้า ปะทุขึ้นฉับพลันในตอนนี้
ผู้สืบทอดมรรคาล้ำบารมีหน้าเปลี่ยนสี รู้สึกโกรธเกรี้ยวและประหวั่นพรั่นพรึงที่ยากจะพรรณนาได้โถมขึ้น
เขาคิดไม่ถึงว่าสวี่ชิงจะสลัดศพไหม้เกรียมออกมาได้ ถึงอย่างไรตัวเขาก่อนหน้านี้ก็ทำไม่ได้
ทว่าตอนนี้ สวี่ชิงไม่เพียงแค่สลัดพ้น กระทั่งยังมาเล่นงานตนเองได้อีก
ทั้งหมดนี้ ทำให้ผู้สืบทอดมรรคาล้ำบารมีทั้งโกรธทั้งตกตะลึงอย่างมาก
ไม่เพียงแค่แผนการเขาล้มเหลว แต่ยังเผชิญหน้ากับอันตรายใหญ่หลวงด้วย ดวงตาจึงมีเส้นเลือดแผ่ลามออกมาอย่างรวดเร็ว ประกบปางมือไปทางสวี่ชิง เตรียมจะใช้วิชาสลับที่อีกครั้ง
แต่ครั้งนี้สวี่ชิงเตรียมการมาแล้ว
วิชาสลับที่ของอีกฝ่าย สวี่ชิงเจอมาแล้วครั้งหนึ่ง ในเมื่อตอนนี้เลือกจะลงมือ แน่นอนว่าต้องมีวิธีตั้งรับอยู่
ดังนั้นแทบจะพริบตาที่จางซืออวิ้นผู้สืบทอดมรรคาล้ำบารมีลงมือ ก็ยกกระจกที่สวี่ชิงล้วงออกมาก่อนหน้าขึ้นมาทันควัน

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา