เข้าสู่ระบบผ่าน

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา นิยาย บท 379

บทที่ 379 ตกที่นั่งลำบากยากจะหนี

เสียงระฆังดังไม่นาน แค่สามครั้งเท่านั้น

“แค่สามครั้งเอง!”

บนเรือเหาะ นายกองเปลี่ยนชุดขุนนางผู้ครองกระบี่แล้ว ยืนอยู่ข้างหน้าอย่างทรงอำนาจน่าเกรงขาม เอ่ยขึ้นอย่างหยิ่งทะนง

เขาเอามือไพล่หลัง ท่าทางเหมือนได้ใจนัก เพียงแต่ในจุดลึกของดวงตาซ่อนไว้ซึ่งความหวาดวิตกร้อนตัวนิดๆ

สวี่ชิงก็ถูกสั่งให้เปลี่ยนชุดผู้ครองกระบี่เช่นกัน แต่เขาในตอนนี้ไม่ได้สนใจเสียงระฆัง แต่ก้มหน้าประเมินชุดของตัวเอง

ชุดขุนนางของผู้ครองกระบี่ไม่เหมือนกับชุดนักพรต ปกเสื้อยาวกว่า แขนเสื้อกว้างตกลงเล็กน้อย ทั้งชุดเป็นพื้นสีขาว มีเพลิงสีชาดเป็นลวดลาย

ลวดลายเหลือบเลื่อม ไม่ได้เห็นชัดเจน มีเพียงอยู่ใต้แสงอาทิตย์เท่านั้นถึงจะปรากฏรางเลือนไปกว่าครึ่งของชุด ข้างล่างเชื่อมกับแขนเสื้อ ข้างบนเชื่อมกับปกเสื้อ ก่อเป็นเปลวไฟที่กำลังลุกไหม้

จากลมที่พัดเสื้อสะบัดพริ้ว เสื้อที่ซ้อนทับก็เหมือนเปลวไฟกำลังไหวระริก ลุกไหม้โชติช่วง

ข้างหลังยังมีผ้าคลุมเป็นเสื้อชั้นนอก เชือกผูกสีแดงเพลิงผูกอยู่ที่คอ สะบัดพริ้วอยู่ข้างหลัง

เช่นนี้แล้ว ชุดขุนนางชุดนี้ดูเหมือนจะเรียบๆ แต่ความจริงแฝงไว้ด้วยเพลิงแรงกล้า มองภาพรวมขณะเดียวกับที่ดูสง่างามก็ไม่ขาดความองอาจ โดยเฉพาะเมื่ออยู่บนร่างสวี่ชิงก็ทำเอาลูกศิษย์หญิงบนเรือเหาะต่างดวงตาฉายแสงประหลาด ต่างลอบมอง

เหยียนเหยียนยิ่งดวงตาหรี่ลงเป็นจันทร์เสี้ยว ยืนอยู่ข้างๆ สวี่ชิง ยืดอกน้อยๆ ท่าทางเหมือนเป็นเกียรติภาคภูมิใจไปด้วย

“พูดว่าแค่สามครั้งอะไรกัน ข้ากลับมาไม่เคยมีเสียงระฆัง เอ้อร์หนิว เจ้าคันเนื้อคันตัวอีกแล้วใช่หรือไม่” ในขณะที่สวี่ชิงสำรวจเสื้อผ้าของตัวเอง เสียงของบรรพจารย์เสี่ยเลี่ยนจื่อก็ดังขึ้นอย่างราบเรียบ

นายกองหัวไว หันหน้ามา ใบหน้าเต็มไปด้วยแววประจบประแจง รัศมีอำนาจในเสี้ยวขณะนี้หายไปจนหมดสิ้น วิ่งมาอย่างรวดเร็วแล้วค่อยๆ ชะลอฝีเท้าเดินมาข้างกายเสี่ยเลี่ยนจื่อ

“ศิษย์คารวะท่านบรรพจารย์”

เสี่ยเลี่ยนจื่อแค่นเสียงหึขึ้นจมูก เดินมาข้างๆ สวี่ชิง ดวงตาแฝงด้วยความชื่นชมล้นปรี่

สวี่ชิงสีหน้าเคารพนอบน้อม โค้งตัวคารวะ

“อย่าไปฟังศิษย์พี่เจ้าพูดเพ้อเจ้อ อาชิง ตามประเพณีของเผ่ามนุษย์ เสียงระฆังมีความหมายที่แตกต่างกันไป เรื่องนี้พวกเจ้าไม่ต้องไปสนใจให้มากเกินไป รู้เพียงแค่ว่า เสียงระฆังของสำนักดังมากสุดแค่ยี่สิบเอ็ดครั้งแค่นั้นก็เพียงพอแล้ว”

“ทำไมล่ะขอรับ” นายกองที่อยู่ข้างๆ ถามอย่างสงสัย

เสี่ยเลี่ยนจื่อไม่สนใจเขา มองสวี่ชิงอย่างอ่อนโยน

“อาชิง หลังจากกลับถึงสำนักแล้ว เจ้าจะฝึกฝนได้อีกสามเดือนเต็มๆ หลังจากสามเดือนก็ต้องออกเดินทางไกลแล้ว ถึงตอนนั้นบรรพจารย์ข้าคนนี้จะมอบของล้ำค่าให้เจ้า”

พูดจบ ไม่รอให้นายกองเอ่ยปาก เสี่ยเลี่ยนจื่อก็หันมาถลึงตาใส่นายกอง เอ่ยดุอบรม

“เจ้าก็โตอายุไม่ใช่น้อยๆ แล้ว เอาอย่างศิษย์น้องของเจ้าบ้าง อย่าได้ทำตัวเหลวไหลอยู่ทุกวี่ทุกวัน ที่สำนักก็ช่างเถอะ ไปเขตปกครองผนึกสมุทรข้าเกรงว่าเจ้าจะถูกคนรุมอัดจนผนึกคลาย ถึงตอนนั้นพวกเขาทำเจ้าไม่ตาย เจ้าจะฆ่าตัวเองตายเสียก่อน”

“บรรพจารย์ อย่าเพิ่งพูดถึงเขตปกครองผนึกสมุทรเลย วิบากกรรมของข้าต่อจากนี้ยังไม่รู้ว่าจะผ่านไปอย่างไรเลยขอรับ…” นายกองถอนหายใจ มองบรรพจารย์อย่างน่าสงสาร

บรรพจารย์แค่นเสียงขึ้นจมูก กำลังจะพูดอะไร แต่ตอนนี้เอง จากการที่เรือเหาะเข้าใกล้พันธมิตรแปดสำนัก เงาร่างมากมายก็เหาะเหินออกมาจากในนั้น มุ่งหน้าตรงมาที่เรือเหาะ

ผู้ที่มาไม่ได้มีเพียงแค่สำนักเจ็ดเนตรโลหิตเท่านั้น แต่สำนักทั้งแปดก็มีคนมมาเยือนด้วย จะอย่างไร ลูกศิษย์ของพันธมิตรที่กลับมาจากการเดินทางครั้งนี้ ก็ล้วนมีมาจากสำนักทั้งแปด

แม้จะไม่ได้เป็นผู้ครองกระบี่ แต่ก็ได้ผ่านการฝึกฝน ได้เปิดโลกกว้างก็เป็นการเดินทางที่ไม่ธรรมดาครั้งหนึ่งเช่นกัน

เพียงแต่ นอกจากสำนักเจ็ดเนตรโลหิตที่นายท่านเจ็ดออกมาต้อนรับเองแล้ว สำนักอื่นๆ ล้วนเป็นผู้อาวุโสที่มา

แต่พิธีก็ยังคงยิ่งใหญ่ ท่ามกลางเสียงแสดงความยินดีมากมายไม่ขาดสายก็ยิ่งมีพิธีที่ในสำนักเจ็ดเนตรโลหิตจัดขึ้นเพื่อสวี่ชิงและนายกอง ดังนั้น ไม่นานนัก ท่ามกลางเสียงระฆังที่ดังแว่ววนเวียน คนกลุ่มหนึ่งก็กลับมาถึงยังพันธมิตรอย่างยิ่งใหญ่ กลับมาถึงสำนักเจ็ดเนตรโลหิต

ในเสี้ยวพริบตาที่กลับมมา ลูกศิษย์กว่าครึ่งของสำนักเจ็ดเนตรโลหิตก็มาถึงแล้ว ต่างโค้งคารวะไปทางท้องฟ้า ยิ่งใหญ่อลังการนัก

ท่ามกลางสายตาอิจฉาจากลูกศิษย์นับไม่ถ้วน นายกองสีหน้าท่าทางหวาดระแวง เมื่อสังเกตได้ว่าจอมเซียนจื่อเสวียนไม่ได้ปรากฏตัวขึ้นก็ถอนหายใจโล่งอก

ขณะเดียวกัน ประธานพันธมิตรแปดสำนักก็ได้ปรากฏตัวบนท้องฟ้า ใบหน้าเหมือนแฝงด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่นมากๆ ประกาศออกมาว่า

“มอบฐานผู้สืบทอดมรรคาแห่งพันธมิตรแปดสำนักให้แก่สวี่ชิง เฉินเอ้อร์หนิว!”

นี่เป็นเรื่องที่สมควรจะทำ ในเมื่อเป็นผู้ครองกระบี่แล้ว อีกทั้งครั้งนี้พันธมิตรแปดสำนักก็ถูกจับตามอง ในบรรดาผู้ครองกระบี่สามคน พันธมิตรแปดสำนักได้ไปแล้วสองคน

เรื่องแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน แต่ก่อนอย่างมากก็แค่คนเดียวเท่านั้น

ด้วยเหตุนี้การมอบตำแหน่งผู้สืบทอดมรรคาให้เป็นเรื่องที่จำเป็น

นี่คือมารยาทสังคม ทำให้สำนักเจ็ดเนตรโลหิตดู ทำให้โถงครองกระบี่ดู และทำให้ผู้ครองกระบี่ในอนาคตของสำนักต่างๆ ดู

ไม่เกี่ยวกับจุดยืนและแผนการ ในฐานะที่เป็นประธานพันธมิตร สิ่งที่เขาคิดในใจ คนที่มองขาดมีไม่มาก แต่เรื่องที่เขาทำละเอียดรอบคอบมาโดยตลอด

ดังนั้นหลังจากประกาศฐานะผู้สืบทอดมรรคาแล้ว งานเลี้ยงของสำนักเจ็ดเนตรโลหิตก็ยิ่งคึกคัก ลูกศิษย์สำนักอื่นๆ ก็ส่งของกำนัลมา งานเลี้ยงดำเนินไปหนึ่งวันเต็มๆ

ในหนึ่งวันนี้ นายกองทักทายต้อนรับฝ่ายต่างๆ คล่องแคล่วชำนาญเป็นอย่างยิ่ง ประเดี๋ยวๆ ก็คุยโวขึ้นมา

“ข้าจะบอกพวกเจ้าให้นะ ที่เมืองมรรคาสวรรค์พ้นพันธะ ประกายแสงของข้ากับอาชิงน้อยที่ได้มาล้วนเป็นเรื่องที่ไม่เคยมีมาก่อน พวกเรารวมกันประกายแสงเกินหมื่นจั้ง!”

สวี่ชิงได้ยินอยู่ไกลๆ ไม่ได้สนใจ ตอนนี้หวงเหยียนอยู่ข้างหน้าเขา ใบหน้าทอดถอนใจ

“สวี่ชิง แป๊ปเดียวก็ผ่านไปหลายปีแล้ว ตอนนี้เจ้ายังเป็นผู้ครองกระบี่แล้ว

“เฮ้อ ข้าก็ยังไม่ชินกับมณฑลรับเสด็จราชัน ข้าโน้มน้าวศิษย์พี่หญิงแล้ว พวกเราวางแผนว่าจะกลับทวีปปักษาสวรรค์ทักษิณ ศิษย์พี่หญิงก็ไปประจำการพอดี วันหน้าพวกเราเจอกันที่นั่น”

ก่อนหน้านี้สวี่ชิงได้ยินหวงเหยียนพูดว่าไม่ชอบมณฑลรับเสด็จราชัน ตอนนี้เมื่อได้ยินก็เอ่ยโน้มน้าวลำบาก จึงพยักหน้า เขาก็ได้พูดถึงเรื่องเขาไตรวิญญาณสะกดมรรคาด้วยการสอบถามจากหวงเหยียน

หวงเหยียนทำท่าเหมือนค่อนข้างสนใจเรื่องนี้

เวลาค่อยๆ หมุนไป พลบค่ำค่อยๆ คืบคลานมา งานเลี้ยงก็ใกล้จะจบสิ้นลงแล้ว สวี่ชิงคิดว่าจะไปหลังเขาเซ่นไหว้นายท่านหกสักหน่อย

แต่ในตอนที่งานเลี้ยงจะจบลง เขาเตรียมตัวจะจากไป เหตุไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น

บนท้องฟ้า แสงสีม่วงส่องกะพริบ แสงพรายรุ้งยามสนธยาก็เปลี่ยนสี ในตอนที่สวี่ชิงเงยหน้า นายกองที่กำลังคุยโวกับจางซานอยู่ไกลลิบๆ ก็สีหน้าเปลี่ยนไปทันที

เสี้ยวขณะต่อมา แสงสีม่วงทั่วฟ้าก็หลอมรวม ก่อเป็นเงาร่างของผู้หญิงคนหนึ่ง

ผิวนวลเนียน รูปร่างอรชร ใบหน้าที่งดงามราวเซียน บุคลิกท่วงท่าสง่างาม พลังบำเพ็ญที่น่ากลัว เมื่อประกอบด้วยกันแล้วก็แปรเปลี่ยนเป็นหญิงงามหยาดเยิ้มที่เหมือนเดินออกมาจากภาพวาด

เป็นจอมเซียนจื่อเสวียนนั่นเอง

บทที่ 379 ตกที่นั่งลำบากยากจะหนี 1

Verify captcha to read the content.ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา