บทที่ 382 หลิงเอ๋อร์ออกเดินทาง
สวี่ชิงหยิบหมากที่ร่วงหล่นของท่านอาจารย์ขึ้นมาอย่างเงียบๆ วางไปบนตำแหน่งที่เดิมมันควรจะถูกวางไว้ แล้วเงยหน้ามองอาจารย์
“เขาจักรพรรดิภูตเปลี่ยนรูปร่างหน้าตามาเหมือนข้าขอรับ”
นายท่านเจ็ดเงียบนิ่ง หลับตาครุ่นคิด
ในใจกลับมีคลื่นลูกใหญ่ซัดโหม เขารู้ว่าลูกศิษย์ของตนคนนี้มีการรับรู้ที่น่าตกใจ วันนั้นที่นอกเขาจักรพรรดิภูตเขาก็ได้สัมผัสอย่างชัดเจนแล้ว
และยังได้ยินเรื่องทั้งหมดที่เมืองมรรคาสวรรค์พ้นพันธะของสวี่ชิงด้วย ระหว่างนั้นได้สัมผัสรับรู้ตราประทับวิญญาณศึกไปเกือบสามร้อยตรา
แต่ก็ยังตื่นตะลึงกับคำพูดของสวี่ชิงอยู่ดี ในเมื่อตอนนั้นเขาแค่ให้สวี่ชิงย้ายเทพองค์หนึ่งไปไว้ในทะเลความรู้สึกเท่านั้น ไปสะกดเจตจำนงตั้งมั่นที่เกิดขึ้นในแก่นลมปราณที่ได้จากเคล็ดวิชาพรางมารยาชิงมรรคา
นี่เหมือนว่าข้าแค่ให้เจ้าสร้างกระท่อมไม้เล็กๆ แต่เจ้ากลับสร้างเมืองออกมา
จากนั้นยังมาถามข้าอย่างแปลกใจว่าทำไมถึงเป็นเช่นนี้
นายท่านเจ็ดเหนื่อยใจ หลังจากเงียบงันอยู่นานก็กระแอมไอ เอ่ยอย่างเรียบนิ่ง
“นั่นคือจิตใจของเจ้า จิตใจของเจ้าแข็งแกร่งย่อมส่งผลถึงวิญญาณ ทำให้มันถูกเจ้าควบคุมอยู่ภายใน เปลี่ยนไปโดยมีเจ้าเป็นต้นกำเนิด ดังนั้นไม่ต้องกังวลไป
“นี่เป็นขอบเขตประเภทหนึ่ง ก่อนคือย้าย จากนั้นก็หล่อเลี้ยงวิญญาณ จากนั้นก็แปรเปลี่ยนเป็นของของตน แต่ว่าเจ้ายังต้องขยันหมั่นเพียร จะพอใจแค่นี้ไม่ได้ เพราะขั้นนี้นั้นง่ายมาก
“นับแต่โบราณกาลมามีผู้ยิ่งใหญ่มากมายล้วนมีวิธีที่คล้ายกันเช่นนี้ หลังจากนึกนิมิตก็ลองเอามาแทนที่ นี่ไม่ใช่การชิงร่างแต่เป็นการชิงมรรคา แต่เรื่องนี้ยากมาก เรื่องพวกนี้สำหรับเจ้าแล้วเป็นจินตนาการรางเลือน
“เพราะความจริงมรรคาของจักรพรรดิภูตไม่สมบูรณ์ไม่สมบูรณ์ ดังนั้นเมื่อใดที่เจ้าสามารถทำให้บนเขาจักรพรรดิภูตมีวัตถุภายนอกเพิ่มขึ้น ทำให้มันสมบูรณ์มากขึ้นได้ ถึงจะนับว่า…”
ได้ยินคำพูดนี้ของอาจารย์ สวี่ชิงคล้ายครุ่นคิด นึกถึงเสามรรคาสวรรค์พ้นพันธะที่มือทั้งสองข้างของเขาจักรพรรดิภูตในทะเลความรู้สึก จึงพูดขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
“ท่านอาจารย์ ยังมีกระบองเพิ่มขึ้นมาด้วย กระบองนับเป็นวัตถุภายนอกหรือไม่ ดูแล้วเหมือนเสามรรคาสวรรค์พ้นพันธะเลยขอรับ”
นายท่านเจ็ดอึ้งไปเล็กน้อย เงียบงันไม่พูดจา ในใจเกิดพายุฝนกระหน่ำ
สวี่ชิงกังวลเล็กน้อย
“เจ้าสี่ เจ้ามีนิสัยที่ไม่ดีอย่างหนึ่ง” หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เสียงของนายท่านเจ็ดก็ค่อนข้างแหบแห้ง
“ครั้งหน้าพูดอะไรให้จบในทีเดียว!”
สวี่ชิงกะพริบตาปริบๆ พยักหน้า
“ยังมีการเปลี่ยนแปลงอะไรอีก” นายท่านเจ็ดถามอย่างไม่วางใจ
“ไม่มีแล้วขอรับ อ้อ ท่านอาจารย์ ข้ามีความรู้สึกอย่างหนึ่ง เหมือนว่าเขาจักรพรรดิภูตนี่ ภายใต้สถานการณ์ใดสถานการณ์หนึ่งเหมือนจะถูกข้ากระตุ้นออกมาได้ แต่ตอนนี้ข้ายังทำไม่ได้ ท่านอาจารย์มีวิธีหรือไม่ขอรับ” สวี่ชิงเอ่ยถามลังเล
นายท่านเจ็ดผุดลุกขึ้นพรวด ดวงตาฉายประกายวาววับ มองสวี่ชิงอย่างละเอียด ในใจของตัวเองตอนนี้ไม่ใช่ลมพายุฝนอีกต่อไป แต่เป็นคลื่นทะเลถาโถม
‘เจ้าหนูนี่คงไม่ใช่จักรพรรดิภูตกลับชาติมาเกิดหรอกกระมัง เป็นไปไม่ได้ เขาไม่ใช่คนมณฑลรับเสด็จราชัน เกิดอยู่ที่ทวีปปักษาสวรรค์ทักษิณ ในตัวไม่มีสายเลือดจักรพรรดิภูต ก่อนหน้านี้ข้าได้ตรวจสอบจุดนี้แล้ว
‘การสัมผัสรับรู้ของคนคนหนึ่งแข็งแกร่งได้ถึงขั้นนี้เชียวหรือ
‘นี่ข้ารับลูกศิษย์อะไรมากันนี่
‘หรือจะบอกว่าพรสวรรค์เผ่ามนุษย์ของเขาเกี่ยวพันกับการสัมผัสรับรู้’
นายท่านเจ็ดสูดลมหายใจลึก หลังจากสังเกตสีหน้าสงสัยของสวี่ชิงเขาก็กระแอมออกมาเบาๆ รักษาความสงบนิ่งเอาไว้ แกล้งเดินกลับไปมาสองสามรอบ ทำท่าเหมือนที่ลุกขึ้นก็เพื่อจะมองชั้นเมฆที่อยู่บนฟ้าไกลเท่านั้น
“เจ้าสี่ เจ้ามองเมฆบนท้องฟ้า”
สวี่ชิงเงยหน้ามองท้องฟ้า
“เจ้าเห็นรูปร่างของเมฆได้อย่างชัดเจน เป็นกลุ่มๆ ก้อนๆ แต่ความจริงแล้วรูปร่างที่แท้จริงของมันไม่ใช่เช่นนี้ พวกมันเกิดจากไอน้ำที่เจอกับความเย็นบนท้องฟ้า จับกลุ่มรวมกันขึ้นมา นอกจากนั้น รูปร่างของมันเกิดขึ้นเพราะฝุ่นในอากาศไปจับกับไอน้ำ
“เขาจักรพรรดิภูตในทะเลความรู้สึกก็คล้ายกับเหตุผลนี้
“เจ้าไม่ต้องไปคิดว่าจะโหมทำให้มันปรากฏออกมาข้างนอก ให้ความสำคัญกับรูปร่างจักรพรรดิภูตมากเกินไป นี่ไม่ถูกต้อง
“เจ้าต้องกระจายเขาจักรพรรดิภูต ปล่อยกลิ่นอายของมันไปข้างนอก เหมือนไอน้ำเช่นนั้น จากนั้นสังเกตการเปลี่ยนแปลงของมัน หาจุดที่ทำให้มันเคลื่อนไหว
“จากนั้นก็ใช้ไอพลังประหลาดจับกลุ่ม ในที่ที่พลังวิญญาณและไอพลังประหลาดเข้มข้นก็ก่อเงาร่างจักรพรรดิภูตได้ อีกทั้งเงาร่างนี้ข้าแนะนำว่าให้เจ้าลองเปลี่ยนรูปร่างของมันสักหน่อย แบบนี้คนก็จะจำไม่ได้ คิดว่าเป็นเคล็ดวิชาพลังวิเศษของเจ้า”
นายท่านเจ็ดเอ่ยเนิบนาบ สวี่ชิงฟังแล้วเหมือนสายฟ้าฟาดผ่าในสมอง
คำตอบของท่านอาจารย์ไม่ซับซ้อนเข้าใจง่าย เขามองเมฆบนท้องฟ้าจิตใจก็กระจ่างแจ้งทันที
เสี้ยวขณะนี้เหมือนบรรลุแจ่มแจ้ง จากความคิดที่แจ่มชัด สวี่ชิงก็อดที่จะเผยสีหน้าเข้าใจอย่างกระจ่างไม่ได้ ยิ่งมีความเคารพเลื่อมใสอย่างมากด้วย
สำหรับเขาเหมือนระฆังกังวานดังก้อง ประดุจบรรลุแล้ว
สวี่ชิงยืนขึ้น โค้งคารวะอาจารย์
สีหน้าท่าทางของเขาในที่สุดก็ทำให้นายท่านเจ็ดเบิกบาน หัวเราะฮ่าๆ นั่งลงหยิบหมากขึ้นมาอีกครั้ง วางไปบนกระดานหมากอย่างสบายอารมณ์
สวี่ชิงนั่งอยู่ข้างๆ อย่างเลื่อมใส หลังจากเดินหมากต่อได้ครู่หนึ่ง ก็ถามคำถามที่สองของตัวเองออกมา
เกี่ยวกับความเกี่ยวพันระหว่างพืชวิญญาณและเทพเจ้า
คำถามนี้ทำให้ในดวงตาของนายท่านเจ็ดฉายประกายประหลาด หลังจากเงียบนิ่งอยู่นาน ก็ค่อยๆ เผยความสนใจขึ้นมา
“หลังจากที่เสี้ยวหน้าเทพเจ้ามาเยือนพืชวิญญาณก็ปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงแบบนี้ได้ดีกว่าสิ่งมีชีวิตมีเลือดเนื้อจริงๆ นั่นแหละ…
“ร่างทดสอบเทพเจ้าร่างนั้นข้าก็ทำการศึกษาค้นคว้ามาโดยตลอด เรื่องที่เจ้าพูดไม่เลวเลย พืชคุณสมบัติเทพ นี่เป็นแนวคิดที่เอามาลองดูได้
“ศึกษาค้นคว้าเทพเจ้า บางทีพืชวิญญาณคุณสมบัติเทพก็คือกุญแจ”



ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา