เข้าสู่ระบบผ่าน

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา นิยาย บท 393

บทที่ 393 สอนจระเข้ว่ายน้ำ

แต่ว่าการตัดสินเรื่องสักเรื่อง จะใช้แค่การคาดคะเนและตัดสินไม่ได้ สำนักย่อยไม่ออกมารับ อาจจะมีปัญหาอื่นอยู่

ส่วนสาเหตุคืออะไร ที่จริงก็พิสูจน์ได้ง่ายดาย ไปดูก็รู้แล้ว

จอมเซียนจื่อเสวียนเงยหน้ามองเมืองหลวงเขตปกครองบนฟากฟ้า

แม้สำนักย่อยจะยังไม่ปรากฏตัว ออกมารับไม่ได้ พวกเขาขึ้นไปยาก แต่สำหรับจอมเซียนจื่อเสวียนแล้วแก้ไขได้ง่ายดายนัก

หญิงชรายอดเขาลำดับห้าข้างๆ เวลานี้สายตาก็เผยความเย็นชา ส่วนคนอื่นๆ ก็เหมือนครุ่นคิด มีไม่น้อยที่แอบกวาดตามองไปทางสวี่ชิงกับนายกอง

คู่รักเฉินถิงหาวทั้งสองคนเองก็สังเกตเห็นความผิดปกตินี้ หลังจากสอบถามอย่างเกรงใจ เฉินถิงหาวก็เอ่ยขึ้นทันที

“ผู้อาวุโสจื่อเสวียน สหายเต๋าสวี่ชิง สหายเต๋าเอ้อร์หนิว สำนักย่อยพันธมิตรแปดสำนักของพวกท่านเกิดเรื่องขึ้นหรือไม่อีกเดี๋ยวข้าจะสอบถามไป แต่เรื่องรับเข้าเมือง พวกเราช่วยเหลือได้”

เขาพูดพลางหยิบแผ่นหยกสื่อเสียงออกมา

เมื่อสวี่ชิงกับนายกองได้ยิน ก็คารวะไปทางเฉินถิงหาวเพื่อแสดงความขอบคุณ

จอมเซียนจื่อเสวียนพยักหน้าเล็กน้อย ถ้าไม่จำเป็นนางก็ไม่อยากจะใช้เส้นสายของตนเองในเมืองหลวงเขตปกครองตั้งแต่วันแรกที่มาถึง ยิ่งใช้กับเรื่องเล็กๆ อย่างการเข้าเมือง

ยิ่งไปกว่านั้นสิ่งที่สำคัญที่สุด ที่นี่คือเมืองหลวงเขตปกครอง มีผู้แข็งแกร่งอยู่มากมาย จะไม่เกรงกลัวใครอย่างที่มณฑลรับบเสด็จราชันไม่ได้

ที่นี่ ต้องระแวดระวังทุกสิ่งอย่างให้มากขึ้น

โดยเฉพาะตอนที่เพิ่งมาถึง

ดังนั้นสิ่งแรกนางต้องทำให้กระจ่างคือเกิดอะไรขึ้นกับสาขาย่อยพันธมิตรแปดสำนักกันแน่

ด้วยการช่วยเหลือของเฉิงถิงหาว ไม่นานก็มีแสงสามสายเหินจากเมืองหลวงเขตปกครองด้านบนลงมา กลายเป็นคนสามคน

สามคนนี้สวมชุดคลุมยาวสีน้ำตาลเข้ม ร่างมีสายอัสนีโอบล้อม เห็นได้ชัดว่าเป็นสำนักเดียวกันกับเฉินถิงหาว

ทว่าดูไม่เหมือนผู้ครองกระบี่เลย

หลังจากมาถึงก็กล่าวทักทาย ด้วยการแนะนำของเฉินถิงหาว สวี่ชิงจึงรู้ว่าสามคนนี้คือศิษย์จากชีพจรอัสนีบรรพกาล เข้าเวรลาดตระเวนในเมืองอยู่

พวกเขาสามคนหลังจากได้ยินเฉินถิงหาวแนะนำว่าสวี่ชิงกับนายกองเป็นผู้ครองกระบี่คนใหม่ ก็ดูเกรงใจขึ้นอย่างชัดเจน สีหน้ามีความเคารพศรัทธา คอยคุ้มกันส่งคนจากพันธมิตรแปดสำนักลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า ตรงไปยังเมืองหลวงเขตปกครอง

ภาพนี้ ทำให้สวี่ชิงที่ถนัดการสังเกต เข้าใจสถานะของผู้ครองกระบี่ชัดเจนขึ้นอีกครั้ง

ขณะเดียวกันเขาก็มองไปยังเมืองหลวงเขตปกครองที่ใกล้ขึ้นเรื่อยๆ ด้วยสัญชาตญาณ

เมืองนี้มองไกลๆ เป็นทรงกลม กว้างใหญ่ไพศาล รอบด้านมีกำแพงสูงรายล้อม ยิ่งมีอักขระตราประทับส่องแสงอยู่ด้านในอีกนับไม่ถ้วน ก่อเป็นแรงกดดันที่น่ากลัวหลายระลอก

โดยเฉพาะตอนที่เข้าใกล้ แรงกดดันที่น่าตกตะลึงนี้ ก็กวาดมาที่ตัวพวกเขา ราวกับว่ากำลังตรวจสอบสถานะการเข้าเมือง

มีเฉินถิงหาวรวมถึงสามคนที่ลาดตระเวนในเมืองคอยคุ้มกัน ขณะที่กำลังตรวจสอบคุณสมบัติการเข้าเมือง กลุ่มของสวี่ชิงก็ไม่พบกับอุปสรรคใด เข้าสู่เมืองหลวงเขตปกครองได้อย่างราบรื่น

เมืองที่ยิ่งใหญ่เมืองหนึ่งสะท้อนเข้ามาในดวงตาสวี่ชิงจากการเข้าไป

แม้เมืองหลวงเขตปกครองจะใหญ่โต แต่กลับเป็นระเบียบเรียบร้อย บนพื้นเป็นถนนลาดยาว สิ่งปลูกสร้างมากมาย ส่วนใหญ่ล้วนเป็นอิฐที่ทำจากไพลิน หลังคาสีม่วงแดง ขณะที่ดูโอ่อ่าก็แฝงความเคร่งขรึมอย่างเป็นธรรมชาติไว้ด้วย

เนื่องจากในเมืองยังมีต้นพืชวิญญาณตกแต่งประดับ กระจายอยู่ตามมุมกับถนน ดังนั้นในความเคร่งขรึมนี้จึงแฝงความสวยงามอย่างมีระดับอยู่ด้วย

ยิ่งมีปราณวิญญาณที่เข้มข้นแผ่ซ่านออกมาจากทุกยย่อมหญ้าเป็นระยะ ตลบอบอวลไปทั่วสารทิศ ทำให้ทั้งเมืองอยู่ท่ามกลางพลังวิญญาณบางเบา

ในนี้มีคนธรรมดาอยู่ไม่น้อย ผู้บำเพ็ญก็มากมาย มองไปที่ถนนก็คึกคักมาก

โดยเฉพาะสิ่งปลูกสร้างของที่นี่มองไกลๆ ดูโอ่อ่า มองใกล้ๆ ก็ไม่ขาดความวิจิตรประณีต ประตูหน้าต่างเรือนที่บานใหญ่ก็มีอยู่มากมาย ห้องหับประตูหน้าต่างบานเล็กก็เผยความวิจิตรออกมาด้วยเช่นกัน

ไม่ว่าจะจากขนาดหรือรูปร่าง ก็ล้วนไม่ใช่สิ่งที่เมืองพันธมิตรแปดสำนักจะไปเทียบได้ ระหว่างทั้งสองฝ่ายมีขุมอำนาจที่ต่างกันอย่างชัดเจน

และสิ่งที่ทำให้สวี่ชิงตกใจมากที่สุดของเมืองนี้ มีอยู่สองจุด

จุดที่หนึ่งคือ เพราะเมืองหลวงเขตปกครองลอยอยู่ที่หน้าอกของรูปปั้นจักรพรรดิโบราณเสวียนโยว ดังนั้นเมื่อเงยหน้ามองขึ้นไปจากตรงนี่ สิ่งแรกที่เห็นจึงไม่ใช่เสี้ยวหน้าเทพเจ้า และไม่ใช่ตะวันจันทรา แต่เป็นศีรษะของรูปปั้นจักรพรรดิเสวียนโยว

ความศักดิ์สิทธิ์ สายตาที่จ้องมองสรรพชีวิตและยังมีความเวทนาที่แฝงอยู่ในสีหน้านั้น สะท้อนอยู่ในดวงตาของทุกคนในเมืองหลวงเขตปกครองอย่างชัดเจน

จุดที่สอง หลังจากเข้ามาในเมืองหลวงเขตปกครอง สวี่ชิงก็เกิดความรู้สึกอย่างหนึ่ง ราวกับว่าตนเองยืนอยู่บนจุดสูงสุดของเขตปกครองผนึกสมุทร ร่างกาย จิตวิญญาณและทุกสิ่งอย่างในตัวเขา เหมือนว่าในตอนที่เดินเข้ามาในเมืองนี้ก็กลมกลืนไปกับเขตปกครองผนึกสมุทรแล้วเลาๆ

ความรู้สึกนี้มหัศจรรย์อย่างมาก ทุกเมืองที่สวี่ชิงเคยไปมาก่อนหน้าไม่มีความรู้สึกแบบนี้เลย

และที่นี่ก็ไม่ใช่สิ่งปลูกสร้างที่สูงที่สุดของเขตปกครองผนึกสมุทรด้วย

“นั่นคือพลังของโชคลาภ” จอมเซียนจื่อเสวียนเอ่ยแผ่วเบา

“ในฐานะที่เป็นเมืองหลวงของเขตปกครองหนึ่ง ในฐานะที่เป็นศูนย์กลางของทั้งเขตปกครองผนึกสมุทร

“เพียงแต่ ส่วนใหญ่จะอยู่ที่การสืบสันติวงศ์ของชนเผ่าต่างๆ ขั้วอำนาจอย่างสำนักจึงยากจะมี”

เมื่อสวี่ชิงได้ยินก็ครุ่นคิด

เวลานี้เดินมุ่งหน้าไปพลาง เฉินถิงหาวก็แนะนำเมืองหลวงเขตปกครองอยู่ข้างๆ ไปพลาง

“เมืองหลวงเขตปกครองทั้งหมดแบ่งออกเป็นเก้าวงเจ็ดสิบเจ็ดเขต ส่วนรายละเอียด อีกเดี๋ยวพวกท่านจะเข้าใจเอง ข้าจะไม่พูดมากแล้ว”

เพราะต้องรีบไปยังสำนักย่อย ระหว่างทางเฉินถิงหาวจึงไม่ได้บรรยายรายละเอียดกับพวกสวี่ชิงอีก แต่หลังจากที่รู้ที่ตั้งของสำนักแยก ก็นำพวกเขาไปด้วยความเร็วสูงสุด

สำนักแยกพันธมิตรแปดสำนัก ตั้งอยู่ทางใต้ของเมืองหลวงเขตปกครอง ในเขตที่ห้าสิบเก้า

ตำแหน่งไม่ถึงกับห่างไกลความเจริญ แต่ก็ไม่ได้เข้าใกล้ศูนย์กลาง แต่มองจากภายนอกก็ยังถือเป็นเรือนที่ไม่เลว ด้านในยังเห็นเขามอและธารน้ำรางๆ มีความสง่าอยู่บ้าง

เพียงแต่ ตอนนี่ไม่มีศิษย์สำนักแยกอยู่เลย ยิ่งกว่านั้นประตูใหญ่ของเรือนก็มีกระดาษยันต์สีดำปิดผนึกไว้

พอเห็นผนึกนี้ ศิษย์จากพันธมิตรแปดสำนักแต่ละคนก็สีหน้าปั้นยาก สายตาของจื่อเสวียนกวาดผ่านแถบผนึกนั้น ล้วงแผ่นหยกออกมาด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ เริ่มสอบถามกับคนคุ้นเคยในเมืองหลวงเขตปกครอง

ผนึกนี้ อธิบายทั้งหมดแล้ว

บทที่ 393 สอนจระเข้ว่ายน้ำ 1

บทที่ 393 สอนจระเข้ว่ายน้ำ 2

บทที่ 393 สอนจระเข้ว่ายน้ำ 3

Verify captcha to read the content.ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา