บทที่ 392 พลทหารเดนตาย
การคุกเข่าอย่างกะทันหันของหนิงเหยียน ทำให้รู้สึกแปลกใจ
จื่อเสวียนมองเขาเหมือนเป็นเรื่องปกติ
“สำนักโลกันต์ทมิฬหรือ”
“บรรพจารย์ช่างหลักแหลม ศิษย์คือผู้บำเพ็ญจากสำนักโลกันต์ทมิฬ ตอนอยู่ในสำนักก็รู้สึกชื่นชมศรัทธาบรรพจารย์แห่งสำนักหลักของสำนักโลกันต์ทมิฬสามพันเจ็ดร้อยแห่งทั่วทั้งมณฑลรับเสร็จราชันขอรับ”
สีหน้านายกองแปลกประหลาด สวี่ชิงขมวดคิ้ว คิดถึงเอกลักษณ์ของสำนักโลกันต์ทมิฬขึ้นมา
เนื่องจากจักรพรรดิโบราณเสวียนโยวเป็นเหตุ จำนวนของสำนักโลกันต์ทมิฬจึงมีมากมายเต็มไปหมด สำนักน้อยใหญ่ ขอแค่ข้องเกี่ยวเพียงเล็กน้อยก็เรียกตนเองว่าเป็นสำนักโลกันต์ทมิฬแล้ว
เช่นที่ภูเขาล้ำบารมีพ้นเคราะห์ภัย สวี่ชิงกับนายกองก็เคยพบกับสำนักโลกันต์ทมิฬแห่งหนึ่ง
ส่วนหนิงเหยียนก็เช่นกัน เขาฝึกบำเพ็ญวิชาสำนักโลกันต์ทมิฬมาหรือไม่ จอมเซียนจื่อเสวียนแค่มองก็รู้แล้ว ดังนั้นเห็นแก่ความเลื่อมใส จื่อเสวียนจึงพยักหน้า ให้เขาติดเรือเดินทางไปด้วย
หนิงเหยียนลนลาน เขาไม่อยากติดเรือไปด้วย แต่ก็ไม่กล้าปฏิเสธ ทำได้เพียงกัดฟันหลบอยูที่มุม ไม่กล้ามองสวี่ชิง กระวนกระวาย ราวนกที่ตกใจลูกธนู
สวี่ชิงกวาดตามอง เตรียมหาจังหวะที่ไม่มีคน ไปคิดบัญชีกับอีกฝ่าย
ทว่านายกองกลับดวงตาเปล่งประกายประหลาด เดินวนอยู่รอบตัวหนิงเหยียนที่กำลังสีหน้าตึงเครียด ทำท่าทีสนอกสนใจ ถามออกไปประโยคหนึ่ง
“เจ้าหนู เจ้าดูไม่ค่อยปกติเท่าไรเลยนะ ถูกนกยักษ์จับเล่นเช่นนั้น แต่ก็ไม่ตาย ทั้งอาการก็ไม่ได้สาหัสสากรรจ์ด้วย”
“ศิษย์พี่เฉิน สายเลือดข้าเคยเกิดการเปลี่ยนแปลงตอนยังเด็ก พลังสายเลือดคือการคุ้มครองขอรับ” หนิงเหยียนรีบอธิบาย
เมื่อนายกองได้ยินคำนี้ ก็เลียริมฝีปาก หัวเราะลั่น เดินขึ้นไปโอบคอหนิงเหยียนเอ่ยกดเสียงต่ำ
“ไม่ต้องกลัวสวี่ชิงหรอก ข้าเป็นศิษย์พี่ใหญ่ของเขา เจ้าน่าจะได้ยินคำเล่าลือที่สวี่ชิงเคารพศรัทธาข้ามากที่เสาจักรพรรดิเบี่ยงทมิฬแล้วกระมัง ข้าจะบอกเจ้าว่านั่นเป็นเรื่องจริง
“หลังจากนี้ขอแค่เจ้าฟังข้า เจ้าก็จะเป็นพี่น้องกับข้า เช่นนั้นก็จะเป็นพี่น้องกับสวี่ชิงด้วย ระหว่างพี่น้องอะไรสำคัญที่สุด มิตรภาพอย่างไรเล่า เจ้าว่าเช่นนั้นหรือไม่!”
หนิงเหยียนไม่กล้าบอกไม่ใช่ รีบร้อนพยักหน้า
สวี่ชิงกวาดตามองนายกองผาดหนึ่ง เขารู้สึกคุ้นเคยกับภาพนี้มาก เหมือนเคยเห็นจากใครสักคนหนึ่ง จึงกวาดตามองไปที่อู๋เจี้ยนอูที่อยู่ข้างๆ
อู๋เจี้ยนอูก็อึ้งงันอยู่ตรงนั้น คิดถึงสิ่งที่ตนเองเคยเจอ ก็มองไปทางหนิงเหยียนอย่างเห็นใจ
นายกองยังคงหลอกล่ออยู่ เรือเหาะก็ยังคงเหินไปเบื้องหน้า ห่างจากจุดส่งข้ามที่เฉินถิงหาวเอ่ยถึงไม่ไกลแล้ว
อันที่จริงที่นั่นก็เป็นตำแหน่งส่งข้ามสุดท้ายของพันธมิตรแปดสำนัก
“หลังจากส่งข้ามครั้งนี้ พวกเราก็จะถึงเมืองหลวงเขตปกครองแล้ว สวี่ชิง ข้าเพิ่งจะถามกับเพื่อนสนิทในวังไป…ถึงได้รู้ว่าเจ้า…คือผู้ที่ได้แสงหมื่นจั้งหรือ!”
เฉินถิงหาวมองสวี่ชิงอย่างตกตะลึง ก่อนหน้านี้เขาออกไปทำภารกิจด้านนอก ไม่ได้กลับมาเสียนาน จนกระทั่งมาอยู่ในอาณาเขตของเมืองหลวงเขตปกครองแผ่นหยกสื่อเสียงจึงใช้งานได้
“ข้ายังมีจุดที่ไม่เข้าใจอีกมาก ในอนาคตถ้ามีสิ่งที่ทำไม่ถูกต้อง หวังว่าพี่ใหญ่เฉินจะเตือนข้าด้วย” สวี่ชิงท่าทางจริงใจ ประสานหมัดเอ่ย
“แน่อยู่แล้ว แสงหมื่นจั้งของเจ้า เป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นในเขตปกครองผนึกสมุทรมาก่อน เจ้ารู้หรือไม่ว่ามันเป็นตัวแทนของอะไร” แม้ในดวงตาเฉินถิงหาวจะมีความอิจฉาอยู่บ้าง แต่กลับไม่มีความริษยาแต่อย่างใด
สวี่ชิงส่ายหน้า
“มันเป็นสิ่งที่บ่งบอกว่าเจ้าคือคนที่ถูกเชื่อมั่นมากที่สุด เป็นสิ่งที่บ่งบอกว่าความคิดในใจของเจ้าถูกต้องอย่างมาก และจะช่วยส่งผลกับตำแหน่งของเจ้ามหาศาล” เฉินถิงหาวทอดถอนใจ
“ตำแหน่งหรือ” สวี่ชิงรู้ว่าการมาครั้งนี้จะได้รับตำแหน่ง แต่กลับไม่เข้าใจแน่ชัด จึงสอบถามเล็กน้อย
“ตามกฎ ผู้ครองกระบี่หน้าใหม่จะต้องดำรงตำแหน่งที่เมืองหลวงเขตปกครองสามปีเต็ม จึงจะออกไปภายนอกได้ ที่พวกเจ้ามาครั้งนี้ รอประกาศคำสาบานตนเสร็จสิ้น ก็จะได้รับมอบหมายตำแหน่งหน้าที่
“ตำแหน่งที่แตกต่างกัน แต้มกองทัพที่ได้รับก็แตกต่างกัน ดังนั้นตำแหน่งสำคัญมาก
“ถึงอย่างไรสำหรับพวกเราผู้ครองกระบี่แล้ว จะขาดแต้มกองทัพไปไม่ได้เลย!
“และในบรรดาตำแหน่งมากมายของวังครองกระบี่ หน่วยลาดตระเวนกระทั่งหน่วยตรวจการ จะได้รับแต้มกองทัพง่ายที่สุด หน่วยข่าวกรองรวมถึงพวกผู้คุมกฎก็ยังพอใช้ได้ แต่พวกตำแหน่งที่ต้องทำส่วนภายใน โอกาสได้รับแต้มกองทัพก็น้อยลง
“นอกจากนี้ ยังมีตำแหน่งพิเศษอีกหนึ่งอย่าง ได้แต้มกองทัพมากยิ่งกว่า แต่ที่นั่นก็ไม่เคยรับผู้ครองกระบี่คนใหม่เลย คนเก่าแก่ก็ยื่นขอไม่ได้ ผู้ครองกระบี่ที่อยู่ในตำแหน่งนี้ทั้งหมด ล้วนเป็นเจ้าวังที่ออกคำสั่งพิเศษรับเข้ามาทั้งสิ้น”
ดวงตาเฉินถิงหาวเผยแววเทิดทูนออกมา
“จำเป็นต้องเป็นตัวตนที่สะอาดและจิตใจบริสุทธิ์ ถึงจะได้รับการยอมรับ”
สวี่ชิงรู้สึกสงสัย มองไปทางเฉินถิงหาว
“นั่นคือพลทหาร!”
“พลทหาร?” สวี่ชิงงุนงง
“ถูกต้อง พลทหาร พลทหารแห่งกรมราชทัณฑ์ พอเจ้าไปถึงเมืองหลวงเขตปกครองก็จะรู้เอง หนึ่งในจุดเด่นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเมืองหลวงเขตปกครอง ก็คือคุกหมื่นชนเผ่า!”
เฉินถึงหาวยิ้ม ใบหน้าภาคภูมิ
“คนที่กรมราชทัณฑ์คุมขังไว้ ล้วนเป็นพวกชั่วร้ายจากเผ่าต่างๆ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน และยังมีสิ่งประหลาดอีกด้วย ที่นั่นคือคุกที่ใหญ่ที่สุดในเขตปกครองผนึกสมุทร นักโทษในนั้นส่วนใหญ่เป็นพวกฆาตรกร โหดเหี้ยมโฉดชั่ว แต่ท้ายสุดก็ยังหวั่นเกรงพลทหารอยู่ดี
“เพราะคนทั้งหมดในกรมราชทัณฑ์ ล้วนเรียกตนเองว่าพลทหาร
“จึงมีการบรรยายพลทหารเช่นนี้ พวกเขาคือผู้สยบความชั่วร้ายทั้งมวล”
เฉินถิงหาวพูดถึงตรงนี้ ความเทิดทูนในดวงตายิ่งเข้มข้น จนกลายเป็นความปรารถนา
“สำนักเรามีบรรพจารย์คนหนึ่ง ครั้งนั้นถูกเจ้าวังแต่งตั้งเป็นพลทหาร น่าเสียดาย เมื่อหลายปีก่อน เขากลับตายในหน้าที่”
พูดถึงตรงนี้ เฉินถิงหาวส่ายหัว
“แต่ว่าเจ้าไม่มีทางได้ไปกรมราชทัณฑ์ แม้พลทหารจะพิเศษ แต่เจ้าพิเศษกว่านั้น ผู้ครองกระบี่ประกายแสงหมื่นจั้ง จะต้องถูกผู้คนคาดหวัง ครั้งหน้าที่เจอกับเจ้าก็อาจจะต้องคารวะเช่นผู้ครองกระบี่กับเจ้าเสียแล้ว”
สวี่ชิงมองฟ้าดินที่ไกลออกไป อันที่จริงเขาก็ไม่ได้ใส่ใจกับตำแหน่งมากนัก หลังจากมาถึงเมืองหลวงเขตปกครอง เขาเห็นที่นี่ทั้งหมด ในใจก็ซับซ้อนเข้มข้นขึ้น จึงเอ่ยเสียงแผ่วเบา
“พี่ใหญ่เฉิน เขาประกายอรุณก็อยู่ที่นี่ใช่หรือไม่ขอรับ”


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา