บทที่ 391 นกใหญ่ชิงหลิง
ความจริงระหว่างทางที่มา หญิงชราแห่งยอดเขาลำดับห้าก็เคยบอกเล่าเรื่องบางเรื่องเกี่ยวกับเมืองหลวงเขตปกครองกับสวี่ชิงแล้ว แต่จะอย่างไรก็ไม่ถ่องแท้เข้าใจได้เหมือนกับผู้ครองกระบี่ที่อยู่ที่เมืองหลวงเขตปกครอง
ดังนั้น จากการบรรยายของเฉินถิงหาว สวี่ชิงก็ได้รู้เกี่ยวกับขั้วอำนาจเมืองหลวงเขตปกครองได้ลึกยิ่งขึ้น
ยกตัวอย่างเช่นสำนักย่อยที่ตั้งขึ้นในเมืองหลวงเขตปกครองแบบพันธมิตรแปดสำนักแบบนั้นทั่วทั้งเมืองหลวงเขตปกครองมีจำนวนมากที่สุด
สำนักย่อยเหล่านั้นเมื่ออยู่ในมณฑลของตัวเองก็ต่างเป็นผู้ทรงอำนาจในดินแดนหนึ่งทั้งนั้น แต่เมื่ออยู่ที่นี่พวกเขาต่างจำต้องก้มหน้า
เพราะเหนือพวกเขายังมีอีกสามสำนักใหญ่ที่แข็งแกร่งกว่า
สามสำนักใหญ่นี้พูดได้ว่าเป็นสามสำนักที่แข็งแกร่งที่สุดของทั้งเขตปกครองผนึกสมุทรแล้ว ดังนั้น พวกเขาจึงสามารถตั้งสำนักในเมืองหลวงเขตปกครองได้
“ในวังครองกระบี่ลูกศิษย์ของสามสำนักใหญ่มีมากมาย ดังนั้นในระดับหนึ่งแล้ว สามสำนักใหญ่ก็แทบจะเป็นหนึ่งเดียวกับวังครองกระบี่ สนับสนุนทุกการตัดสินใจของวังครองกระบี่โดยสมบูรณ์ นี่ก็เป็นวิถีการเอาชีวิตรอดของพวกเราสามสำนักใหญ่ในเขตปกครองผนึกสมุทร
“พวกเราคู่ฝึกเต๋าสองคนเป็นลูกศิษย์ของชีพจรอัสนีบรรพกาล” เฉินถิงหาวยิ้มพลางเอ่ย
ภายใต้การแนะนำอยู่เรื่อยๆ ของเขา สวี่ชิงก็ได้รู้ถึงเบื้องลึกเบื้องหลังของจวนเหยา ในฐานะที่เป็นตระกูลโหวนภาก็พูดได้ว่าเป็นระดับชั้นมีอำนาจสูงส่งอย่างแน่นอน
“แม้โหวนภาเหยาในตอนนั้นจะแตกดับไปแล้ว แต่พลังรากฐานยังคงอยู่แม้ตระกูลเหยาถูกกีดกันออกจากดินแดนเมืองหลวงจักรพรรดิ แต่ในเขตปกครองผนึกสมุทรก็ยังคงเป็นต้นไม้ใหญ่ที่สูงเสียดฟ้า ทัดเทียมกับสามสำนักใหญ่
“แต่ว่า เทียบกับทั้งเมืองหลวงเขตปกครองแล้ว สามสำนักใหญ่กับตระกูลเหยาก็เป็นเพียงแค่กลุ่มขั้นที่สี่เท่านั้น
“เหนือสามสำนักหนึ่งตระกูลคือสองต่างเผ่าพันธุ์ใหญ่ พวกเขาคือกลุ่มขั้นที่สาม”
เฉินถิงหาวนิสัยตรงไปตรงมา โดยเฉพาะเมื่ออยู่กับสวี่ชิงและนายกองที่เป็นผู้ครองกระบี่เหมือนกันแล้วยิ่งเป็นเช่นนั้น เหมือนว่าในเสี้ยวขณะที่รู้ว่าพวกเขาเป็นผู้ครองกระบี่ เขาก็วางลดความระแวงระวังต่อทั้งสองคนลงไปกว่าครึ่งไปตามสัญชาตญาณ
จุดนี้ไม่เหมือนกับสวี่ชิงตอนที่อยู่สำนักเลย
“สองเผ่าพันธุ์ใหญ่คือเผ่ามารศักดิ์สิทธิ์และเคียงเซียน!”
พูดถึงสองเผ่าพันธุ์นี้สีหน้าของเฉินถิงหาวก็ค่อนข้างเคร่งขรึม
สวี่ชิงและนายกองต่างสายตาเคร่งเครียดจริงจัง ส่วนหญิงชราแห่งยอดเขาลำดับห้าที่อยู่ข้างๆ เห็นได้ชัดว่านางพอจะรู้บ้าง แต่สำหรับลูกศิษย์พันธมิตรแปดสำนักคนอื่นๆ แล้ว ข้อมูลเหล่านี้เป็นเรื่องที่ก่อนหน้านี้พวกเขาไม่เคยรับรู้
“สหายทั้งสองเมื่อไปถึงเขตปกครองเมืองหลวงแล้วจะต้องระวังสองเผ่านี้ให้ดี” คู่ฝึกเต๋าที่นั่งอยู่ข้างกายเฉิงถิงหาว นางเอาเส้นผมที่รุ่ยลงมาข้างหูทัดขึ้นไป เอ่ยเสียงเบา
“คนเผ่ามารศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาถือกำเนิดมาก็มีใบหน้าสองดวง ข้างหน้าหนึ่งข้างหลังหนึ่ง ในขณะที่ดูแปลกประหลาด ส่วนใหญ่จิตใจก็ล้วนล้ำลึก
“ส่วนเผ่าเคียงเซียน พวกเขามีส่วนที่คล้ายกับเผ่ามนุษย์ แต่กลับหยิ่งทะนงเป็นอย่างยิ่ง ลักษณะพิเศษคือผมและคิ้วล้วนเป็นสีขาว กระทั่งว่ารูม่านตาก็เช่นกัน กำลังรบน่าหวาดเกรงนัก”
สวี่ชิงพยักหน้า จำลักษณะพิเศษของสองเผ่านี้ เฉินถิงหาวที่อยู่ข้างๆ ถอนหายใจ
“ต่างเผ่าทั้งสองเผ่านี้เป็นเผ่าใหญ่ที่แข็งแกร่งที่สุดนอกเหนือจากเราเผ่ามนุษย์ในเขตปกครองผนึกสมุทร อาศัยอยู่ในเขตปกครองเดียวกับพวกเรา ตอนนี้พอถือได้ว่าร่วมอยู่ด้วยกันได้ แต่ความขัดแย้งก็ค่อยๆ ขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ภายใต้การรักษาสมดุลและประนีประนอมของใต้เท้าเจ้ามณฑล
“แต่สุดท้ายก็ถือว่าควบคุมได้ อย่างไรเสีย เผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ในแดนใหญ่คลื่นศักดิ์สิทธิ์ก็จับจ้องหมายตาเขตปกครองผนึกสมุทรที่เป็นเขตปกครองเพียงหนึ่งเดียวในแดนใหญ่ที่ไม่ถูกพวกมันควบคุม”
“ศึกทั้งภายนอกและภายใน!” นายกองอยู่ข้างๆ พลันเอ่ยขึ้นมา
“ใช่แล้ว เป็นศึกทั้งภายในและภายนอก” เฉินถิงหาวมือขวากำเป็นหมัด แล้วทุบที่ขาสองสามที
“ในเขตปกครองผนึกสมุทร ต่างเผ่าทั้งสองจิตใจทะเยอทะยาน นอกเขตปกครองผนึกสมุทร ความคิดที่อยากจะกลืนกินของพวกเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์ไม่เคยมอดดับ หากไม่ใช่ว่าเผ่ามนุษย์ยังหลงเหลือความรุ่งโรจน์อยู่ น่ากลัวว่าเขตปกครองผนึกสมุทรคงโดนกลืนไปนานแล้ว
“พวกเราเผ่ามนุษย์เหลือเพียงหนึ่งแดนใหญ่เจ็ดเขตปกครองเท่านั้น จะสูญเสียอีกไม่ได้”
สวี่ชิงเงียบนิ่งกับเรื่องความตกต่ำถดถอยของเผ่ามนุษย์ตอนนี้ ก่อนหน้านี้เขาก็ได้ยินและสัมผัสได้มาก่อนแล้วเช่นกัน
“ไม่พูดเรื่องพวกนี้แล้ว วันหน้าพวกเจ้าไปถึงเมืองหลวงเขตปกครองก็จะสัมผัสได้เอง”
“ข้าอธิบายขั้วอำนาจในเมืองหลวงเขตปกครองให้พวกเจ้าฟังต่อ ในเมืองหลวงเขตปกครอง ที่เป็นกลุ่มขั้นที่สองคือสามวัง อันได้แก่ วังครองกระบี่ วังพิธีการ และวังอาญา!
“พวกเราวังครองกระบี่ควบคุมเรื่องเกี่ยวกับการศึกการต่อสู้ทั้งหมด ศึกกับต่างเผ่า ไล่ล่าจับกุมภายใน ล้วนเป็นความรับผิดชอบของวังครองกระบี่
“สำหรับวังพิธีการจะรับผิดชอบการเซ่นไหว้บวงสรวง พิธีการ การศึกษา ประกาศพระบรมราชโองการของจักรพรรดิ อีกทั้งรับผิดชอบการตรวจสอบ ที่สำคัญคือมีหน้าที่ในการจดบันทึกประวัติศาสตร์ของเราเผ่ามนุษย์
“ส่วนวังอาญารับผิดชอบการสอบสวนและกฎระเบียบ มีผู้บำเพ็ญคุมกฎของตัวเอง เรื่องที่เกี่ยวกับกฎระเบียบทั้งหมดพวกเขาล้วนมีอำนาจในการตรวจสอบ
“เผ่ามนุษย์มีห้ากรมทมิฬบน เก้ากรมทมิฬล่าง แต่เขตปกครองผนึกสมุทรอย่างไรก็เป็นการปกครองแบบเขตปกครอง ดังนั้นหลายปีมานี้จึงมีเพียงแค่สามกรมทมิฬบนอยู่ที่นี่ สามวังนี้ล้วนเป็นกรมทมิฬบน”
สวี่ชิงรู้ว่าตำแหน่งของวังครองกระบี่จะต้องอยู่เหนือกว่าเมืองหลวงเขตปกครอง ตอนนี้หลังจากที่ได้ยินว่าวังครองกระบี่เป็นกลุ่มขั้นที่สอง เหมือนกับการวิเคราะห์ของเขา และกลุ่มขั้นที่หนึ่งที่อยู่เหนือวังทั้งสาม เขาเดาได้ว่าเป็นใคร
“กลุ่มขั้นที่หนึ่งคือเจ้ามณฑล!” เฉินถิงหาวสีหน้าเคร่งขรึม
“โลกภายนอกพูดต่อๆ กันว่าเจ้ามณฑลจิตใจโลเล ตัดสินใจไม่เด็ดขาด มักจะประนีประนอม แต่ความจริงแล้ว…ในใจพวกเราผู้ครองกระบี่ นอกจากเจ้าวังแล้ว คนที่เคารพมากที่สุดก็คือใต้เท้าเจ้ามณฑล
“ใต้เท้าเจ้ามณฑลปกครองเขตปกครองผนึกสมุทรมาแปดร้อยกว่าปี แม้จะไม่มีคุณงามความชอบในการบุกเบิกดินแดน แต่ก็รักษาสมดุลทั้งภายในและภายนอก รอบคอบระมัดระวัง ทำให้เขตปกครองผนึกสมุทรยังอยู่ในมือพวกเราเผ่ามนุษย์ สิบสามมณฑลยังครบสมบูรณ์ เรื่องนี้ ในหกเขตปกครองอื่นๆ ที่ค่อยๆ สูญเสียดินแดนมณฑลไป ไม่ได้มีให้เห็นมากนัก”
เฉินถิงหาวสูดลมหายใจลึก มองไปทางสวี่ชิงและนายกอง
“แปดร้อยปีมานี้ เจ้ามณฑลเจอกับการลอบสังหารทั้งหมดสี่สิบเจ็ดครั้ง…”
สวี่ชิงฟังถึงตรงนี้สีหน้าหวั่นไหว นายกองก็สูดลมหายใจลึก
เฉินถิงหาวถอนหายใจเบาๆ ไม่ได้พูดถึงเจ้ามณฑลต่อ แต่เล่าถึงเรื่องชีวิตความเป็นอยู่ในเมืองหลวงเขตปกครองมากมายให้นายกองกับสวี่ชิงฟัง เวลาก็ค่อยๆ หมุนผ่านไปเช่นนี้ เวลาครึ่งเดือนผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ทะเลทรายค่อยๆ หายไปจากบนผืนดิน พื้นที่สีเขียวผืนหนึ่งก็ค่อยๆ สะท้อนเข้ามาในตาของคนทั้งหลายในเรือเหาะ
ทอดสายตามองไป บนพื้นเป็นที่ราบเป็นหลัก ขุนเขามีไม่มาก และไอพลังประหลาดที่นี่ก็เบาบาง พลังวิญญาณเข้มข้นกว่าพื้นที่อื่นๆ ไม่น้อยอย่างเห็นได้ชัด

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา