บทที่ 397 พลังต่อสู้ที่แกร่งที่สุดของยุคใหม่
เมืองหลวงเขตปกครองช่วงเช้าตรู่ ท่ามกลางแสงตะวันอบอุ่นเปี่ยมล้น แตกต่างกับเจ็ดเนตรโลหิต ผู้คนที่นี่มีรอยยิ้มมากกว่า
และแตกต่างกับพันธมิตรแปดสำนักด้วย ไอพลังประหลาดของเมืองหลวงเขตปกครองค่อนข้างน้อยกว่า ยิ่งไปกว่านั้นระหว่างฟ้าดินก็ไม่มีความเยือกเย็นและความชื้น และไม่มีกลิ่นคาวที่มาจากทะเลต้องห้ามด้วย
เสื้อผ้าของผู้คนก็เช่นเดียวกัน
ไม่ว่าจะชาวบ้านที่ออกมาแต่เช้า หรือว่าร้านรวงที่เริ่มตั้งแผง เผ่ามนุษย์ทั้งหมดที่สวี่ชิงเห็น ไม่พูดเรื่องที่พวกเขาสวมผ้าทอ แต่ก็งดงามมาแล้วเช่นกัน
สิ่งที่สะท้อนออกมาเป็นหลัก ก็คือสีสัน
เมืองของทวีปปักษาสวรรค์ทักษิณ สีเสื้อผ้าคนทั่วไปค่อนข้างเรียบง่าย ต่อให้มาถึงพันธมิตรแปดสำนักแล้วจะดีขขึ้นเล็กน้อยก็ตาม
มีเพียงเมืองหลวงเขตปกครองนี้เท่านั้นที่เสื้อผ้าหลากสีสัน ทำให้เมืองที่ยิ่งใหญ่เมืองนี้เต็มไปด้วยความสดใสมีชีวิตชีวา
เนื่องจากยังไม่ถึงเวลารายงานตัว สวี่ชิงกับนางกองจึงไม่ทะยานขึ้นฟ้า แต่ค่อยๆ เดินไปในเมืองหลวงเขตปกครองอย่างไม่เร่งไม่ร้อนแทน
สวี่ชิงปิดด่านไปครึ่งเดือนไม่ได้ออกมาด้านนอก ยังคิดจะใช้โอกาสนี้ทำความคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมเสียหน่อย
มองถนนหนทางที่ค่อยๆ คึกคักขึ้นรอบๆ ครู่หนึ่งสวี่ชิงจึงเงยหน้ามองท้องฟ้า
เวลานี้ผู้ครองกระบี่ที่ตรงไปยังวังครองกระบี่มีอยู่ไม่น้อย สวมชุดเดียวกัน แยกไม่ออกว่าใครเป็นหน้าใหม่ แต่ทุกคนในบรรดานี้ก็ล้วนมีคลื่นพลังที่ไม่ธรรมดา
สวี่ชิงไม่ใส่ใจ ถึงอย่างไรที่นี่ก็เป็นเมืองหลวงเขตปกครอง รวมหัวกะทิของมณฑลต่างๆ เอาไว้ แน่นอนว่าผู้แข็งแกร่งย่อมมีอยู่มากมาย
“ท่านอาจารย์บอกว่ายุคสมัยใหม่มาถึงแล้ว จึงปรากฏอัจฉริยะฟ้าประทานออกมาบ่อย ผู้ครองกระบี่คนใหม่ของมณฑลต่างๆ ครั้งนี้ก็แตกต่างกับในอดีตอย่างมาก” นายกองอยู่ข้างๆ สวี่ชิง กินผิงกั่วพลางมองท้องฟ้า
“แต่อาชิงน้อยก็ไม่ต้องกังวลคนแปลกหน้า ศิษย์พี่ใหญ่อย่างข้าทำอะไรรอบคอบมากอยู่แล้ว ช่วงนี้ข้าใช้เงินซื้อข่าวมาไม่น้อย เข้าใจอัจฉริยะฟ้าประทานรุ่นใหม่ของมณฑลต่างๆ กระทั่งสามสำนักหนึ่งตระกูลรวมถึงสองต่างเผ่าใหญ่นั่นเป็นอย่างดี”
นายกองสีหน้าเผยแววภาคภูมิ ทำท่าทางประมาณข้าใช้หินวิญญาณในส่วนสำคัญนะ
สวี่ชิงพยักหน้า อย่างที่เขาชอบสังเกตสภาพแวดล้อมในที่ใหม่ๆ นายกองก็ชอบที่จะหาข่าวกรองในที่ใหม่ๆ ให้มากขึ้น
“น่าเสียดายที่วังครองกระบี่ไม่ยอมขายเรื่องตำแหน่ง” คิดถึงตำแหน่งแล้ว นายกองก็ถอนหายใจ รู้สึกเสียดายา
สวี่ชิงมองนายกองผาดหนึ่ง ไม่พูดอะไร
นายกองสีหน้าหดหู่ กัดผิงกั่วอย่างแรง
“วังครองกระบี่นี่นะ อะไรก็ดีไปหมด ติดแค่เรื่องไม่ปราณีใครนี่ล่ะ”
เนื่องจากตนได้รับแสงเพียงหนึ่งจั้ง นายกองจึงไม่มั่นใจเรื่องตำแหน่งเลย
ตอนที่สวี่ชิงฝึกบำเพ็ญ เขาออกมาหาเฉินถิงหาวด้านนอกหลายครั้งเพื่อสืบหาเรื่องนี้ เดิมคิดจะส่งของขวัญไป เพื่อตำแหน่งที่ดี
แต่เขาสืบไปรอบหนึ่งก็พบว่าเรื่องนี้เป็นไปไม่ได้ วังครองกระบี่แตกต่างกับที่อื่นๆ เข้มงวดเรื่องนี้มาก ตำแหน่งทั้งหมดล้วนกำหนดโดยระดับสูง ขณะเดียวกันก็มีการทดสอบด้วย
เห็นนายกองหงุดหงิด สวี่ชิงคิดจะพูดอะไร ตอนนี้เอง จู่ๆ เขาก็มองขึ้นไปบนท้องฟ้า สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย
นายกองก็เบนสายตามองไปทันที
บนท้องฟ้า มีผู้บำเพ็ญที่ดูพิเศษกลุ่มหนึ่ง กำลังหวีดหวิวมา
พวกเขาสวมชุดแตกต่างจากเผ่ามนุษย์ แม้จะเป็นชุดนักพรตแต่ไม่ได้โคร่ง ทว่าออกแนวแนบเนื้อ
ยิ่งไปกว่านั้นเสื้อด้านบนปักดิ้นทอง ส่วนครึ่งล่างปักล้อมรอบด้วยดิ้นเงิน
ขณะที่ค่อนข้างแปลกประหลาด คลื่นพลังก็น่าตกตะลึงมาก ท่าทางพิเศษยิ่งกว่า
พวกเขามีทั้งชายและหญิง แต่ไม่ว่าส่วนใดเผยเนื้อหนังออกมาก็ล้วนขาวประดุจหิมะ ยิ่งไปกว่านั้นคิ้วและเส้นผมก็เช่นเดียวกัน กระทั่งม่านตาด้วย เต็มไปด้วยความศักดิ์สิทธิ์
ตอนนี้ที่เดินอยู่กลางอากาศ แสงตะวันสาดส่องชุดนักพรตสีเงินทอง สะท้อนแสงเจิดจ้าออกมา ยิ่งเพิ่มความโดดเด่นและความหยิ่งทะนงให้พวกเขาหลายเท่า
“เผ่าเคียงเซียนหรือ” สีหน้านายกองเผยความสงสัยใคร่รู้ นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นผู้บำเพ็ญเผ่านี้ในช่วงครึ่งเดือนมานี้
สวี่ชิงจ้องเพ่งพินิจ
ผู้บำเพ็ญเหล่านี้ไม่ใช่เผ่ามนุษย์ เพราะนอกจากผมขาวตาขาวแล้ว ด้านหลังยังมีปีกสีขาวอีกด้วย เหมือนกับเผ่าเคียงเซียนหนึ่งในสองต่างเผ่าใหญ่ของเขตปกครองผนึกสมุทรที่เฉินถิงหาวเคยเล่าไว้ไม่ผิดเพี้ยน
สิ่งที่ทำให้สวี่ชิงยิ่งจดจ้องก็คือ ในกลุ่มผู้บำเพ็ญเผ่าเคียงเซียนเหล่านี้มีตัวตนหนึ่งที่ดูพิเศษอย่างมาก
ร่างนั้นเป็นร่างสวมชุดเกราะสีดำร่างหนึ่ง
อีกฝ่ายก็มีปีก แต่เป็นสีดำ สวมหน้ากากรูปร่างไม่ชัดเจนบนใบหน้า เส้นผมที่สยายออกมาก็เป็นสีดำ
กลิ่นอายบนตัวโดดเด่นกว่าเผ่าเคียงเซียนคนอื่นอย่างเห็นได้ชัด ที่สำคัญที่สุดคือยังแผ่ไอพลังประหลาดออกมาด้วย
ดวงตาไร้จิตวิญญาณ ราวกับเป็นหุ่นเชิด
“สีดำนั่นน่าจะเป็นหุ่นเชิดเซียนที่เลื่องชื่อของเผ่าเคียงเซียน” ข่าวกรองที่นายกองซื้อมา ตอนนี้สำแดงประโยชน์ออกมาแล้ว
“หุ่นเชิดเซียน?” สวี่ชิงถามขึ้น
“ถูกต้อง เผ่าเคียงเซียนถนัดการสร้างหุ่นเชิด โดยเฉพาะหุ่นเชิดเซียนดำ เป็นหุ่นเชิดสงครามที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของเผ่าพวกเขา วิธีการสร้างไม่ทราบ แต่ได้ยินว่าร้ายกาจเป็นอย่างมาก”
นายกองเอ่ยเสียงทุ้ม
สวี่ชิงครุ่นคิด มองเผ่าเคียงเซียนกลุ่มนั้นเหาะเหินเข้าไปในเมืองหลวงเขตปกครอง ตรงไปยังเขตใจกลาง และค่อยๆ หายลับไป
เขารู้สึกได้ว่าหุ่นเชิดเซียนนั่นดูคล้ายกับภูตประหลาด แต่ก็ไม่เหมือน
รายละเอียดเป็นอย่างไร สวี่ชิงอยู่ไกลไปหน่อย จึงประเมินไม่ได้
ตอนนี้จึงถอนสายตากลับมา ทั้งสองคนเดินหน้าต่อ สังเกตสภาพแวดล้อมรอบด้านตลอดทาง ระหว่างนี้ยังเห็นศิษย์ที่มาจากสามสำนักอีกด้วย ขณะเดียวกันพวกเขาก็เห็นเผ่ามารศักดิ์สิทธิ์อยู่ไม่น้อย
แตกต่างกับเผ่าเคียงเซียน เผ่าเคียงเซียนชอบพักอยู่ที่พื้นที่เผ่าในเมืองหลวงเขตปกครอง ไม่ค่อยออกมาพบปะกับเผ่าอื่นสักเท่าไร
ส่วนเผ่ามารศักดิ์สิทธิ์กลับชอบทำการค้า
ร้านรวงกว่าสี่ส่วนในเมืองหลวงเขตปกครอง ล้วนเปิดโดยเผ่ามารศักดิ์สิทธิ์ทั้งสิ้น
เผ่ามารศักดิ์สิทธิ์ร่างกายใหญ่โต สูงกว่าสองจั้ง ราวกับเป็นยักษ์ตัวน้อย
นอกเหนือจากใบหน้าปกติแล้ว ที่ศีรษะด้านหลังพวกเขายังมีอีกใบหน้าหนึ่ง ขณะที่พูดบางครั้งใบหน้าทั้งสองก็จะหมุนสลับกัน หากคนที่ไม่คุ้นชินเห็นเข้าก็รู้สึกไม่ค่อยสบายใจนัก
โดยเฉพาะใบหน้าทั้งสองของเผ่ามารศักดิ์สิทธิ์มีทั้งที่เป็นเพศชาย มีทั้งที่เป็นทั้งชายทั้งหญิง ยิ่งไปกว่านั้นก็ไม่มีสัญลักษณ์ทางเพศชัดเจน สิ่งนี้ทำให้คนแยกเพศของพวกเขาได้ยากมาก
ชนเผ่าแปลกประหลาดเช่นนี้ สวี่ชิงก็อดมองไปหลายรอบไม่ได้


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา