บทที่ 398 จิตผดุงธรรมท่วมฟ้า
บนฟ้ามีคนเดินออกมาคนหนึ่งจากเสียงสะท้อนเลื่อนลั่น
คนคนนี้อายุประมาณยี่สิบสี่ยี่สิบห้า รูปร่างไม่ได้สูงใหญ่กำยำ แค่ประมาณกลางๆ เท่านั้น
หน้าตาก็ไม่ได้งดงาม แต่คิ้วเข้มตาคม
โดยเฉพาะสองแขนที่ยาวกว่าคนทั่วไปเล็กน้อย ดวงตายิ่งเป็นประกาย เหมือนแฝงไว้ด้วยดวงดารา ทำให้ทั้งตัวแผ่กลิ่นอายองอาจผึ่งผาย
ตอนนี้เขาก็ก้าวออกมาจากกลางอากาศท่ามกลางเสียงหัวเราะ ทำให้คนรู้สึกองอาจน่าเกรงขาม
ไม่ได้จงใจพลังบำเพ็ญแผ่ออกมา แต่ความแข็งแกร่งของพลังกดดันในตัวเหมือนจะสยบซึ่งทุกสิ่ง สิ่งที่ยิ่งทำให้สวี่ชิงจิตใจสั่นสะท้านคือภาพสัญลักษณ์วิหคทองบนร่างของตนแผ่ความร้อนลวกรุนแรงออกมา
ก่อนหน้านี้ที่เผชิญหน้ากับพวกซานเหอจื่อทั้งสามคน แม้วิหคทองจะแผ่ความร้อนออกมาเช่นกัน แต่กลับไม่ได้รุนแรงเหมือนในตอนนี้เลย
และชายหนุ่มที่เดินมาก็มีเคล็ดวิชาระดับจักรพรรดิเช่นกัน ตอนนี้ภายใต้การเหนี่ยวนำ มิติข้างหลังก็เหมือนฉีกขาด มังกรทองตัวหนึ่งคำรามออกมา ในขณะที่วนเวียน รัศมีอำนาจก็สะท้านฟ้าน่าพรั่นพรึง
เกล็ดมังกรทุกเกล็ดแผ่ประกายแสง หนวดมังกรทุกเส้นแฝงไว้ด้วยความไม่ธรรมดา ดวงตามังกรยิ่งฉายความโหดเหี้ยม ยิ่งมีความรู้สึกเหมือนราชันลงมาเยือน
ไม่ใช่เพียงเท่านี้ ที่ปากมังกรทองตัวนี้ยังคาบกระบี่ไว้เล่มหนึ่งด้วย
นั่นคือ…กระบี่จักรพรรดิของผู้ครองกระบี่เผ่ามนุษย์!
คนคนนี้คือคนที่สัมผัสรับรู้กระบี่จักรพรรดิสำเร็จ
หากเป็นแค่นี้ก็ช่างเถอะ แต่สิ่งที่ทำให้จิตใจของสวี่ชิงยิ่งเกิดระลอกคลื่นรุนแรงคือเขาสัมผัสได้ถึงตะเกียงแห่งชีวิตในร่างกายของอีกฝ่าย
ไม่ใช่ดวงเดียว แต่เป็นสามดวง!
ในสัมผัสรับรู้ของสวี่ชิง ประกายแสงของตะเกียงแห่งชีวิตสามดวงในร่างของชายหนุ่มสยบลงไป คนนอกไม่รู้ มีเพียงผู้ที่มีตะเกียงแห่งชีวิตเท่านั้นจึงจะสัมผัสได้
แข็งแกร่ง แข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง!
นี่คือสัมผัสรับรู้ที่ชัดเจนตรงไปตรงมาที่สุดของสวี่ชิง
อย่างซานเหอจื่อสามคนนั้นเขาแค่รู้สึกอันตรายเท่านั้น แต่ใช่ว่าสู้ด้วยไม่ได้ ทว่าในเสี้ยวพริบตานี้ ชายหนุ่มที่เดินออกมาทำให้สวี่ชิงรู้สึกเหมือนภูเขาลูกใหญ่ที่ไม่อาจสั่นคลอน
กลิ่นอายของอีกฝ่ายสั่นคลอนฟ้าดิน ไร้ผู้เทียบเทียม
ในขณะเดียวกันนี้ ผู้ครองกระบี่รอบๆ ก็ประสานหมัดคารวะอย่างเคารพนอบน้อมจากการมาถึงของเขา แต่ว่าใบหน้าแฝงด้วยรอยยิ้ม
“พี่ข่ง!”
“คารวะพี่ข่ง!”
“พี่ข่ง ไม่พบกันนาน พลังบำเพ็ญของท่านพัฒนาไปอีกแล้ว”
ชายหนุ่มหัวเราะฮ่าๆ ในยามที่รับคารวะคนทั้งหลาย เด็กสาวที่เช็ดเลือดที่มุมปากจนแห้งคนนั้นก็เหมือนเปลี่ยนเป็นเด็กสาวชาวบ้านงดงามบริสุทธิ์ วิ่งมาข้างกายชายหนุ่ม เหมือนรวบรวมความกล้า กำลังจะเอ่ยขึ้น
แต่ชายหนุ่มกลับยกมือหยิกไปที่แก้มเสียก่อน
“หลิงเยี่ยน้อย ไม่เจอกันปีกว่า เจ้าสูงขึ้นแล้วนี่นา”
ขณะพูด ซานเหอจื่อและหวังเฉินก็เดินมาอย่างรวดเร็ว คารวะชายหนุ่ม
“อย่าทำหน้าตาเคร่งเครียดทั้งวันสิ เสี่ยวเหอเจ้าทำเช่นนี้ไม่ดี ยิ้มหน่อยๆ”
“แล้วก็เจ้า วันๆ เอาแต่นอนอยู่ในโลง อีกเดี๋ยวมาดื่มเหล้ากับข้า” น้ำเสียงของชายหนุ่มสบายๆ ในยามที่ทักทายพูดคุยกับสหายเก่าเหล่านี้ นายกองก็ส่งสื่อเสียงหาสวี่ชิง
‘เห็นแล้วใช่หรือไม่ ตัวประหลาดที่ข้าพูดถึงก็คือคนคนนี้ ข่งเสียงหลง บุคคลอันดับหนึ่งในยุคนี้แห่งหมื่นสำนักเผ่ามนุษย์ในเขตปกครองผนึกสมุทรยุคปัจจุบัน ระดับแก่นลมปราณสิบวังในอายุยี่สิบสี่ พันปีก็ไม่เคยมีมาก่อน
‘ในข่าวกรองที่ข้าซื้อมา ข้อมูลที่เกี่ยวกับคนคนนี้มีมากมายนัก ในตัวเขามีตะเกียงแห่งชีวิตสามดวง
‘ขณะเดียวกันก็มีเคล็ดวิชาระดับจักรพรรดิสองวิชา หนึ่งคือกระบี่จักรพรรดิ อีกวิชาหนึ่งคือคัมภีร์มังกรทองล่องนภา
‘นอกจากนี้ ในข่าวกรองยังบอกไว้อีกว่า ในตัวเขามีเศษชิ้นส่วนอาวุธเวทต้องห้ามที่ทำการเซ่นสังเวยบูชาห้าครั้งแล้วชิ้นหนึ่งด้วย
‘แล้วก็คนคนนี้เมื่อหนึ่งปีก่อนเคยฆ่าระดับปราณก่อกำเนิดเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์ด้วยกำลังรบเก้าวังด้วย!’
เสียงนายกองแฝงด้วยความทอดถอนใจ สวี่ชิงฟังถึงตรงนี้ก็หวั่นไหวเล็กน้อย
‘นอกจากนี้ข่งเสียงหลงคนนี้นิสัยห้าวหาญ ผ่าเผยตรงไปตรงมา คบค้าสหายมากมาย ผู้บำเพ็ญเผ่ามนุษย์ที่เป็นปฏิปักษ์กับเขาสุดท้ายแล้วส่วนมากล้วนกลายมาเป็นสหายสนิทกับเขา แต่เขาโหดเหี้ยมกับพวกต่างเผ่า ว่ากันว่าสับให้เป็นหมื่นๆ ชิ้นเป็นเรื่องปกติมากๆ!’
‘แต่เรื่องพวกนี้ล้วนไม่ใช่ประเด็นสำคัญที่ข้าจะพูดกับเจ้า’ นายกองส่งสื่อเสียงพลางมองไปทางข่งเสียงหลงที่กำลังหัวเราะพูดคุยกับคนอื่น ในดวงตาฉายแววเลื่อมใสบูชา
‘อาชิงน้อย คนบางคนดูเหมือนเป็นคนดี แต่แท้จริงแล้วหน้าอย่างหลังอย่าง แต่บางคนภายนอกและภายในตรงกันจริงๆ ก่อนหน้านี้หลังจากที่ข้าได้อ่านข่าวกรองของเขา เดิมก็ไม่เชื่อว่าคนคนนี้จะเป็นคนเปิดเผยบริสุทธิ์จริงๆ
‘ข้าจึงใช้วิธีของข้าตรวจสอบอีกเล็กน้อย สุดท้ายก็พบว่า คนคนนี้เป็นคนที่ภายนอกและภายในตรงกันที่หาได้ยากของจริง!
‘ตะเกียงแห่งชีวิตสามดวงของเขาผู้อาวุโสไม่ได้มอบให้ แต่เอามันมาด้วยความสามารถของตัวเอง แม้เขาจะเป็นผู้ครองกระบี่หน้าใหม่ แต่ว่ากันว่าเขาใช้ชีวิตอยู่ในวังครองกระบี่ตั้งแต่เด็กๆ ก้าวขึ้นมาจากการเป็นข้ารับใช้
‘ภายหลังเนื่องจากใช้ชีวิตเป็นเดิมพันเสี่ยงตายสร้างคุณงามความชอบ ถึงได้รับอนุญาตให้ใช้แต้มความชอบฝึกบำเพ็ญ นับจากนั้นเขาก็สังหาร สยบต่างเผ่ามาตลอดทาง ทุกศึกจะต้องนำอยู่ข้างหน้า เผชิญหน้ากับความตายหลายครั้ง ถึงได้ผงาดขึ้นมาได้
‘ตะเกียงแห่งชีวิตดวงแรก และเคล็ดวิชาระดับจักรพรรดิเขาใช้แต้มความชอบแลก ในนั้นเขาสัมผัสรับรู้กระบี่จักรพรรดิสองครั้ง ทำการสัมผัสรับรู้ได้สำเร็จ!
‘ตะเกียงแห่งชีวิตดวงที่สองคือหลังจากที่สหายสนิทสละชีพ ก็ได้มอบให้เขาต่อหน้าคนทั้งหลาย ให้เขาเดินเส้นทางที่อีกฝ่ายไปไม่ถึงฝั่งฝันแทน
‘ตะเกียงแห่งชีวิตดวงที่สามคือชิงมาจากเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์!
‘บุคคลเช่นนี้ ศิษย์พี่ใหญ่ของเจ้าคนนี้ก็เลื่อมใสนัก’ น้ำเสียงเช่นนี้ของนายกองหาได้ยากมาก
สวี่ชิงฟังเรื่องพวกนี้ในใจก็เกิดระลอกคลื่นอารมณ์แรงกล้า จึงมองไปทางข่งเสียงหลง
แทบจะในเวลาเดียวกับที่เขามองไป ทางข่งเสียงหลงทางนั้นก็ทักทายกับสหายเก่าเสร็จ สายตากวาดมองมาที่สวี่ชิง หัวเราะร่าเดินมา
“ข้าเดาว่าน้องชายก็คือสวี่ชิงที่ได้ประกายแสงหมื่นจั้งจากมณฑลรับเสด็จราชัน!”
“คารวะศิษย์พี่ข่ง” สวี่ชิงประสานหมัดคารวะ
“สวี่ชิง เรื่องของเจ้ากับวังอาญาข้าได้ยินแล้ว ข้าไม่สบอารมณ์กับผู้หญิงตระกูลเหยาคนนั้นมาตั้งนานแล้ว ก็รู้ว่าวางแผนอยู่ข้างหลัง ถือกฎเป็นกระบี่อาญาสิทธิ์ แต่เรื่องที่ทำล้วนเป็นเรื่องต่ำช้าไร้ศีลธรรมเหยาะแหยะปวกเปียกทั้งสิ้น
“เจ้าทำได้ดีมาก!”
“เดี๋ยวพวกเราไปดื่มด้วยกัน ข้าเลี้ยงเจ้าเอง!” ท่ามกลางเสียงหัวเราะของข่งเสียงหลง ที่ไกลๆ ก็มีคนคนหนึ่งเดินมา เป็นจางซืออวิ้นนั่นเอง
สีหน้าของเขาเคร่งขรึม ได้ยินคำพูดพวกนี้ก็ปรายตามองข่งเสียงหลงอย่างเย็นชาแวบหนึ่ง ในดวงตาเกิดประกายเย็นเยียบ
แต่ในตอนนี้เอง สายตาของเยี่ยหลิงแปรเปลี่ยนมาไม่เป็นมิตร ซานเหอจื่อหรี่ตา หวังเฉินยิ้ม ในดวงตาแฝงด้วยจิตสังหาร
ต่างจ้องจางซืออวิ้น
จางซืออวิ้นอึ้งตะลึง รีบเก็บประกายเย็นเยียบไปในทันที ผละเดินไปจากกลุ่มคนเงียบๆ
ข่งเสียงหลงหันไปมองแวบหนึ่ง ในดวงตาฉายแววไม่ชอบใจ เขารู้ว่ามารดาของจางซืออวิ้นก็คือเหยาอวิ๋นฮุ่ยแห่งวังอาญา


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา