บทที่ 399 ส่งต่อผ่านวันเวลา
ตอนนี้เลยเที่ยงวันไปแล้ว ดวงอาทิตย์คล้อยเคลื่อน แสงตะวันไม่สาดส่องอยู่เหนือตำหนักคำสัตย์อีกต่อไป แต่สาดมาจากข้างหลังสวี่ชิง
ดังนั้นท่ามกลางผู้ครองกระบี่กลุ่มหนึ่งที่ยืนอย่างขึงขัง สวี่ชิงที่เดินช้าเนิบออกมาจากกลุ่มคน ภายใต้แสงอาทิตย์ก็ดูโดดเด่นเป็นอย่างยิ่ง
นายกองมองเงาร่างของสวี่ชิง ในใจนอกจากจะมีความสะท้อนใจแล้วนั้นก็เป็นความภูมิใจ แอบพูดในใจว่านี่คือศิษย์น้องเล็กของข้า
ชิงชิวอยู่ในกลุ่มคน ใบหน้างดงามใต้หน้ากากไม่มีอารมณ์ใดๆ ทั้งสิ้น นางมองสวี่ชิงแวบหนึ่ง ในใจต่อต้านเล็กน้อย จึงหันไปมองทางทวีปปักษาสวรรค์ทักษิณ
นางไม่ชอบวันที่แสงแดดสดใสแบบนี้ นางชอบวันที่สายลมหิมะโปรยปราย
เพราะทุกครั้งที่หิมะตก นางมองไปทางที่ไกลๆ ท่ามกลางความคลุมเครือรางเลือนก็มักจะเห็นเงาร่างผอมเล็กรางหนึ่ง เดินชิดกำแพงมา พยักหน้าให้นาง
‘พี่เด็กน้อย…’ ชิงชิวพึมพำในใจ
‘ข้าจะต้องรีบไปหาท่านที่ทวีปปักษาสวรรค์ทักษิณให้เร็วที่สุด ข้าคิดว่าอัจฉริยะฟ้าประทานที่ว่าที่นี่สู้ท่านไม่ได้ หากท่านยืนอยู่บนที่ของพวกเขาก็จะต้องแข็งแกร่งกว่าพวกเขาทุกคนอย่างแน่นอน!
ในตอนที่ชิงชิวทอดสายตามองไปที่ไกล พวกข่งเสียงหลงต่างมองมาทางสวี่ชิง ในดวงตาคนอื่นๆ ยังแฝงด้วยความไม่ยอมรับไม่มากก็น้อย แต่ข่งเสียงหลงไม่มี
เขากำลังยิ้ม ในรอยยิ้มแฝงด้วยคำอวยพร
ไม่ใช่แค่กับสวี่ชิงเท่านั้น กับสหายคนอื่นๆ เขาล้วนเป็นเช่นนี้
ท่ามกลางสายตาของคนทั้งหลายที่นี่ สวี่ชิงก้าวไปข้างหน้าด้วยสีหน้าสงบนิ่ง หลังจากเดินไปติดๆ เก้าก้าว เขาก็ประสานหมัดหน้าผู้คน โค้งคารวะไปทางคนทั้งห้าที่อยู่หน้าตำหนักใหญ่
“คารวะใต้เท้า”
เสี้ยวขณะนี้ รองเจ้าวังและผู้ดูแลทั้งสี่ที่อยู่หน้าตำหนักคำสัตย์ต่างมองไปทางสวี่ชิง
ก่อนที่สวี่ชิงจะมา คนทั้งห้าก็รู้จักชื่อของเขาแล้ว วันนั้นเสียงระฆังเต๋าได้ทำให้วังครองกระบี่ทั้งวังแตกตื่น กระทั่งเจ้ามณฑลยังถามถึง
ตอนนี้ได้เห็นสวี่ชิงด้วยตาตัวเอง มองเงาร่างของอีกฝ่ายท่ามกลางแสงอาทิตย์และเปลวเพลิงแดงฉานที่เป็นลายเหลือบบนชุดขาวทั้งร่าง ผู้ดูแลทั้งสี่ต่างแอบพยักหน้า
ในดวงตารองเจ้าวังฉายแววชื่นชม สีหน้าเปลี่ยนมาอ่อนลงเล็กน้อย
“สวี่ชิง เจ้าหยั่งใจได้ประกายแสงหมื่นจั้ง มหาจักรพรรดิคัดเลือก สร้างตำนานครั้งแรกให้เขตปกครองผนึกสมุทร เจ้าวังมีคำสั่ง ให้สวี่ชิงเป็นอาลักษณ์ของเจ้าวัง!
“นับจากนี้คอยติดตามอยู่ข้างกายท่านเจ้าวัง หวังว่าเจ้าจะฝึกฝนให้มากขึ้น อย่าผิดต่อคำชมของมหาจักรพรรดิ อย่าผิดต่อเสียงระฆังเต๋า!
“น้อมรับคำสั่ง!” สวี่ชิงสีหน้าเคร่งขรึม ประสานหมัดคารวะอีกครั้ง
สำหรับคำสั่งนี้ เขาไม่ได้ตกใจสักเท่าไร แต่ในใจก็ยังเสียดายอยู่นิดๆ
เขาไม่อยากไปเป็นอาลักษณ์ เขาอยากไปหน่วยงานแบบกรมปราบพิฆาตแบบนั้นมากกว่า
และเมื่อคำของรองเจ้าวังดังออกมา ผู้ครองกระบี่หน้าใหม่รุ่นนี้ก็มีไม่น้อยที่จิตใจสั่นสะท้าน ความอิจฉาที่แฝงมาในสายตาที่จ้องมองสวี่ชิงมารุนแรงมาก
อาลักษณ์ก็เท่ากับเป็นตำแหน่งบุ๋นข้างกายเจ้าวัง ตำแหน่งประเภทนี้แม้จะไม่มีสิทธิ์อำนาจอะไร แต่เป็นตัวแทนของเจ้าวัง หลังจากที่รับตำแหน่งแล้วไม่ว่าใครเมื่อเห็นเขาก็ต้องเกรงอกเกรงใจ
โดยเฉพาะเจ้าวังครองกระบี่ ก่อนหน้านี้ข้างกายเขาไม่เคยมีอาลักษณ์มาก่อน สวี่ชิงเป็นคนแรก
คนทั้งหลายมองไป เดิมนี่ก็เป็นการแสดงถึงความสำคัญที่เจ้าวังครองกระบี่มีให้สวี่ชิง ผ่านจากประกาศแจ้งนี้บอกกับใต้หล้า หยั่งใจประกายแสงหมื่นจั้ง มหาจักรพรรดิคัดเลือกสำคัญเพียงใด
จินตนาการได้ว่าเรื่องนี้เมื่อแพร่ออกไป ผู้ครองกระบี่หน้าใหม่ที่ยังไม่ได้เข้าร่วมกับวังครองกระบี่ ไม่ว่าใครก็จะต้องยิ่งให้ความสำคัญกับหยั่งใจอย่างแน่นอน
แม้ตำแหน่งนี้จะเหมาะสมกับเกียรติยศที่สวี่ชิงได้รับ แต่ในบรรดาผู้ครองกระบี่ คนที่ไม่ยอมรับก็มีอยู่เหมือนกัน
ยกตัวอย่างเช่นจางซืออวิ้น
เขาจ้องสวี่ชิง ความเกลียดชังในใจลึกเข้ากระดูกดำ โดยเฉพาะใบหน้าด้านขวาของเขาแม้จะกลับเป็นปกติแล้ว แต่ตอนนี้เขายังคงรู้สึกเจ็บปวด นั่นคือจุดที่มารดาตบเขา
‘ข้าไม่ใช่คนไร้ประโยชน์!’ จางซืออวิ้นกัดฟัน คำรามในใจ
ปฏิกริยาของคนทั้งหลาย พวกรองเจ้าวังที่ยืนอยู่ข้างหน้าตำหนักคำสัตย์ล้วนไม่มีใครสนใจ แม้ปรมาจารย์ของจางซืออวิ้นเองก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่นับตั้งแต่ต้นจนจบเขาไม่ปรายตามองจางซืออวิ้นเลยแม้แต่แวบเดียว
“สวี่ชิง แม้เจ้าวังจะมอบตำแหน่งให้เจ้าโดยไม่จำเป็นต้องทดสอบ แต่การฝึกฝนลับต่อจากนี้เจ็ดวันเจ้ายังคงต้องไปเข้าร่วม”
สวี่ชิงตอบรับด้วยใบหน้าเคร่งขรึม จากนั้นก็ถอยกลับมาในแถวผู้ครองกระบี่ ท่วงท่าอิริยาบถไหลลื่น ทำให้คนทั้งห้าที่อยู่หน้าตำหนักคำสัตย์ต่างพยักหน้าอีกครั้ง
“พวกเจ้าจงฟังให้ดี” สายตาของรองเจ้าวังดึงกลับมาจากสวี่ชิง กวาดตามองผู้ครองกระบี่ที่อยู่ข้างล่างแวบหนึ่ง
กระบี่อาญาสิทธิ์ที่พวกเจ้าต่างได้มาจากโถงครองกระบี่มณฑลตัวเอง เป็นทั้งวัตถุสื่อเสียงของผู้ครองกระบี่ และเป็นสิ่งเอาไว้ตรวจสอบแต้มความชอบ ขณะเดียวกันก็เป็นรากฐานของหอกระบี่
“หลังจากนี้พวกเจ้าสามารถสร้างหอกระบี่ของตัวเองที่เมืองด้านล่างเมืองหลวงเขตปกครองได้ หอกระบี่จะอยู่กับพวกเจ้าไปชั่วชีวิต ต่อให้ไปทำภารกิจภายนอกก็เช่นกัน
“ยิ่งสูงก็ยิ่งแสดงถึงเกียรติยศอันยิ่งใหญ่ ข้าหวังว่าวันหนึ่ง ในบรรดาพวกเจ้าจะมีผู้ที่สร้างหอกระบี่หมื่นจั้งได้
“มีเพียงสละชีพเท่านั้นโถงครองกระบี่จึงจะลบล้างมันไป แต่ชื่อจะสลักอยู่ในตำหนักคำสัตย์ของวังครองกระบี่ ผู้ครองกระบี่รุ่นหลังทุกครั้งที่สาบานตนล้วนต้องไปคารวะ ไม่มีวันลืมเลือนตลอดชั่วกาลนาน”
รองเจ้าวังเอ่ยเนิบนาบ พูดเรื่องพวกนี้จบเขาก็สะบัดแขนเสื้อ ทันใดนั้นตำหนักใหญ่ข้างหลังก็เปล่งแสงเจิดจ้า ประตูทุกบานเปิดออกจนสุด ทำให้ทุกอย่างข้างในปรากฏในสายตาของผู้ครองกระบี่ทุกคนอย่างชัดแจ้ง
ในตำหนักใหญ่มีมิติอีกมิติหนึ่ง ทำให้พื้นที่ข้างในใหญ่กว่าตัวตำหนัก
ในนั้นมีกระบี่อาญาสิทธิ์ตั้งเรียงรายเป็นจำนวนนับไม่ถ้วน
บางเล่มสมบูรณ์ บางเล่มแตกหัก ยิ่งมีบางชิ้นเหลือเป็นเพียงเศษชิ้นส่วน กระทั่งว่าบางเล่มเหมือนว่าตอนที่มอดม้วยกระบี่อาญาสิทธิ์ก็แหลกละเอียด จึงวางเป็นป้ายวิญญาณแทน
ความห้าวหาญไม่กลัวตายปะทะหน้า ความรู้สึกฮึกเหิมลุกโหมขึ้นมา
ป้ายวิญญาณและกระบี่อาญาสิทธิ์ในนั้นมีมากมายเหลือเกิน ทั้งตำหนักใหญ่ตั้งแต่ข้างบนจนถึงข้างล่าง จากด้านซ้ายไปถึงด้านขวา ล้วนมีตั้งอยู่
พวกนี้คือผู้ครองกระบี่ที่รบตายในช่วงเวลาไม่รู้ต่อกี่ปีมานี้ของเขตปกครองผนึกสมุทร!
ทุกคนในนั้นล้วนเป็นอัจฉริยะฟ้าประทานในอดีตของเผ่ามนุษย์ทั้งสิ้น
ทุกคนล้วนมีเรื่องราวที่ชวนให้คนประทับใจซาบซึ้งของตัวเองกันทั้งนั้น
มองกระบี่อาญาสิทธิ์และป้ายวิญญาณเหล่านี้ สวี่ชิงจิตใจสั่นสะท้าน เขาสัมผัสได้ถึงพลังปะทะของวิญญาณกลุ่มหนึ่งแผ่มาจากในตำหนักใหญ่ ทะลักไปในสมอง
ท่ามกลางความรางเลือน เขาเหมือนได้ยินเสียงคำรามก่อนตายของผู้ครองกระบี่มากมาย เห็นเงาชุดขาวนับไม่ถ้วน
ข้างหลังพวกเขาคือเผ่ามนุษย์ ดังนั้นพวกเขายอมรบตาย แต่จะไม่ยอมถอยหลังแม้เพียงครึ่งก้าวเด็ดขาด
ความฮึกเหิมยิ่งแรงกล้า
พวกเขายิ้มกระโจนหาความตาย พวกเขาคำรามสังหารศัตรู คำปฏิญาณสาบานที่พวกเขาตะโกนก่อนตายแฝงด้วยความไม่เสียใจ
“ข้ายินดีเป็นผู้ครองกระบี่ ซื่อสัตย์ต่อหน้าที่ ไม่กลัวที่จะต้องเสียสละพลีชีพ
“ข้ายินดีเป็นผู้ครองกระบี่ จะไม่มีวันหักหลังเผ่ามนุษย์เด็ดขาด เตรียมต่อสู้อยู่ทุกชั่วขณะจิต
“ข้ายินดีเป็นผู้ครองกระบี่ สู้เพื่อเผ่ามนุษย์ ปกป้องเผ่ามนุษย์
“ข้ายินดีเป็นผู้ครองกระบี่ กำจัดเภทภัยแก่ไพร่ฟ้า สาดส่องประกายไปในฟ้าดิน”


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา