เข้าสู่ระบบผ่าน

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา นิยาย บท 415

บทที่ 415 เหยาอวิ๋นฮุ่ย คิดถึงข้อดีของเขาให้มาก

ดวงอาทิตย์พ้นขอบฟ้า ลอยขึ้นสู่กลางนภา แสงอาทิตย์สาดสู่พื้นโลก ทุกที่ที่พาดผ่าน ความมืดมิดทุกอย่างล้วนสลายไป ประกายแสงสาดส่องทั่วทุกทิศ

ถนนในเมืองหลวงเขตปกครองก็คึกคักขึ้นมา

สวี่ชิงเดินอยู่บนถนนที่ไปทำงาน เดินไปข้างหน้าไปด้วยพลางสัมผัสวังสวรรค์วังที่ห้าในกายไปด้วย

ภาพสัญลักษณ์เคล็ดวิชาระดับจักรพรรดิบนร่างยังคงอยู่ การเพิ่มของกำลังรบก็ไม่ได้หายไปเพราะวิหคทองผสานไปในวังสวรรค์วังที่ห้า

เคล็ดวิชาระดับจักรพรรดินี้ด้วยตัวมันเองก็มีพลังหนึ่งวังอยู่แล้ว

แต่พลังเพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด วังสวรรค์วังที่ห้าก็เช่นกัน

กระทั่งพูดได้ว่า เขาเจอคนที่มีวังสวรรค์วังที่ห้าเหมือนกัน ภายใต้สถานการณ์ที่ทั้งสองฝ่ายไม่ไปดูเคล็ดวิชาหรือเศษเสี้ยวอาวุธเวทใดๆ ดูจากพื้นฐาน เช่นนั้นต่อให้เป็นอัจฉริยะโดดเด่นเลิศล้ำที่สุดของหมื่นเผ่า สวี่ชิงเปรียบเทียบกับพวกเขาก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าเลย

หากเปรียบเทียบพื้นฐานกับต่ำกว่าอัจฉริยะโดดเด่นลงมา วังสวรรค์ทั้งห้าของสวี่ชิงล้วนเหนือกว่าอีกฝ่ายอย่างมหาศาล

เพราะวังสวรรค์ของเขาทุกวังล้วนทรงพลังน่าครั่นคร้าม ไม่พูดว่าเลิศล้ำไร้เทียมทานก็ไม่ด้อยไปกว่านั้นเท่าไรแล้ว

วังแห่งชีวิตที่แปรเปลี่ยนมาจากตะเกียงแห่งชีวิตสองดวง วังที่ก่อขึ้นจากลูกกลอนพิษต้องห้าม วังสวรรค์พระจันทร์ม่วง และยังมีวังจากราชรถวิหคทองในตอนนี้อีก

นี่ก็คือพลังรากฐานที่สร้างขึ้นตลอดเส้นทางที่เดินมาจนถึงในตอนนี้

ทุกวังล้วนแต่เป็นการที่เขาทุ่มสุดชีวิตถึงจะได้มา

และความแข็งแกร่งของคนคนหนึ่งน้อยนักที่จู่ๆ จะเกิดขึ้นมา ส่วนใหญ่ล้วนแต่มาจากการสั่งสม สะสมมาโดยตลอด

อย่างสวี่ชิงก็เป็นเช่นนี้เหมือนกัน

เขาจึงสามารถสู้ข้ามวังได้

ตอนนี้ท่ามกลางความรู้สึกเช่นนี้ สวี่ชิงอารมณ์ดีเป็นอย่างมาก ในตอนที่ผ่านร้านอาหารเช้าแห่งหนึ่ง กลิ่นที่คล้ายกันนี้ทำให้เขาคิดถึงปาท่องโก๋ที่สำนักเจ็ดเนตรโลหิต

“ไม่รู้ว่าเมื่อใดจึงจะได้กลับไป”

สวี่ชิงพึมพำในใจ มองไปทางมณฑลรับเสด็จราชัน เขาคิดถึงนายท่านเจ็ดและบรรพจารย์เสี่ยเลี่ยนจื่อขึ้นมานิดๆ แล้ว และยังมีร้านอาหารเช้าที่เดินทางจากสำนักเจ็ดเนตรโลหิตมายังพันธมิตรแปดสำนักร้านนั้นด้วย

สวี่ชิงดึงสายตากลับมา เดินไปทางร้านอาหารเช้าของที่นี่ นั่งลงสั่งมาหนึ่งชาม หลังจากเข้าปาก ใบหน้าของเขาก็ฉายความพึงพอใจออกมา แม้รสชาติจะสู้ร้านในความทรงจำร้านนั้นไม่ได้ แต่ก็พอใช้ได้อยู่

และในตอนที่เขานั่งกินอาหารเช้าอยู่ตรงนี้ เด็กชายที่นั่งยองๆ ห่างออกไปไม่ไกลกำลังมองสวี่ชิงตาละห้อย

คล้ายว่ารู้สึกเบื่อมาก เขามองซ้ายมองขวา มองถนนที่อึกทึกครึกครื้น มองไปๆ จู่ๆ ดวงตาของเขาก็พลันจ้องเพ่งไปในหอชั้นสองที่ห่างออกไปไม่ไกลแห่งหนึ่ง

ที่หน้าต่างของหอ ก่อนหน้านี้เหมือนว่าจะมีเงาร่างหนึ่งยืนอยู่ตรงนั้น ใช้สายตาเคียดแค้นมองมาทางทิศที่สวี่ชิงอยู่

เด็กชายตัวน้อยสงสัยใคร่รู้ ร่างเพียงไหววูบก็หายไป

ในยามที่ปรากฏตัวขึ้นก็มาอยู่ในหอแล้ว เขาเห็นหญิงสาวหน้าตางดงามคนหนึ่งกำลังตำหนิดุด่าชายหนุ่มคนหนึ่ง

“ขยะไร้ประโยชน์ สวี่ชิงนั่นไม่ใช่แค่เป็นอาลักษณ์เท่านั้น แต่ยิ่งได้เป็นพลทหารของกรมราชทัณฑ์ แต่เจ้ากลับได้แค่ตำแหน่งบุ๋น จัดเรียงเอกสาร!

“เจ้ายังก้มหน้ารับมันอย่างสงบนิ่ง ความหยิ่งทะนงของเจ้าเล่า เกียรติศักดิ์ศรีของเจ้าในฐานะที่เป็นบุคคลอันดับหนึ่งของยุคนี้แห่งมณฑลรับเสด็จราชันเล่า ไยเจ้าถึงไม่ไปหาปรมาจารย์ของเจ้า!”

คนที่ถูกตำหนิคือจางซืออวิ้น

และผู้หญิงที่อยู่ในครรลองสายตาของเด็กชายตัวน้อย ย่อมเป็นมารดาของจางซืออวิ้น เหยาอวิ๋นฮุ่ย

เพราะฐานะของตนเดินทางไปวังครองกระบี่เป็นประเด็นอ่อนไหวเกินไป อีกทั้งคำพูดบางอย่างก็ไม่อาจพูดในแผ่นหยกได้ ดังนั้นนางจึงเชิญปรมาจารย์ของจางซืออวิ้นมาพบกันที่นี่ แต่ระหว่างทางก็ได้รับสื่อเสียงของตระกูลตนเอง บอกให้นางรู้ถึงคำเตือนของเจ้าวังครองกระบี่

และตระกูลก็ได้เตือนนางอย่างจริงจังว่าอย่าได้หาเรื่องวังครองกระบี่

นี่ทำให้ในใจของเหยาอวิ๋นฮุ่ยอัดอั้นนัก เมื่อครู่ก็เห็นสวี่ชิงอีก ทำให้นางยิ่งชิงชัง ดังนั้นเมื่อมองลูกชายของตัวเองเกิดความโมโห

จางซืออวิ้นก้มหน้า ในใจยิ่งเกลียดเคียดแค้นสวี่ชิง ทุกครั้งที่มารดาเอาสวี่ชิงมาเปรียบกับเขา ก็ทำให้โทสะเคืองแค้นในใจของเขายิ่งรุนแรง

และความจริงเขาก็ได้ไปหาปรมาจารย์ของเขามาแล้ว แต่สายตาที่อีกฝ่ายมองเขาแปลกมาก เขาไม่รู้ว่าทำไม ตอนนี้เผชิญหน้ากับเพลิงโทสะของมารดาเขาก็ไม่กล้าอธิบาย ทำได้แค่ยอมรับเงียบๆ

นอกจากนั้นแล้ว ความจริงเขารู้สึกว่างานจัดเรียงเอกสารของตัวเองก็ใช่ว่าจะไร้ประโยชน์ไปเสียทั้งหมด อย่างน้อยๆ เดือนที่ผ่านมานี้ เขาก็หาจุดที่คนอื่นทำผิดพลาดบันทึกผิดได้หลายที่ ทั้งยังได้รับคำชมจากในกรม

แต่เขารู้ ตัวเองพูดไม่ได้

‘ความจริงแล้ว ที่มณฑลรับเสด็จราชันดีกว่าเล็กน้อย’ จางซืออวิ้นถอนหายใจในใจ

ส่วนมารดาของเขาด่าไปๆ จู่ๆ ก็หยิบแผ่นหยกถ่ายทอดเสียงออกมา ไม่นานนักสีหน้าก็เปลี่ยนมาเคร่งเครียดยิ่งกว่าเดิม สุดท้ายก็บีบแผ่นหยกดังกร๊อบแหลกละเอียด

“มีธุระยุ่งหรือ ทั้งๆ ที่เมื่อไม่กี่วันก่อนก็นัดกันเอาไว้แล้ว แต่วันนี้กลับบ่ายเบี่ยง นี่คือรู้คำสั่งที่เจ้าวังครองกระบี่สั่งลงมาอย่างนั้นหรือ!

“คนของสำนักเซียนล้ำบารมี แต่ละคนปอดแหกกันทั้งนั้น โง่เง่าที่สุด!” สีหน้าของเหยาอวิ๋นฮุ่ยย่ำแย่ สบถก่นด่าออกมา

จางซืออวิ้นลอบถอนหายใจ เอ่ยเสียงเบา

“ท่านแม่…”

“ไสหัวไป!” เหยาอวิ๋นฮุ่ยส่งเสียงเย็นชา

จางซืออวิ้นเงียบนิ่ง นานถึงจะลุกขึ้นยืน โค้งคารวะมารดา หันหลังจากไป สีหน้ายิ่งฉายความอ้างว้างเดียวดาย ในใจยิ่งเกลียดชังสวี่ชิง

จนเมื่ออยู่บนถนนเดินออกไปไกลมาก ร่างของเขาก็พลันกระตุก ทั้งคนฟ้าดินพลิกตลบ มือยันกำแพงที่อยู่ข้างๆ

ในดวงตาของเขามีเงาพระจันทร์สีแดงกลุ่มหนึ่งกะพริบวาบ ใบหน้าฉายความเหี้ยมเกรียม แต่กลับฉายขึ้นมาแล้วหายลับไป

หลังจากนั้นครู่หนึ่งเขาถึงกลับมาเป็นปกติเหมือนเดิม

“เป็นเคล็ดวิชามีปัญหาอย่างนั้นหรือ เกิดความรู้สึกเวียนหัวแบบนี้เจ็ดครั้งแล้ว” จางซืออวิ้นสีหน้าย่ำแย่ เงียบไปครู่หนึ่งก็เดินจากไปไกลต่อ

ในหอแห่งนั้น เด็กชายตัวน้อยไม่สนใจจางซืออวิ้นที่จากไปไกล

เขายืนอยู่ข้างเหยาอวิ๋นฮุ่ย ความสนใจทั้งหมดอยู่ที่ตัวอีกฝ่าย ประเมินอย่างสงสัยใคร่รู้ ในดวงตาฉายแววครุ่นคิด คล้ายว่ากำลังวิเคราะห์จิตคิดร้ายที่ผู้หญิงคนนี้มีต่อสวี่ชิง

เหยาอวิ๋นฮุ่ยนั่งอยู่ตรงนั้น ความโกรธโมโหทั้งหมดบนใบหน้าตอนนี้หายไปจนหมด กระทั่งว่ายังยกน้ำแกงหวานเม็ดบัวบนโต๊ะขึ้นมากินคำหนึ่ง

กิริยาสง่างามนัก ราวว่าอาการเสียกิริยาเมื่อครู่นี้และคนที่ใส่อารมณ์กับจางซืออวิ้นไม่ใช่นาง

“อวิ้นเอ๋อร์ แม่เข้มงวด ดุเจ้า เพราะอยากกระตุ้นความยึดมั่นและความกล้าหาญของเจ้า หวังว่าเจ้าจะประสบความสำเร็จเป็นคนมีความสามารถ ตอนนั้นพ่อของเจ้ามีความกล้าไม่พอ ไม่รู้ถึงความทุ่มเทของข้า”

เหยาอวิ๋นฮุ่ยพึมพำในใจ ดวงตาฉายแววเย็นชา

‘สวี่ชิง เจ้าแย่งชิงวาสนาของอวิ้นเอ๋อร์ ทำลายอนาคตของเขา เรื่องนี้ข้าย่อมไม่มีทางปล่อยไปอยู่แล้ว ที่เมืองหลวงเขตปกครองข้าทำอะไรเจ้าไม่ได้ แต่ขอเพียงเจ้าไปจากที่นี่ ข้ามีวิธีเยอะแยะที่จะทำให้เจ้าเป็นแพะรับบาปเป็นคนผิด และข้าก็จะไม่ฆ่าเจ้า ข้าจะให้อวิ้นเอ๋อร์ได้เห็นจุดจบของเจ้า เกิดความมั่นใจจากการนี้’

รับรู้ถึงความคิดของผู้หญิงที่อยู่ข้างหน้า ใบหน้าของเด็กชายตัวน้อยฉายแววกลัดกลุ้ม

เขารับปากพี่สาวตัวน้อยเอาไว้ว่าจะปกป้องสวี่ชิง

แต่เขาก็ไม่อยากฆ่าคน ดังนั้นหลังจากที่คิดไปคิดมา เขาก็ตัดสินใจเป่าลมใส่เหยาอวิ๋นฮุ่ย

ลมหายใจนี้กระทบต้องไปที่ใบหน้าของเหยาอวิ๋นฮุ่ย

มือที่ถือช้อนของเหยาอวิ๋นฮุ่ยชะงัก ไม่รู้ว่าทำไมความคิดในหัวถึงได้เปลี่ยนไปเล็กน้อย คล้ายว่าท่ามกลางความรางเลือนมีความคิดหนึ่งแผ่มาในจิตใจของนาง ให้นางคิดถึงข้อดีของคนอื่น

“สวี่ชิงคนนั้นก็ไม่ได้น่ารังเกียจชิงชังจนถึงขั้นสุด”

เหยาอวิ๋นฮุ่ยพึมพำเสียงเบา พูดจบตัวนางเองก็อึ้งไปเล็กน้อย มองรอบๆ อย่างสงสัย ก่อนจะลุกขึ้น

“ไม่ถูก!” สีหน้าของนางย่ำแย่มาก รีบประสานปางมือสำรวจ แต่ที่นี่ทุกอย่างเป็นปกติ

บทที่ 415 เหยาอวิ๋นฮุ่ย คิดถึงข้อดีของเขาให้มาก 1

Verify captcha to read the content.ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา