เข้าสู่ระบบผ่าน

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา นิยาย บท 430

บทที่ 430 โลกนี้มีเพียงพลทหารที่เป็นใหญ่

กรมราชทัณฑ์สามสิบสามโลก โลกที่หนึ่ง

บนท้องฟ้า ตะวันกล้าขึ้นสูงกลางฟ้า แผ่ความร้อนแผดเผาพื้นดิน

ท้องฟ้าที่นี่ไม่มีเสี้ยวหน้าเทพเจ้า แต่ไอพลังประหลาดที่นี่เข้มข้นยิ่งนัก

ไอพลังประหลาดที่ตลบอวลในแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ไม่ได้ส่งผลกระทบเฉพาะแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์เท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อโลกใบเล็กทุกใบที่เกี่ยวพันกับแผ่นดินใหญ่ด้วย

เพียงแต่ตะวันจันทราของที่นี่ไม่มีเทพเจ้าสถิตย์พักผ่อน นั่นเป็นดินแดนที่แปรเปลี่ยนมาจากสายตาของวิถีสวรรค์สี่องค์ที่อยู่ดั้งเดิมของโลกใบนี้ หลังจากวังครองกระบี่ปรับเปลี่ยนก็กลายเป็นอาวุธเยี่ยมยอด

ตอนนี้ภายใต้ดวงอาทิตย์ที่เกิดจากสายตานี้ คลื่นความร้อนเดือดพล่าน เมฆหมอกเบาบางลง ทำให้เงาร่างหนึ่งแก่หนึ่งหนุ่มทั้งสองร่างที่เดินอยู่กลางอากาศตอนนี้ชัดเจนเป็นอย่างยิ่ง

ชายชราคือมือผี

ชายหนุ่มคือสวี่ชิง

“งานของพลทหารเขตปิ่งความจริงนั้นง่ายมาก ก็คือลาดตระเวนโลกนี้

“เจ้าไม่ใช่พลทหารเพียงคนเดียวในโลกนี้ รวมเจ้าอยู่ในนี้แล้วมีทั้งหมดหกสิบเจ็ดคน ขอบเขตและเวลาที่ลาดตระเวนรอเมื่อเจ้าสามารถมาเยือนโลกใบนี้ได้เพียงลำพังแล้วก็จะมีการจัดแจงให้

“ก่อนหน้านั้นสิ่งที่เจ้าต้องทำคือติดตามข้า ข้าจะพาเจ้าทำความคุ้นเคยกับทุกอย่างที่นี่”

มือผีเดินไปข้างหน้าพลางเอ่ย

สวี่ชิงได้ยินดังนั้นก็รับคำอย่างเคารพนอบน้อม

“นอกจากนี้นะสวี่ชิง เป็นพลทหารของเขตปิ่งยังมีสิทธิประโยชน์อีกสองอย่าง” มือผีหัวเราะ เอาเหล้าที่บ่มนานออกมากาหนึ่ง ดื่มลงไปอึกใหญ่

“สิทธิประโยชน์อย่างแรกก็คือทุกเดือนไม่มีจำนวนจำกัดในการฆ่า แต่เจ้าจะฆ่ามากไปไม่ได้ พิจารณาเอาเองตามความเหมาะสม

“สิทธิประโยชน์ข้อที่สอง ความจริงแล้วก็มีแต่พลทหารเขตปิ่งเท่านั้นที่สนใจที่สุด นั่นก็คือสัมผัสรับรู้ในโลกใบเล็กนี้

“เนื่องจากกฎเกณฑ์ทุกอย่างที่นี่พวกเราล้วนเป็นผู้ควบคุม ดังนั้นจึงเหมาะให้ผู้บำเพ็ญสัมผัสรับรู้การโคจรของฟ้าดินและศึกษาค้นคว้าว่าวิถีสวรรค์เกิดขึ้นได้อย่างไร

“นี่เป็นประเด็นสำคัญในการยกระดับสู่สมบัติวิญญาณ ในสมบัติลับของผู้บำเพ็ญสมบัติวิญญาณต้องมีวิถีสวรรค์สถิตย์

“ตอนนี้แม้เจ้าจะยังไม่ถึงระดับปราณก่อกำเนิด แต่สัมผัสรับรู้ไว้ก่อนก็ดี เมื่อพลังบำเพ็ญของเจ้าเพียงพอสามารถลาดตระเวนเองได้ เจ้าก็จะรับรู้ถึงข้อดีของมัน แน่นอน เก็บเกี่ยวได้มากน้อยเท่าใดก็อยู่ที่วาสนาของเจ้า”

สวี่ชิงได้ฟังก็จำขึ้นใจ

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ได้ยินเรื่องเกี่ยวกับสมบัติวิญญาณ แม้เรื่องพวกนี้จะถามอาจารย์หรือจอมเซียนจื่อเสวียนก็ได้ แต่การบอกกล่าวจากมือผีเขาก็ยังคงแสดงความขอบคุณอยู่ดี จึงประสานหมัดโค้งคารวะ

มือผีหัวเราะ ดื่มเหล้าลงไปอีกอึก ในตอนที่ผ่านพื้นที่รกร้างแห่งหนึ่ง เขาก็ก้มหน้าลงไปมองแล้วหัวเราะฮี่ๆ

“ใช่แล้ว เกือบลืมบอกไป ในฐานะที่เป็นพลทหารเขตปิ่ง ในตอนที่ลาดตระเวนบางครั้งก็ต้องให้อาหารด้วย”

พูดจบมือผีก็แบมือ ทันใดนั้นก็โยนลูกกลอนไร้คุณภาพที่มีไอพลังประหลาดจำนวนมหาศาล พลังวิญญาณมีเพียงเล็กน้อยจำนวนหนึ่งลงไป

“ดูให้ดีล่ะ เรื่องสนุกมาแล้ว” มือผีเลียริมฝีปาก มองไปทางพื้นดิน

สายตาของสวี่ชิงก็จ้องไปเช่นกัน

ในพริบตาที่พวกเขามองไป พื้นดินในที่รกร้างก็พลันระเบิดขึ้นมา เงาร่างผอมแห้งแต่ละร่างๆ ก็พุ่งออกมาจากในนั้นอย่างรวดเร็ว

เงาร่างพวกนี้มีทั้งรูปร่างมนุษย์ แต่ที่มีมากกว่าคือต่างเผ่า รูปร่างลักษณะแตกต่างกันไป กระทั่งว่าพืชก็มี

ตอนนี้ต่างพากันพุุ่งออกมา แต่ละตนในดวงตาฉายความบ้าคลั่งและความปรารถนา พุ่งไปยังลูกกลอนไร้คุณภาพพวกนั้น ยิ่งกว่านั้นคือต่างลงมืออย่างโหดเหี้ยม เอาให้ตายกันไปข้างหนึ่ง

เหมือนว่าสำหรับพวกมันแล้ว ลูกกลอนไร้คุณภาพเหล่านี้เป็นของล้ำค่าของสวรรค์ ทำให้พวกมันบ้าคลั่งเพื่อสิ่งนี้

สวี่ชิงเห็นต่างเผ่าเกล็ดฟ้าที่มีแขนหกแขนตนหนึ่ง เพื่อชิงเอาลูกกลอนไร้คุณภาพเม็ดหนึ่งมาให้ได้ ก็ไม่เสียดายผลตอบแทนทำลายแขนครึ่งหนึ่งของตัวเอง หลังจากที่กลืนลูกกลอนเม็ดนั้นลงไป สีหน้าก็ฉายความพอใจ ก่อนจะหนีอย่างบ้าคลั่ง

แต่ก็สายไปแล้ว ต่างเผ่าฝูงหนึ่งพุ่งมา แล้วเข้ากัดทึ้งแยกร่าง ได้ฤทธิ์ยาที่แยกย่อยจากการนี้

ยิ่งมีอีกพื้นที่หนึ่ง นักโทษหลายร้อยที่นั่นตาแดงก่ำ ฆ่าล้างช่วงชิงไม่หยุดหย่อน สุดท้าย ผู้บำเพ็ญที่แย่งชิงมาได้สำเร็จเลือดชุ่มโชกทั่วร่างในดวงตาฉายความวาดหวัง กลืนลูกกลอนที่เปื้อนเลือดเนื้อลงไป

เหตุการณ์แบบนี้มีทั่วทุกที่ จากลูกกลอนที่ร่วงลงไป ลูกกลอนแทบจะทุกเม็ดล้วนทำให้เกิดการแก่งแย่งช่วงชิงอย่างดุเดือด

ไม่นานนักพื้นที่รกร้างแห่งนี้ก็เกลื่อนกลาดไปด้วยซากศพเศษกระดูก และนักโทษที่รอดชีวิตพวกนั้นก็สังเกตเห็นสวี่ชิงและมือผีที่อยู่บนฟ้า สีหน้าล้วนฉายความยำเกรง คุกเข่าหมอบคารวะ ประดุจเห็นเทพเจ้า

“นักโทษเขตนี้ล้วนถูกจับมาช่วงไม่กี่ร้อยปีนี้ ดังนั้นยังมีชีวิตชีวาอยู่ ค่อนข้างสนุกอยู่บ้าง

“เผ่าหกแขนที่ถูกแยกร่างกินนั่น ก่อนถูกจับเข้ามาได้ใช้กำลังรบเจ็ดปราณฆ่าผู้บำเพ็ญของวังพิธีการ ตอนนั้นอยู่ข้างนอกมีชื่อเสียงโหดเหี้ยมไม่น้อย แต่อยู่ที่นี่แม้เขาจะยังเป็นระดับปราณก่อกำเนิด แต่หลังจากถูกโลกใบเล็กร่วมแปรสภาพก็อ่อนแอเป็นอย่างยิ่ง

“แล้วก็ยังมีเผ่าปีกบินที่หลังมีปีกนั่น เป็นนักโทษที่ข้าจับมาเอง มันร้ายกาจยิ่ง กำลังรบแปดปราณ เคยกำเริบเสิบสานในมณฑลประกายอรุณ เจ้าว่าเวลาพวกมันย้อนนึกถึงตอนที่เรียกลมเรียกฝนได้ข้างนอก ตอนนี้กลับน่าอเนจอนาถสังเวชแบบนี้ จะรู้สึกอย่างไร”

มือผีแสยะยิ้ม

สวี่ชิงจ้องมองพื้นดิน มองออกว่าพลังบำเพ็ญของนักโทษแต่ละคนพวกนี้อ่อนแอนัก ทั้งๆ ที่เป็นระดับปราณก่อกำเนิด กลิ่นอายก็เช่นกัน แต่กลับทำให้เขารู้สึกว่าเพียงนิ้วเดียวของตนก็บี้ตายได้

“ส่วนลูกกลอนไร้คุณภาพพวกนั้น เหตุที่พวกมันปรารถนาก็เพราะพลังวิญญาณที่นี่เหือดแห้ง พวกมันเพื่อที่จะมีชีวิตต่อไป เพื่อที่จะไม่ตาย ก็ต้องให้พลังบำเพ็ญของตัวเองมีอยู่ จึงจ่ายค่าตอบแทนด้วยการเสี่ยงตายครั้งหนึ่งก็จะต้องชิงเอามาให้ได้”

สวี่ชิงขมวดคิ้ว เขารู้สึกว่าคำพูดของมือผีมีปัญหาเล็กๆ เพื่อที่จะไม่ตายจึงจ่ายค่าตอบแทนด้วยการเสี่ยงตายครั้งหนึ่ง นี่ค่อนข้างจะขัดแย้งกันเอง

มือผีหัวเราะ ไม่ได้อธิบายทันที แต่พาสวี่ชิงเดินไปข้างหน้า

ผ่านเทือกเขาแต่ละแนว ทะเลทรายแต่ละผืน สุดท้ายก็มาถึงที่ราบที่มีขนาดกว้างใหญ่มากแห่งหนึ่ง

ที่นี่ สวี่ชิงรูม่านตาหดเล็ก

เขาเห็นบนพื้นมีเงาร่างรับไม่ถ้วนกำลังนั่งขัดสมาธิทำสมาธิอยู่

หมื่นเผ่าที่นั่งขัดสมาธิทำสมาธิอยู่ที่นี่ ทุกตนล้วนนิ่งไม่ขยับ ดวงตาทั้งสองปิดสนิท ฝึกบำเพ็ญเงียบๆ

พลังชีวิตบนร่างแม้จะมีแต่ริบหรี่เหลือเกิน และที่ราบแห่งนี้มีค่ายกลที่น่าตื่นตะลึง กำลังดึงพลังชีวิตและพลังบำเพ็ญในตัวพวกมันออกไปอยู่ตลอด

“โลกแห่งนี้ยังมีกฎอีกข้อหนึ่ง นั่นก็คือการคืนสภาพ”

“นอกจากพัศดีมอบความตายให้แล้ว นักโทษคนอื่นๆ ที่ตายที่นี่ ทุกเดือนจะต้องผ่านการคืนสภาพครั้งหนึ่ง ฟื้นคืนชีพท่ามกลางการคืนสภาพ ทั้งยังลบความทรงจำส่วนหนึ่งและวัตถุจดบันทึกทุกอย่างอย่างถาวร

“หลังจากตายอยู่หลายครั้ง พวกมันก็จะกลายเป็นซากเดินได้ที่ไม่มีความทรงจำใดๆ ปรากฏตัวขึ้นที่นี่อย่างไร้ความคิด กลายเป็นแหล่งกำเนิดพลังที่มอบพลังโคจรให้กับของวิเศษเวทต้องห้ามเมืองหลวงเขตปกครอง”

“เจ้ารู้หรือไม่สวี่ชิง สำหรับนักโทษแล้ว สิ่งที่เจ็บปวดของพวกมันคือมีความทรงจำ เพราะทุกอย่างในความทรงจำเปรียบเทียบกับตอนนี้ ช่างกัดกินจิตใจนัก

“แต่ขณะเดียวกัน ความทรงจำก็เป็นของส่วนตัวที่เหลืออยู่เพียงอย่างเดียวของพวกมัน ล้ำค่าเป็นอย่างยิ่ง เป็นทุกอย่างที่ค้ำยันพวกมันหลังจากที่สูญเสียอิสระ ดังนั้น การค่อยๆ ช่วงชิงความทรงจำทำให้พวกมันยิ่งหวาดกลัวสุดขั้วหัวใจ

“ดังนั้น ไม่ไปชิงลูกกลอนก็ไม่อาจชดเชยพลังวิญญาณได้ ก็จะตายเร็วขึ้น จึงเกิดการไม่เสียดายผลตอบแทนที่จะต้องเสี่ยงตายครั้งหนึ่งไปชิงโอกาสที่จะได้ไม่ต้องตายหลายครั้ง

บทที่ 430 โลกนี้มีเพียงพลทหารที่เป็นใหญ่ 1

Verify captcha to read the content.ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา