เข้าสู่ระบบผ่าน

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา นิยาย บท 436

บทที่ 436 เมื่ออสูรสมุทรบรรพกาลผงาด (1)

ครั้งนี้ สวี่ชิงขยายพลังกฎเกณฑ์ของตน ทะยานขึ้นไปในอาณาเขตที่ตนสยบ หานักโทษที่เหมาะสม ขณะเดียวกันก็หยิบแผ่นหยกออกมา คัดเลือกรายชื่อ

ที่เขาหาอยู่ ล้วนเป็นพวกผู้บำเพ็ญที่ตอนที่ถูกจับมาอยู่ในระดับปราณก่อกำเนิดขั้นบริบูรณ์ นักโทษพวกนี้ที่นี่ อยู่ห่างจากเคราะห์สวรรค์แค่ประตูก้าวเดียวเท่านั้น

เพียงไม่นานสวี่ชิงก็เล็งไว้สี่คน ขณะทำปางมือก็ใช้พลังกฎเกณฑ์ออกค้นหา ไม่นานนักเขาก็พบกับผู้บำเพ็ญเผ่าปีกทะยานคนหนึ่ง

นักโทษคนนี้ซ่อนตัวอยู่ในถ้ำใต้ดินแห่งหนึ่ง กำลังนั่งขัดสมาธิ

และพริบตาต่อมา จากการที่จุดที่เขาอยู่ส่งเสียงครืนครัน แผ่นดินแตกระเบิดเป็นรูกว้างขนาดยักษ์ เผ่าปีกทะยานคนนี้ก็หน้าเปลี่ยนสีท่ามกลางเสียงครืนครัน

แม้เขาจะปฏิกิริยาฉับไว แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าพลังที่แท้จริง ก็ไม่มีประโยชน์อันใด

พลังมหาศาลวูบหนึ่งโถมลงมา ฝืนกระชากร่างของเขาขึ้นไปบนท้องฟ้า

ไม่ยอมให้เขาปฏิเสธ และไม่ยอมให้ดิ้นรนแม้แต่น้อย

ด้วยพลังบำเพ็ญต่อสู้ของสวี่ชิง เขาสามารถสะกดนักโทษที่นี่ได้ทั้งหมดภายใต้กฎเกณฑ์

ดังนั้นในพริบตา ขณะที่ด้านนอกสายลมเมฆคำราม ปราณก่อกำเนิดเผ่าปีกทะยานที่ตบสวี่ชิงตายได้ด้วยมือเดียวก็ถูกสวี่ชิงคว้าคอเอาไว้มั่น

“ใต้เท้า”

แม้ว่าในใจจะอดสู แต่ผู้บำเพ็ญปีกทะยานคนนี้ก็ยังเอ่ยอย่างระมัดระวัง เผยสีหน้าเอาอกเอาใจ

สวี่ชิงไม่พูดจา สายตาเย็นเยียบ หลังจากสังเกตอย่างละเอียด ก็โยนเผ่าปีกทะยานคนนี้ทิ้งไว้ใกล้ๆ จากนั้นก็โยนยาลูกกลอนไปหลายเม็ด

ยาลูกกลอนเหล่านี้แฝงปราณวิญญาณที่เข้มข้นไว้ อยู่ด้านนอกก็ถือเป็นลูกกลอนที่ไม่เลว ยิ่งอยู่ที่นี่ก็ยิ่งล้ำค่าขึ้นไปอีก เมื่อนักโทษเผ่าปีกทะยานคนนั้นเห็นก็ตกตะลึง แต่ดวงตาที่เผยออกมากลับไม่ใช่ความดีใจ แต่เป็นความลังเล

เขาเข้าใจดี เมื่อเรื่องผิดปกติเกิดขึ้นมักจะมีอะไรซ่อนอยู่ จึงมองไปทางสวี่ชิงอย่างกระวนกระวาย

“ใต้เท้า นี่คือ…”

“เจ้าจะกินลงไปเอง หรือจะให้ข้ายัดมันลงไปหลังจากเจ้าตาย” สวี่ชิงเอ่ยเสียงเรียบ

นักโทษเผ่าปีกทะยานเริ่มโมโหแล้ว แต่ก็ฝืนระงับ เขารู้ผลลัพธ์ที่ตามมาหากไม่ทำตามจะเป็นอย่างไร จึงกัดฟันกินยาลูกกลอนนั้นทั้งหมด

แต่ก็ยังเหลือความระแวดระวังไว้ ควบคุมความเร็วการสูดรับ

สวี่ชิงขมวดคิ้ว ฟาดฝ่ามือลงไปจนผู้บำเพ็ญเผ่าปีกทะยานคนนี้ร้องเสียงแหลม ร่างเกือบจะแตกดับ หลังจากล้มลงไปก็หายใจรวยริน

แต่เขาก็แค่กายเนื้ออ่อนแอเท่านั้น ปราณวิญญาณภายในจากการที่ยาลูกกลอนผสานเข้าไปจึงฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว หลังจากสวี่ชิงตรวจสอบก็พบว่ายังไม่พอ จึงง้างปากของอีกฝ่ายออก แล้วใส่เข้าไปอีกหลายเม็ด

พริบตาต่อมา ภายใต้การหลอมละลายของยาลูกกลอนเหล่านี้ ระลอกคลื่นที่ใกล้จะทะลวงขั้นก็แผ่ซ่านออกมาจากร่างของผู้บำเพ็ญปีกทะยานคนนี้

ตอนที่เขาถูกจับมาก็เป็นปราณก่อกำเนิดสูงสุด หลายปีมานี้ถึงระดับที่จะทะลวงขั้นแล้ว เพียงแต่การจะขึ้นสู่สมบัติวิญญาณจำเป็นต้องมีวิถีสวรรค์ เห็นได้ชัดว่าเขายังไม่พร้อม การทะลวงขั้นจึงล้มเหลว

แต่…ไม่ว่าจะล้มเหลวหรือไม่ ก็ไม่ส่งผลกระทบกับกฎเกณฑ์ฟ้าดินที่นี่ การก่อร่างดาบทัณฑ์สวรรค์

ระลอกคลื่นนี้ ทำให้ผู้บำเพ็ญปีกทะยานคนนี้พรั่นพรึงทันที เขารู้ว่าสวี่ชิงคิดจะทำอะไร กำลังจะเอ่ยปาก แต่ก็ช้าไป ลมโหมเมฆโถมขึ้นในพริบตาบนท้องฟ้า เมฆาเคราะห์แผ่กระจาย

ผู้บำเพ็ญเผ่าปีกทะยานกรีดร้อง หนีทันที ทะยานออกไปไกล ยิ่งโจมตีใส่ร่างกายของตนเองไม่หยุด คิดจะสะกดพลังบำเพ็ญ ทำให้ทัณฑ์สวรรค์สลายไป

แต่ลงมือได้ไม่กี่ครั้ง ทั่วร่างเขาก็สั่นสะท้าน ร่างหยุดนิ่ง เผยสีหน้าคลุ้มคลั่ง แต่ดวงตากลับยังมีแววหวาดกลัว

ร่างกายราวกับถูกควบคุม ฝืนหันหลังคุกเข่าให้สวี่ชิง เอ่ยด้วยเสียงดัง

“นายท่าน…ข้ายอม…ตาย!”

คำพูดตะกุกตะกัก แสดงว่าเจ้าเงาควบคุมเขาได้ไม่มั่นคง ตอนนี้คำพูดของเผ่าปีกทะยานก็ดูดิ้นรนอย่างรุนแรง สีหน้าเปลี่ยนไป ความคุ้มคลั่งหายไปอย่างรวดเร็ว สีหน้าเปลี่ยนเป็นบิดเบี้ยว ดูเหมือนกำลังจะหลุดพ้น

ตอนนี้ก็มีเสียงอัสนีครืนครันบนท้องฟ้า สายอัสนีนับไม่ถ้วนก่อร่างเป็นดาบสวรรค์ตัดวิถี ฟาดลงมาที่เผ่าปีกทะยานด้านล่างทันที

จังหวะที่ฟาดลงมา เจ้าเงาก็ปลีกตัว เผ่าปีกทะยานที่กลับสู่สภาพปกติย่อมหลบหลีกไม่ทัน ดาบสวรรค์ก็ฟาดลงมาท่ามกลางเสียงกรีดร้อง

เสียงครืนครันกึกก้อง สนั่นไปทั่วทิศ

สวี่ชิงนั่งขัดสมาธิอยู่ที่เดิม ไม่สนใจนักโทษเผ่าปีกทะยานที่ถูกฟันรากฐานทิ้งจนหายใจรวยริน เขาเงยหน้าขึ้นมองดาบสวรรค์ และสัมผัสรับรู้อีกครั้ง

ช่วงเวลาสามร้อยอึดใจ ผ่านไปในพริบตา

จากการที่เมฆาเคราะห์สลายไปช้าๆ ดาบสวรรค์ก็สลายไปเช่นกัน ดวงตาสวี่ชิงฉายแววครุ่นคิด

ครู่ต่อมา เขาลุกขึ้นยืนแล้วเดินตรงไปอีกพื้นที่หนึ่ง หาตัวอย่างที่เหมาะสมรายต่อไป

เวลาก็ผ่านไปหลายวันเช่นนี้

ขณะที่สวี่ชิงทดลองสัมผัสรับรู้หลายต่อหลายครั้ง ก็มาถึงวันที่นัดไว้กับหนิงเหยียน

วันนี้ ท้องฟ้ายามเย็นสีส้มแดงสาดแสงพร่างพราว ราวกับสายน้ำไหลชโลมลงมาบนแผ่นดินใหญ่ รดลงมาที่หลังคาและจุดบันทึกวังครองกระบี่

ที่นั่น มีผู้ครองกระบี่ไม่น้อยเรียงแถวยาว

พวกเขาล้วนเป็นตัวสำรองที่มาจากมณฑลต่างๆ

ในนี้บางคนสีหน้าร้อนรน กำลังเฝ้ารออย่างขมขื่น หนิงเหยียนคือหนึ่งในนั้น

เขาคอยมองออกไปตลอดเวลา กระวนกระวายใจ วิตกกังวล เขารอมาครึ่งค่อนวันแล้ว

ด้านหลังของเขา มีผู้ครองกระบี่กลางคนนั่งทำหน้าเคร่งขรึมอยู่คนหนึ่ง คนผู้นี้พลังบำเพ็ญแก่นลมปราณ ดวงตามีประกายแปลบปลาบแล่นผ่าน เห็นได้ชัดว่าเกิดมาจากชีพจรอัสนีบรรพกาล คลื่นพลังไม่ธรรมดา

ตอนนี้เขาเงยหน้ามองตัวสำรองที่ไกลออกไปเจ็ดแปดคน เอ่ยเสียงเรียบ

“ตัวสำรองส่วนใหญ่ล้วนบันทึกการแนะนำเสร็จสิ้นแล้ว เหลือแต่พวกเจ้า

“พวกเจ้าหาผู้แนะนำจากมณฑลของตนมาได้หรือไม่”

ตัวสำรองเจ็ดแปดคนนี้หน้าขมขื่น บางคนอ้าปากจะอธิบาย บางคนนิ่งเงียบไม่พูดจา

หนิงเหยียนรีบร้อนพยักหน้า คารวะแก่ผู้ครองกระบี่กลางคน

“รบกวนท่านรออีกหน่อยเถิด คนที่รับปากจะแนะนำข้ามาแน่นอน”

หนิงเหยียนลังเล ไม่ได้พูดชื่อสวี่ชิงออกมา เขาไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายจะมาจริงหรือไม่ หากตนบอกออกไป แต่เขากลับไม่มา เรื่องนี้รู้ถึงไหนอายถึงนั่น

อีกอย่างตัวสำรองครั้งนี้ เขาร่วมทดสอบพร้อมกับคนที่มีฐานะแบบเดียวกันจากมณฑลอื่นตอนก่อนหน้านี้เพื่อช่วงชิงอันดับหนึ่งของตัวสำรอง ต่างฝ่ายต่างแข่งขันกันอย่างดุเดือด ยากที่จะหลีกเลี่ยงความขัดแย้ง

บทที่ 436 เมื่ออสูรสมุทรบรรพกาลผงาด (1) 1

Verify captcha to read the content.ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา