เข้าสู่ระบบผ่าน

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา นิยาย บท 439

บทที่ 439 เฉินเอ้อร์หนิว : ข้าตาบอดแล้ว

มองจื่อเสวียน สวี่ชิงลังเลเล็กน้อย ในสมองมีขุนเขาและพันธนาการที่นายกองพูด

ตอนนั้นเขารู้สึกว่าที่นายกองพูดมาก็มีเหตุผล และในช่วงนี้ก็ยุ่งอยู่กับการสัมผัสรับรู้ ดังนั้นระหว่างนี้จึงแค่สื่อเสียงถามจื่อเสวียนเกี่ยวกับเรื่องมรรคาสวรรค์เท่านั้น ไม่ได้พูดคุยอะไรมาก และไม่ได้พบหน้ากัน

ตอนนี้มองจอมเซียนจื่อเสวียน สวี่ชิงประสานหมัดคารวะ

“คารวะผู้อาวุโส”

ได้ยินคำเรียกของสวี่ชิง คิ้วงามของจื่อเสวียนเลิกขึ้น หลังจากประเมินสวี่ชิงอยู่หลายผาด ในใจเกิดความคาดเดามากมาย นางรู้สึกว่าไม่ค่อยชอบมาพากล

จากเมื่อสองเดือนก่อน นางรู้สึกว่าความรู้สึกของสวี่ชิงเหมือนจะเปลี่ยนแปลงไปแล้ว ตอนนี้ความรู้สึกนี้ยิ่งชัดเจน อย่างไรเสียเทียบกับผู้ชายแล้ว การสังเกตรายละเอียดของผู้หญิงเฉียบคมยิ่งกว่า

‘หรือเฉินเอ้อร์หนิวนั่นจะคันเนื้อคันตัว อยากจะโดนดีอีกรอบหรือ’

จื่อเสวียนเดาประเด็นสำคัญได้ในทันที แต่กลับไม่แสดงท่าที หลังจากก้าวเข้าไปในหอกระบี่ก็ยกมืองามขึ้น แล้วโบกเบาๆ

ทันใดนั้นประตูหอกระบี่ข้างหลังก็ปิดดังปัง

ชายหญิงไร้พันธะอยู่กันเพียงลำพัง หลังจากอยู่ในห้องเดียวกันแล้ว จื่อเสวียนก็นั่งขัดสมาธิลงอย่างอ่อนหวาน เอาขวดลูกกลอนออกมาขวดหนึ่ง

“สวี่ชิง ก่อนหน้านี้เจ้าlnjvเสียงมาบอกว่าจะออกไปข้างนอก จะเดินทางไกลไปจากเขตปกครองผนึกสมุทรใช่หรือไม่”

สวี่ชิงพยักหน้า

“เช่นนั้นแล้ว การคุ้มครองในตัวเจ้าก็ไม่ค่อยพอ มานั่งตรงนี้” จื่อเสวียนมองสวี่ชิง เอ่ยเสียงอ่อนโยน

สายตานี้ทำให้สวี่ชิงทอดถอนในใจ เดินไปเงียบๆ นั่งขัดสมาธิลงตรงข้ามกับจื่อเสวียน

ระยะที่ใกล้กันเพียงนี้ กลิ่นหอมที่คุ้นเคยปะทะหน้ามาอีกครั้ง ลอยอวลในจมูกสวี่ชิง วนเวียนในจิตใจ

“ในตัวเจ้าน่าจะมีการคุ้มครองที่อาจารย์เจ้ามอบให้ แต่หากเจ้าไปจากเขตปกครองผนึกสมุทร เจ้ายังขาดวิชาซ่อนกายอำพราง” จื่อเสวียนวางขวดในมือไว้ข้างๆ

“ในขวดยาลูกกลอนขวดนี้เป็นเลือดของจักรพรรดิกระบี่ที่ข้าได้รับแบ่งมาจากศึกครั้งที่จักรพรรดิในแดนต้องห้ามเสียงวิญญาณออกมาข้างนอกสร้างความเดือดร้อนปั่นป่วนให้กับมณฑลรับเสด็จราชัน สำนักต่างๆ ในมณฑลได้รวมใจกันร่วมมือกับโถงครองกระบี่สยบกำราบ

“หลายปีมานี้ข้าสัมผัสรับรู้ผ่านจากเลือดนี่ ได้ผลสัมฤทธิ์อยู่ ตอนนี้เหลือไม่มาก วันนี้ข้าใช้เลือดของจักรพรรดิกระบี่ร่วมกับมรรคาของตัวข้าเอง วาดเป็นยันต์ซ่อนอำพรางให้กับเจ้าแผ่นหนึ่ง

“เนื่องจากใช้เลือดจักรพรรดิกระบี่เป็นหมึกวาดยันต์ ดังนั้นทันทีที่ยันต์นี้ก่อตัวก็จะมีระดับที่สูงมาก ในระยะเวลาสั้นๆ สามารถปกปิดกลิ่นอายทุกอย่างของเจ้า ทำให้คนนอกมองตัวตนเผ่ามนุษย์ของเจ้าไม่ออก และมองโฉมหน้าที่แท้จริงของเจ้าไม่ออก”

สวี่ชิงได้ยินก็ใจสั่นสะท้าน มองไปทางขวดลูกกลอนที่จอมเซียนจื่อเสวียนวางไว้ข้างๆ เขารู้เป็นอย่างดีว่าสิ่งนี้มีราคามหาศาล ในใจเกิดระลอกคลื่นจากคำพูดของจอมเซียนจื่อเสวียน

“นอกเสียจากเจ้าจะหาเรื่องผู้แข็งแกร่งระดับหวนสู่อนัตตาขั้นสี่ แต่ว่าผู้แข็งแกร่งประเภทนี้ไม่ว่าจะอยู่ที่ใดล้วนเป็นพวกผู้สูงส่งยิ่งใหญ่ทั้งนั้น โอกาสที่เจ้าจะได้เจอก็ไม่ได้มากนัก

“แต่เจ้าจงจำเอาไว้ให้ขึ้นใจ เวลาการสำแดงพลังของยันต์โลหิตนี้ยากที่จะยาวนาน อย่างมากสามเดือนก็จะสลายไป” เสียงจอมเซียนจื่อเสวียนอ่อนโยน เอ่ยเน้นย้ำกำชับ

สวี่ชิงอ้าปากอยากจะพูดอะไร แต่ยังไม่ทันจะได้พูด มุมปากของจื่อเสวียนก็ยกขึ้น แย้มรอยยิ้ม

“เจ้าไม่ต้องพูดคำตามมารยาทแล้ว ถอดเสื้อออกเสีย”

สวี่ชิงอึ้งตะลึงไปทันที

“อึ้งอะไร ยันต์ย่อมต้องวาดบนตัวเจ้า” จื่อเสวียนกะพริบตาปริบๆ ในดวงตาแฝงด้วยแววหยอกล้อ

หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น สวี่ชิงไม่มีทางลังเล แต่เผชิญหน้ากับจอมเซียนจื่อเสวียนเขามักจะตื่นเต้นทำตัวไม่ถูก แต่เขารู้ความสำคัญของยันต์ซ่อนอำพราง จึงสูดลมหายใจลึก ถอดชุดนักพรตออก เผยให้เห็นกายท่อนบนที่กล้ามเนื้อชัดเจน

สายตาของจื่อเสวียนกวาดไป ดวงหน้างามแดงเล็กน้อย มือขวายกขึ้นชี้ไปที่ไหล่ของสวี่ชิง

ทันใดนั้นสวี่ชิงก็นั่งสมาธิหันหลังให้จื่อเสวียน

“ใจต้องสงบนะ”

จื่อเสวียนพ่นลมหายใจหอมละมุน เสียงประดุจขนนกดังกระทบต้องมาทางสวี่ชิงทางนี้ วาดผ่านจิตใจ เกิดเป็นระลอกคลื่นเป็นระลอก

สวี่ชิงตื่นเต้นมาก ตั้งแต่เล็กจนโตเขาไม่เคยมีประสบการณ์แบบนี้มาก่อน หัวใจเต้นเร็วรัวขึ้นตามสัญชาตญาณ ในขณะที่ร่างเกร็งแข็งทื่อ จอมเซียนจื่อเสวียนที่อยู่ข้างหลังเขาตอนนี้ก็ถือขวดลูกกลอนขึ้นมา หลังจากเทเลือดสีทองออกมาหยดหนึ่ง สีหน้าก็แปรเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมจริงจัง

“สวี่ชิง ยันต์นี้ซับซ้อนมาก ต้องทำให้สำเร็จในรวดเดียว ไม่สามารถหยุดกลางคันได้”

ขณะพูด นิ้วเรียวยาวขาวสะอาดของจอมเซียนจื่อเสวียนก็ยกขึ้น แตะเลือดจักรพรรดิกระบี่แดนต้องห้ามเสียงวิญญาณ แตะไปที่ผิวบนหลังสวี่ชิง ลากอย่างแผ่วเบา เริ่มวาดยันต์

นิ้วของนางในยามวาดประเดี๋ยวช้าเนิบช้า ประเดี๋ยวเร็ว เคลื่อนไปที่หลังสวี่ชิง ทุกที่ที่วาดผ่านนอกจากจะวาดเป็นรอยสีทองแล้ว ยังสร้างความสั่นสะท้านเบาๆ บนผิวสวี่ชิง

ขนทุกเส้นล้วนตั้งชันในเสี้ยวขณะนี้

และความรู้สึกที่นิ้วมือลากผ่านบนร่างแบบนั้นก็เหมือนเส้นผมกำลังลากผ่านคลอเคลีย จากผิวซึมซาบไปในใจ แปรเปลี่ยนเป็นระลอกคลื่นมากยิ่งขึ้น หลังจากที่มากขึ้นเรื่อยๆ หนังศีรษะของสวี่ชิงก็ชาวาบขึ้นอย่างอดไม่ได้

หัวใจเต็นเร็วขึ้นเรื่อยๆ ไม่มีทางที่ลมหายใจจะไม่ถี่กระชั้นเลย

สุดท้ายสวี่ชิงก็กัดฟัน หลังจากสูดลมหายใจลึกหลายครั้ง ในสมองก็มีตำราสมุนไพรผุดขึ้นมา ท่องในใจเบาๆ

วิธีนี้ได้ผลจริงๆ ใจของเขาค่อยๆ สงบลง

เวลาก็ค่อยๆ ผ่านไปเช่นนี้เอง

หลังจากท่องตำราสมุนไพรไปสามรอบ จากแสงรุ่งอรุณที่สาดทอข้างนอก หน้าผากสวี่ชิงมีเหงื่อผุดบางๆ ส่วนยันต์ซ่อนอำพรางที่จื่อเสวียนวาดให้เขาในที่สุดก็สำเร็จไปกว่าครึ่งแล้ว

“จากนี้ก็จะเป็นข้างหน้า” เสียงของจื่อเสวียนก็มีจุดที่ไม่เหมือนกับที่ผ่านๆ มาไปบ้างเล็กน้อย ไม่รอให้สวี่ชิงได้วิเคราะห์อย่างละเอียด เสี้ยวขณะต่อมา ร่างของเขาภายใต้การแตะเบาๆ จากจื่อเสวียนก็หมุนเป็นครึ่งวงกลมมาทันที

หันหน้าเข้าหาจื่อเสวียน

ลมหายใจหอมกรุ่นต้องใบหน้าสวี่ชิงอย่างเลี่ยงไม่ได้ เขากระทั่งเห็นขนตาที่กระพือเบาๆ และไรขนอ่อนๆ บนใบหน้าของนางอย่างชัดเจน ทั้งยังมีปุยเมฆแดงที่ลอยขึ้นมาบนผิวอย่างรวดเร็วนั่น

‘นางก็ตื่นเต้นเหมือนกันหรือ’

บทที่ 439 เฉินเอ้อร์หนิว : ข้าตาบอดแล้ว 1

บทที่ 439 เฉินเอ้อร์หนิว : ข้าตาบอดแล้ว 2

Verify captcha to read the content.ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา