บทที่ 440 ทำการใหญ่ เป็นสิ่งที่พวกเราตั้งใจ
หลังเที่ยง
บนท้องฟ้าที่ไร้เมฆ แสงตะวันในฤดูหนาวเปล่งแสงเจิดจ้าแยงตาที่สุดของวันออกมา ทอดลงบนแนวเขาน้ำหมึกที่อยู่ห่างจากเมืองหลวงเขตปกครองเล็กน้อย
ที่มีชื่อนี้ เพราะสภาพพื้นดินที่นี่มีแต่สีดำและขาว ไม่มีพืชพันธุ์ใดอยู่เลย มีเพียงงูชนิดหนึ่งทีชื่อว่าน้ำหมึกเท่านั้นที่อยู่ที่นี่
หินผาสองสีซ้อนทับกัน มองไกลๆ เหมือนมีคนกางภาพวาดน้ำหมึกไว้ในที่นี่
เวลานี้ ยอดเขาแห่งหนึ่งของภาพวาดน้ำหมึก มีคนนั่งอยู่หกคน
ทั้งหกคนนี้แบ่งแยกกันอย่างชัดเจน คนหนึ่งนั่งคนเดียว คนหนึ่งอยู่ตรงกลาง สี่คนที่เหลืออยู่ด้านหลัง
คนที่นั่งแยกตัวออกมาคือนายกอง สีหน้าเขาภาคภูมิใจ นั่งขัดสมาธิอยู่บนจุดสูงที่สุด มองข้ามสวี่ชิง มองลงมาที่สี่คนด้านหลัง
สี่คนด้านหลังคือ ข่งเสียงหลง ซานเหอจื่อ หวังเฉินรวมถึงเยี่ยหลิง พวกเขาไม่สนใจนายกอง เวลานี้นั่งมองสวี่ชิงที่นั่งอยู่ตรงกลาง แต่ละคนมีความอยากรู้อยากเห็นอย่างแรงกล้า
ที่นี่ คือที่ที่สวี่ชิงนัดหมายกับข่งเสียงหลงไว้ โดยฝ่ายหลังจะร่วมมือกับสวี่ชิง เล่นละครฉากหนึ่ง
“เช่นนั้น พวกเราเริ่มเลยดีหรือไม่” ขณะที่ข่งเสียงหลงกำลังรอ นายกองก็เอ่ยราบเรียบ
สวี่ชิงพยักหน้า
นายกองเชิดหน้า แสดงท่าทีแยกตัวออกมา ล้วงขวดลูกกลอนออกมาสองใบ โยนให้สวี่ชิงใบหนึ่ง
“ในขวดลูกกลอนทุกใบจะมีลูกกลอนจันทราปีศาจฟ้าทมิฬอยู่หนึ่งเม็ด หลังจากเรากินไปแล้ว จะปรับเปลี่ยนโครงสร้างร่างกายและเลือดเนื้อได้อย่างแท้จริง เช่นนี้หลังจากกลายเป็นเผ่าฟ้าทมิฬก็ปะปนกับพวกตัวจริงได้”
เมื่อนายกองพูดออกมา ข่งเสียงหลงก็เลิกคิ้วขึ้นอย่างรู้สึกเกินคาดนิดๆ ส่วนซานเหอจื่อข้างๆ สูดลมหายใจ สีหน้าตื่นเต้น
“ลูกกลอนจันทราปีศาจฟ้าทมิฬ? นี่เป็นลูกกลอนลับสุดยอดของเผ่าอาภรณ์ มูลค่าไม่ธรรมดาเห็นได้น้อยมาก ได้ยินว่าวัตถุดิบของยาลูกกลอนแต่ละเม็ดแปรมาจากคนในเผ่า!”
หวังเฉินกับเยี่ยหลิงก็ตกตะลึง มองไปทางเฉินเอ้อร์หนิว
นายกองทำท่าไม่ยี่หระ เอ่ยอย่างใจเย็น
“ลูกกลอนนี้ก็ธรรมดานะ เดิมทีมีตัวเลือกที่ดีกว่านี้ แต่เผ่าอาภรณ์ติดค้างน้ำใจข้าอยู่ หลังจากรู้ความต้องการข้า ก็ข้ามน้ำข้ามทะเลเอามาส่งให้ข้าที่เมืองหลวงเขตปกครอง คุกเข่าอยู่เจ็ดวันเจ็ดคืนอ้อนวอน เฮ้อ ปฏิเสธน้ำใจยาก ข้าจึงทำได้แค่รับมา”
สวี่ชิงสีหน้าแปลกประหลาด หยิบยาลูกกลอนกวาดตามองนายกอง จากนั้นก็มองพวกข่งเสียงหลงที่กำลังขมวดคิ้ว เห็นได้ชัดว่าทุกคนไม่ได้เชื่อคำพูดเหล่านี้ของนายกองเลย
นายกองส่ายหน้าถอนหายใจ ทำท่าไม่ค่อยอยากจะพูดเรื่องนี้เท่าไรนัก ล้วงยาลูกกลอนออกมาจากขวด
เมื่อยาลูกกลอนปรากฏ แสงแดงก็พร่างพราว เจิดจ้าแยงตา และมีกลิ่นหอมประหลาดฟุ้งออกมา เมื่อสวี่ชิงดมก็รู้สึกเหมือนเนื้อเต้น เห็นได้ชัดว่าไม่ธรรมดา
ขณะที่นายกองกลืนยาลูกกลอนนี้ลงไปต่อหน้าทุกคน ร่างสั่นเทิ้ม นอกร่างก่อเป็นเสื้อผ้าอย่างเห็นได้ชัดด้วยตาเนื้อ
ชุดสีเทาทั้งชุด ค่อยๆ คลุมตัวนายกองทั้งตัว
จากนั้นร่างก็หดลงฉับพลัน ร่างกายของนายกองเปลี่ยนแปลงไปตามขนาดของเสื้อผ้าทันที แขนขาเล็กลง ร่างกายก็ผอมแห้ง แต่หัวกลับใหญ่ขึ้น หนังตาหายไป สองตาเบิกโพลง
เส้นผมก็เปลี่ยนไปตามเสื้อที่คลุมเช่นกัน แต่ละเส้นกลายเป็นหนามแหลมเหมือนเม่น
เผ่าฟ้าทมิฬคนหนึ่ง ปรากฏออกมาเช่นนี้ต่อหน้าทุกคน
ภาพประหลาดมหัศจรรย์นี้ ทำให้ดวงตาพวกข่งเสียงหลงเผยแววประหลาดใจ แม้พวกเขาส่วนใหญ่จะเคยได้ยินว่ามีลูกกลอนมหัศจรรย์นี้อยู่ แต่เมื่อได้มาเห็นกับตาวันนี้ ก็ยังรู้สึกว่าเหลือเชื่อ
เมื่อสวี่ชิงเห็นนายกองเปลี่ยนไปเช่นนี้ ก็ล้วงยาลูกกลอนออกมาอย่างไม่ลังเล หลังจากกลืนลงไปเขาก็สัมผัสได้ว่าเลือดเนื้อของตนถูกเปลี่ยนแปลงไปในพริบตา ราวกับว่าแบ่งส่วนหนึ่งออกไปนอกร่างกาย กลายเป็นเสื้อผ้าของเผ่าฟ้าทมิฬ
พริบตาต่อมา หน้าตาของสวี่ชิงก็เปลี่ยนไปท่ามกลางสายตาของพวกข่งเสียงหลง และกลายเป็นเผ่าฟ้าทมิฬไปเช่นกัน
ผิวหนังสีเทา ร่างกายผอมแห้ง ศีรษะใหญ่โต หนามแหลมเต็มหัว
ส่วนเสื้อผ้าบนตัวก็ถักทอตามมา
เสื้อผ้าไม่ใช่ชุดนักพรต แต่เป็นเกราะสีแดงเข้มปกปิดเต็มตัว ดูแล้วประหลาดมาก
“เลือดของเผ่าฟ้าทมิฬเป็นสีดำ นอกจากนี้แม้กลิ่นอายพวกเจ้าจะไม่มีจุดบกพร่อง แต่คำพูดและวิชาเวทของเผ่าฟ้าทมิฬก็แตกต่างกับเผ่ามนุษย์” ขณะที่มองสวี่ชิงกับเฉินเอ้อร์หนิว ข่งเสียงหลงก็สะกดความคิดบุ่มบ่ามอยากจะเข้าร่วมลงไป เอ่ยเตือนขึ้นมา
“เรื่องนี้ย่อมอยู่ในการเตรียมการของสกุลเฉินอย่างข้า” นายกองยิ้มอย่างจองหอง โยนหินสีดำก้อนหนึ่งให้สวี่ชิง
“สิ่งนี้คือหินเลือดดำ หลังจากกินไปสีเลือดในร่างกายจะเปลี่ยนไปในระยะสั้น”
พูดจบ นายกองก็กลืนลงไป จากนั้นก็กัดตัวเองคำหนึ่ง บริเวณที่เนื้อฉีกมีเลือดสดสีดำไหลรินออกมา เมื่อรวมกับกลิ่นอาย ก็เหมือนกับเผ่าฟ้าทมิฬไม่ผิดเพี้ยน
“ส่วนเรื่องวิชาเวท…” นายกองที่กลายเป็นเผ่าฟ้าทมิฬไปแล้ว ดวงตาสีดำทั้งคู่เปล่งประกายหม่น อากาศตรงหน้าเขาก็บิดเบี้ยวทันที ก่อเป็นหอกยาวเลือนลางเล่มหนึ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว
จากนั้นเขาก็ยกมือขวาขึ้น โบกไปด้านนอก ร่างสั่นเทิ้มฉับพลัน พริบตาต่อมาเหล่างูน้ำหมึกนับไม่ถ้วนในภูเขานี้ก็ส่งเสียงฟ่อๆ เลื้อยมารวมกันจากทั้งสี่ทิศแปดทาง ชูคอไปทางนายกองทางนั้น เหมือนรอรับคำสั่งจากเขา
ภาพนี้ทำให้ซานเหอจื่อลุกพรวดขึ้นมาทันที หวังเฉินกับเยี่ยหลิงก็สูดลมหายใจ เผยแววเหลือเชื่อออกมา ดวงตาข่งเสียงหลงเปล่งประกาย
อันที่จริง…ทั้งหมดทั้งมวล เหมือนกับเผ่าฟ้าทมิฬในความทรงจำของพวกเขาไม่ผิดเพี้ยน สยบทาสทุกเผ่าพันธุ์ สร้างสิ่งของจากความว่างเปล่า
กระทั่งหากไม่ได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของอีกฝ่ายกับตา ตอนนี้พวกเขาคงคิดว่า เฉินเอ้อร์หนิวเป็นเผ่าฟ้าทมิฬไปแล้ว
สวี่ชิงก็ตกตะลึงเช่นกัน
เห็นปฏิกิริยาของทุกคน นายกองก็ยิ้มอย่างมีเลศนัย เมื่อโบกมือฝูงงูก็สลายตัว หอกยาวหายไป จากนั้นก็เอ่ยอย่างมีความนัย
“ศิษย์น้องสวี่ ครั้งนี้ศิษย์พี่ใหญ่จะพาเจ้าไปทำการใหญ่ หลังจากนี้ก็อย่าออกไปทำภารกิจกับคนอื่นมั่วซั่ว แต้มกองทัพน้อยเกินไป เรื่องรับภารกิจ ต้องดูว่าใครนำกลุ่ม”
ข่งเสียงหลงแค่นเสียงเย็นชา
สวี่ชิงยิ้มขื่น กลืนหินสีดำในมือลงไป หลังจากเปลี่ยนเลือดของตนแล้ว เขาก็รู้สึกสนใจว่านายกองใช้วิชาของเผ่าฟ้าทมิฬได้อย่างไร แต่เมื่อคิดถึงความลับของนายกองแล้ว เรื่องนี้จริงๆ ก็เหมือนไม่ได้น่าอัศจรรย์อะไรนัก
‘ข้าก็น่าจะทำได้’ สวี่ชิงครุ่นคิด นึกถึงดวงตาเผ่าฟ้าทมิฬที่ตนศึกษามาสามวันนั่น
“เช่นนั้น ศิษย์น้องเล็ก กฎเดิม’ นายกองกวาดตามองพวกข่งเสียงหลง จากนั้นก็มองสวี่ชิง เลียริมฝีปาก
เมื่อสวี่ชิงได้ยินก็เข้าใจ ดวงตาสีดำกลมโตเผยความลังเลออกมา พยักหน้า


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา