บทที่ 441 วัวหนุ่มสาวเท้าหนี
บนเทือกเขาน้ำหมึก สวี่ชิงกับนายกองกำลังหลบหนีบนท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว
เกราะสีเลือดบนตัวพวกเขาตอนนี้พังไปแล้วกว่าครึ่ง บาดแผลทั่วทั้งตัวน่าสยดสยอง
มีแผลไม่น้อยกำลังเน่าเปื่อย กลิ่นอายอ่อนลงมาก
ยิ่งบนตัวคนทั้งสองยังมีบาดแผลถึงแก่ชีวิตอยู่บางแห่ง มือข้างของสวี่ชิงหนึ่งเป็นอัมพาตไปแล้ว ท้องก็มีรูหลายรู เลือดเนื้อตำแหน่งหัวใจเหวอะหวะ ราวกับเคยระเบิดแล้วฝืนช่วยชีวิตกลับมา
ส่วนนายกองก็เช่นกัน ที่หนักหนาที่สุดนอกจากบาดแผลที่ตำแหน่งไตแล้ว ยังมีที่คอด้วย ราวกับว่าอีกนิดเดียวก็จะขาดจากกัน
แต่ก็อดพูดไม่ได้ว่าพลังชีวิตของเผ่าฟ้าทมิฬแข็งแกร่งจริงๆ ต่อให้มีบาดแผลเช่นนี้ แต่พวกเขายังคงเหินทะยานได้สุดกำลัง ขณะที่เลือดสาดกระจาย สายตาของทั้งสองคนยังมีแววดื้อรั้นและเย็นชาอยู่
ราวกับว่าสำหรับพวกเขาแล้วความตา ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร
ด้านหลังพวกเขา พวกซานเหอจื่อกำลังไล่ตามมาอย่างเร็วรี่
ข่งเสียงหลงไม่อยู่ เวลานี้เขาทะยานสุดกำลังอยู่อีกด้าน รีบตรงมาที่จุดสัญลักษณ์
ขณะที่ไล่ตามมา พวกของซานเหอจื่อก็แผ่ปราณพิฆาต จิตสังหารรุนแรง ประกบปางมือ คลื่นวิชาเวทมีปราณเลือดเข้มข้นกว่าเดิม
เสียงอื้ออึงดังก้องไม่หยุดในตอนนี้ ส่วนสวี่ชิงกับนายกองก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน เวลานี้ในสายตานายกองมีประกายเย็นเยียบ ฉับพลันด้านหลังมีหอกยาวมากมายปรากฏขึ้น พุ่งหวีดหวิวไปด้านหลัง
นี่ไม่ใช่วิชาของเผ่ามนุษย์ แต่เป็นเคล็ดวิชาที่สำแดงออกมาของเผ่าฟ้าทมิฬ พลานุภาพตกตะลึง
การโต้กลับของสวี่ชิงเฉียบคมยิ่งกว่า สองตาเขาเปล่งแสงสีดำเจิดจ้าในพริบตาพลันหันหน้ากลับมา เปลี่ยนพื้นที่ด้านหลังเป็นสีดำ ราวกับท้องฟ้าปรากฏปานดำ แผ่ขยายอย่างรวดเร็วกลายเป็นรูปร่างฝ่ามือ ตะปบไปทางพวกซานเหอจื่อ
สีดำเหมือนกลืนกินแสงตะวันได้ ทอดขึ้นไปนับร้อยจั้งในพริบตา ดูแล้วน่าตกตะลึงมาก
ภาพนี้ทำให้พวกซานเหอจื่อใจสั่น จนเกือบคิดว่าเจอกับเผ่าฟ้าทมิฬจริงๆ
นายกองทางนั้นก็ใจเต้น วิธีเช่นนี้จะเป็นวิชาเวทเผ่าฟ้าทมิฬต้นฉบับที่สุด
ท่ามกลางเสียงครืนครัน พวกซานเหอจื่อก็ไม่ถอยหนี ลงมือสุดกำลังสลายแสงสีดำเหล่านั้น ตอนที่ในใจต่างมีความคิด สวี่ชิงก็ยังไม่จบการลงมือ
ร่างของเขาหยุดทันควัน ตอนที่หันหน้าไปทางพวกซานเหอจื่อ ลมหายใจก็หอบถี่ ประกายคมสีดำในดวงตาเจิดจ้าขึ้นอีกครั้ง แผ่สีดำออกมามหาศาล
เขาค่อยๆ ยกมือขวาขึ้น คว้าไปที่พวกซานเหอจื่ออย่างแรง
ภายใต้การคว้านี้ พลังจิตที่แข็งแกร่งระเบิดโหมขึ้นฟ้า ทำให้การคว้าของสวี่ชิงที่คว้าไปส่งๆ เปี่ยมไปด้วยพลังที่เป็นรูปธรรมแท้จริง ทว่าไม่ได้เหมือนมือยักษ์สีดำที่เป็นภาพมายาก่อนหน้า แต่เป็น…การควบคุม!
ชั่วอึดใจ ร่างของซานเหอจื่อที่อยู่ด้านหน้าสุด ดวงตาฉายแววกระเสือกกระสน แต่ไม่นานก็เลิกดิ้นรน หันหน้าไปทางหวังเฉินฉับพลัน ดวงตาเผยประกายโหดเหี้ยม
ปราณเลือดปะทุขึ้นทั่วร่าง พุ่งไปหาหวังเฉินอย่างรวดเร็วราวกับควบคุมร่างกายไม่ได้ คิดจะลงมือกับหวังเฉิน
การเปลี่ยนแปลงกะทันหันนี้ ทำให้หวังเฉินหน้าเปลี่ยนสี เยี่ยหลิงก็ตกตะลึง
ทั้งสองคนไล่ตามไปไม่ทัน รีบลงมือห้ามซานเหอจื่อ เยี่ยหลิงแปลงเป็นปีศาจ พ่นเลือดสดออกมากลายเป็นกระบี่อย่างไม่เสียดาย ฟาดไปเบื้องหน้าซานเหอจื่อ
นี่เป็นเคล็ดวิชารับมือการควบคุมจิตวิญญาณโดยเฉพาะ เยี่ยหลิงนึกถึงวิธีการรับมือกับพรสวรรค์ของเผ่าฟ้าทมิฬที่ข่งเสียงหลงเคยกล่าวไว้ก่อนหน้านี้
เมื่อฟันลงไป ก็มีเสียงครืนครันราวกับเส้นด้ายล่องหนบางอย่างขาดสะบั้น
ซานเหอจื่อสะท้านไปทั้งตัว กลับมาเป็นปกติ แต่สีหน้ากลับสิ้นหวัง ความพรั่นพรึงฉายอยู่ในดวงตา
หัวสมองสวี่ชิงอื้ออึงเล็กน้อย กระอักเลือดออกมา สีหน้าฉายแววอ่อนล้า หนีต่อไปโดยไม่หันกลับมามอง
ขณะที่ผ่านขบวนรถเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์ด้านล่าง เขาก็ไม่ได้ลังเลแม้แต่น้อย สีหน้าเย็นชา ยกมือขวาขึ้นตบที่พื้นดิน
ฉับพลันอสูรสี่ขาตัวหนึ่งก็สั่นไปทั้งตัว ถูกควบคุมให้ลอยขึ้นมากลางอากาศ ร่างบิดเบี้ยวราวกับถูกความว่างเปล่าบดขยี้อย่างเห็นได้ด้วยตาเนื้อ เพียงพริบตาเลือดเนื้อก็แหลกเละ พลังชีวิตของมันถูกสูบออกมาทั้งอย่างนั้นพุ่งมาหาสวี่ชิง
เมื่อสวี่ชิงสูดเข้าไป ก็ผสานพลังชีวิตเข้าไปในร่างกาย ความอ่อนล้าบนใบหน้าหายไปเล็กน้อยอย่างชัดเจน ตอนที่คิดจะไปต่อ พวกซานเหอจื่อด้านหลังก็ไล่ตามมาอีกครั้ง
สวี่ชิงโบกมือแค่นเสียงเย็นชา ผู้บำเพ็ญเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์หลายสิบคนตัวลอยขึ้นมากลางอากาศขณะกำลังพรั่นพรึง และอสูรสี่ขาอีกเจ็ดแปดตัวก็ลอยตามขึ้นมาเช่นกัน ถูกสวี่ชิงควบคุมให้ตรงไปทางซานเหอจื่อ
ดวงตาพวกเขาเผยความเกลียดชังขึ้นในพริบตา ราวกับพวกซานเหอจื่อจะอยู่ร่วมโลกกับพวกเขาไม่ได้ คำรามพุ่งไป
เสร็จเรื่องเหล่านี้ สวี่ชิงก็ทะยานหวีดหวิวไปไกล
นายกองที่อยู่ใกล้ๆ ค่อนข้างงุนงง การแสดงของสวี่ชิงทำให้เขารู้สึกเกินคาดมาก และไม่สอดคล้องกับแผนการเท่าไร แต่เขาไม่นานก็ได้สติกลับมา สะกดระลอกคลื่นในใจ พุ่งทะยานไปกับสวี่ชิง
เหาะเหินไปไกลอย่างรวดเร็ว
กลางอากาศ พวกซานเหอจื่อโทสะคุกรุ่น ลงมือทันที ร่างของเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์ที่ลอยมาแหลกเละในพริบตาท่ามกลางเสียงครืนครัน ถูกพวกซานเหอจื่อทั้งสามกวาดล้างเกลี้ยงอย่างง่ายดาย
แต่ที่ประหลาดก็คือเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้ไม่มีใครกรีดร้องออกมา ต่อให้ในช่วงสุดท้ายก่อนตายจะยังเดียดฉันท์เต็มเปี่ยม
ส่วนบนพื้นดิน ขบวนรถเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์ก็ปั่นป่วนจากการลงมือก่อนหน้าของสวี่ชิง ผู้บำเพ็ญที่เหลือด้านล่างแต่ละคนพรั่นพรึงกันหมด แม้แต่ผู้บำเพ็ญแก่นลมปราณในบรรดานั้น ก็ร้อนรนสุดขีด สีหน้าเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว
และขณะเดียวกัน ชายหนุ่มพลังต่อสู้หกวังสวรรค์ก็ทะยานขึ้นฟ้าทันที
“วังครองกระบี่เผ่ามนุษย์ทุกท่าน พวกเราคือขบวนรถจากรัฐยอดฟ้าของเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์ มีหนังสือจากโหวเหยาเขตปกครองผนึกสมุทรของพวกเจ้า!” ขณะที่พูด ชายหนุ่มก็ล้วงแผ่นหยกชิ้นหนึ่งออกมาบีบอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นก็มีอักขระแถวหนึ่งปรากฏขึ้น
นั่นเป็นอักขระของตระกูลเหยา เป็นตัวแทนของการคุ้มครอง!
เสร็จเรื่องเหล่านี้ เขาก็มองพวกซานเหอจื่อทั้งสามด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
พวกซานเหอจื่อทั้งสามสีหน้าปั้นยาก แค่นเสียงเย็นชาออกมา ไม่สนใจขบวนรถเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์ กระโจนผ่านพวกเขาไป ไล่ไปตามทิศทางที่สวี่ชิงกับนายกองหนีต่อ
ขณะที่ไล่ตาม ทั้งสามคนก็มองหน้ากันตามสัญชาตญาณ ล้วนเห็นความสงสัยและความสั่นสะเทือนในใจ
การลงมือของเฉินเอ้อร์หนิว สำหรับพวกเขายังถือว่าปกติ แต่ของสวี่ชิงทางนั้น…ทำให้จิตใจพวกเขาโหมคลื่นยักษ์
การลงมือสองครั้งของสวี่ชิง ไม่เพียงแต่เป็นวิธีการของเผ่าฟ้าทมิฬเท่านั้น แต่พลานุภาพกลับน่ากลัว สัมผัสได้ว่าไม่ใช่เผ่าฟ้าทมิฬธรรมดาทั่วไป
กระทั่งถ้าไม่ได้เห็นการแปลงร่างของสวี่ชิงก่อนหน้านี้ รวมถึงแสงหมื่นจั้งจากการหยั่งใจของสวี่ชิง พวกเขาคงรู้สึกว่าอีกฝ่ายนั้นเป็นเผ่าฟ้าทมิฬจริงๆ
โดยเฉพาะการควบคุมซานเหอจื่อที่ดูเหมือนจะควบคุมแค่กายเนื้อ แต่เยี่ยหลิงกับหวังเฉินเห็นกับตาว่าตอนนั้นซานเหอจื่อไม่ได้ถูกควบคุมแค่ร่างกาย แต่กระทั่งสติสัมปชัญญะก็ได้รับส่งผลกระทบไปด้วย
และเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นด้วยเช่นกัน
ส่วนรายละเอียด เนื่องจากความรเกี่ยวกับเผ่าฟ้าทมิฬของพวกเขามีจำกัด จึงยังไม่ชัดเจน แต่มีความหวาดผวาเอ่อขึ้นมาตามสัญชาตญาณ
“ทั้งๆ ที่เป็นการแสดงละคร แต่ทำไมข้าถึงรู้สึกว่ามันสมจริงเหลือเกิน…” ซานเหอจื่อยิ้มขื่นในจิตใจ ถอนหายใจออกมา
เยี่ยหลิงกับหวังเฉินก็ยิ้มขื่นเช่นกัน ตอนที่ไล่ตามต่อร่องรอยของสวี่ชิงกับนายกองก็หายไปแล้ว ไม่นานข่งเสียงหลงก็มาถึง ออกคำสั่งให้ค้นหาต่อด้วยสีหน้าเคร่งขรึม


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา