บทที่ 444 การคุกเข่าที่สั่นสะเทือนสวรรค์
ตอนนี้เป็นช่วงกลางวัน แสงอาทิตย์แผดเผา ลมพัดมาจากทางเหนือ สยายเส้นผมผู้คน
สวี่ชิงยืนอยู่บนพื้นดินที่ไม่รู้จักแห่งนี้ หันหน้ากลับไปมองเขตปกครองผนึกสมุทรเช่นเดียวกับชิงชิว ครู่ต่อมาถอนสายตากลับมา ประเมินรอบด้านด้วยสีหน้าสงบ
นี่คือสัญชาตญาณของเขา ไปยังสถานที่ที่ไม่รู้จักที่ใดก็ตาม ก็จะทำความคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมก่อน
สิ่งที่เห็น ผืนแผ่นดินกว้างใหญ่สีน้ำตาลเข้มเต็มไปด้วยกรวดทราย ไกลออกไปเป็นทิวเขา แต่กลับไม่ค่อยเขียวชะอุ่มนัก บางครั้งก็ได้เห็นหิมะสีขาวละลายไปแล้วบางส่วน
อันที่จริงฟ้าดินของที่นี่ ไม่มีอะไรที่แตกต่าง ถึงอย่างไรเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์กับเผ่ามนุษย์ ว่ากันในด้านคุณสมบัติก็แตกต่างกันเพียงเล็กน้อย นอกจากเลือดฟ้าทมิฬที่อยู่ในสายโลหิต
ตอนที่สวี่ชิงสังเกตสภาพแวดล้อม นายกองมองชายหนุ่มเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์ตนนั้นผาดหนึ่ง พยักหน้า ถือว่าเป็นการตอบรับคำพูดของเขา
ชายหนุ่มเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์นี้ ตอนนี้ความร้อนแรงในดวงตายิ่งเข้มข้นขึ้น สีหน้าเลื่อมใส เอ่ยกับสวี่ชิงและนายกองอีกครั้ง
“ระหว่างทางนี้ต้องขอบคุณการช่วยเหลือของใต้เท้าทั้งสอง ไม่เช่นนั้นข้าน้อยกับขบวนสินค้าคงยากจะกลับมาอย่างครบถ้วนเช่นนี้ ข้าน้อยอยากเชิญใต้เท้าท่านผู้มาจากเผ่าสูงส่งทั้งสอง ยอมลดเกียรติมายังรัฐยอดฟ้าของข้า ให้ข้าน้อยได้แสดงไมตรีของเผ่าที่ต่ำต้อย
“ขณะเดียวกันที่ตั้งของบ้านเกิดข้าน้อย ผลมรรคาเซียนแท้จากต้นเซียนแท้สิบลำไส้ที่นั่นก็ใกล้จะออกผลแล้ว ในอนาคตไม่กี่เดือนข้างหน้าจะคึกคักมาก จะมีนิมิตแปลกประหลาดบางอย่างเกิดขึ้น แม้จะสู้เผ่ามนุษย์ไม่ได้ แต่ก็ถือว่าเป็นหนึ่งในภาพมหัศจรรย์ของแผ่นดินคลื่นศักดิ์สิทธิ์
“ส่วนสิ่งที่ท่านผู้มาจากเผ่าสูงส่งต้องการ หลังจากท่านปกป้องรัฐยอดฟ้าของข้า เจ้ารัฐของข้าจะต้องรวบรวมมาให้นายท่านแน่นอน”
ชายหนุ่มเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์พูดจบ ก็ถอยหลังออกไปหลายก้าว คารวะสวี่ชิงกับนายกอง
สวี่ชิงครุ่นคิด มองนายกองที่กำลังคิดเช่นกัน
นายกองหรี่ตาลง ในดวงตามีประกายล้ำลึก หลังจากสบตากับสวี่ชิงก็เอ่ยเสียงเรียบกับเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์
“ก็ดี”
เมื่อชายหนุ่มเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์ได้ยินก็ยินดี เผยความตื่นเต้นออกมา ออกคำสั่งให้ขบวนสินค้าเดินหน้าต่อ
ไม่นานจากเสียงฟาดแส้ที่ดังก้อง ขบวนสินค้าก็เคลื่อนไปด้านหน้า
นายกองกับสวี่ชิงไม่ต้องการที่กลับไปที่ซ่อนตัว เวลานี้นั่งบนอสูรสี่ขา เพื่อหลบเลี่ยงแสงตะวันที่ส่องลงมา ตัวพวกเขาจึงคลุมชุดคลุมยาวสีดำตัวหนึ่งไว้
และชิงชิวก็เหมือนกับเป็นผู้ติดตาม ก้มหน้าอยู่ด้านหลังคนทั้งสอง สะกดจิตสังหารในใจ
ในดินแดนเผ่ามนุษย์ เผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์ไม่มีคุณสมบัติในการใช้งานค่ายกลส่งข้าม จึงต้องเร่งเดินทางอยู่นาน แต่ที่นี่นั้นต่างออกไป ไม่นานขบวนสินค้าของพวกเขาก็มาถึงค่ายกลส่งข้ามส่วนรวมของเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์
ขบวนสินค้าที่มาจากรัฐยอดฟ้าเข้าไปในค่ายกลส่งข้ามที่นี่อย่างรวดเร็ว อสูรสี่ขาก็หายไปทีละตัวจากเสียงครืนครันของค่ายกล ราวครึ่งชั่วยาม ขบวนสินค้าก็ถูกส่งข้ามไปยังเขตฟากตะวันตกของเขตปกครองบูรพารกร้าง
ที่นี่ คือที่ตั้งของเซียนแท้สิบลำไส้ และเป็นฐานที่มั่นของสามสิบหกนครรัฐเล็กๆ อีกด้วย
เมื่อปรากฏตัว สายตาสวี่ชิงก็จ้องเพ่ง มองไปรอบด้าน
ที่นั่นค่อนข้างมืดมิด
ท่ามกลางความสลัวก็เหมือนมีต้นไม้ยักษ์คดเคี้ยวราวกับลำไส้หลายต้นพุ่งสู่ชั้นเมฆ บนท้องฟ้าปลายยอดเกี่ยวพันกัน ก่อเป็นฉัตรขนาดยักษ์รูปร่างเหมือนร่มอย่างไรอย่างนั้น
กางอยู่กลางท้องฟ้า ยิ่งใหญ่ตระการตา
ใต้ฉัตร พื้นที่ที่ถูกปกคลุมมืดมิด แสงตะวันยากจะลอดเข้ามา มีเพียงโคมรูปร่างมนุษย์นับไม่ถ้วนที่ลอยอยู่กลายเป็นต้นกำเนิดแสง ทำให้ที่นี่ใช้ชีวิตได้เป็นปกติ
ภาพนี้น่าตกตะลึงมาก
และตะเกียงที่วางกระจายอยู่ทั่วพื้นที่ที่กว้างใหญ่ไพศาลนี้ นอกจากป่าที่รกทึบ ยังมีนครรัฐเล็กๆ อยู่หลายแห่ง แต่ละแห่งใช้ต้นไม้ยักษ์เป็นศูนย์กลาง สร้างนครรัฐรอบๆ
ทุกเมืองล้วนมีสีสันที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว มีทั้งที่เป็นสีเดียวทั้งหมด มีทั้งหลากสี
ทั้งหมดนี้ ขณะที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของต่างรัฐ แรงกดดันที่น่าตกตะลึงจากต้นไม้ยักษ์ที่ไกลออกไป ก็แผ่ขยายออกไปทั่วสารทิศราวมหาสมุทร ทำให้ผู้คนทั้งหมดที่มาที่นี่มีคลื่นยักษ์โหมขึ้นมาในใจขณะที่ได้สัมผัสและได้เห็น
“ใต้เท้าทั้งสอง ที่นี่ก็คือเซียนแท้สิบลำไส้ที่อยู่ในรัฐยอดฟ้าของข้า เมืองสีขาวทั้งหมดด้านหน้านั้น ก็คือรัฐยอดฟ้าของข้าขอรับ
“ข้าแจ้งเจ้ารัฐไว้แล้ว พวกเขาน่าจะกำลังเตรียมต้อนรับกันอยู่ เชิญใต้เท้าขอรับ”
สายตาชายหนุ่มเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์ยังคงร้อนแรง ยังไม่หายไปหรือแปรเปลี่ยนแม้แต่น้อย พาสวี่ชิงกับนายกองเดินพลางเอ่ยแนะนำอย่างเป็นมิตร
“ใต้เท้าทั้งสอง ต้นเซียนแท้สิบลำไส้นี้ ว่ากันว่าแปรเปลี่ยนมาจากเผ่าเซียนพิบัติสายเลือดบริสุทธิ์ตนสุดท้ายที่สำเร็จเป็นเซียน และอยู่มาช้านาน…
“ทุกๆ ร้อยปี ต้นไม้นี้จะออกผล นี่จึงเป็นสาเหตุที่พวกเราต้องขนส่งหินเมฆมารดร
“ผลไม้เหล่านี้ยอดเยี่ยมมากถือเป็นวัตถุหลอมศัสตราที่หาได้ยากยิ่ง…”
ระหว่างที่แนะนำนี้ ขบวนสินค้าก็เคลื่อนไปเบื้องหน้า เมืองสีขาวเมืองหนึ่งค่อยๆ ปรากฏขึ้นในสายตาคนทุกคน
แม้เมืองนี้จะเป็นแค่รัฐเล็ก แต่อาณาเขตกว้างขวาง ขนาดพอๆ กับเมืองหลักเจ็ดเนตรโลหิต
เวลานี้ด้านนอกเมือง มีผู้บำเพ็ญเฝ้ารออยู่เป็นจำนวนมาก
จำนวนนับร้อย ในบรรดานี้มีแก่นลมปราณวังสวรรค์ระดับสูงอยู่ไม่น้อย ปราณก่อกำเนิดก็มีมากมาย โดยเฉพาะชายกลางคนในชุดจักรพรรดิที่ยืนอยู่ด้านหน้าสุด ด้านหลังมีสมบัติลับปรากฏอยู่สามชิ้น แผ่พลังบำเพ็ญน่าตกตะลึงออกมา
เห็นภาพนี้ ชิงชิวก็หอบหายใจถี่ ในใจยิ่งมืดมน นางรู้ว่าความหวังในการหลบหนีของตนเหลือไม่มากแล้ว


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา