เข้าสู่ระบบผ่าน

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา นิยาย บท 45

บทที่ 45 จิตใจคับแคบ

การมาถึงของเสี้ยวหน้าเทพเจ้าที่ราวกับสัตว์ที่ตื่นจากจำศีล ทำให้ปรากฏการณ์การเติบโตของสรรพชีวิตได้รับผลกระทบ จนต้องเปลี่ยนแปลงไปเสียมิได้

การเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ทำให้โลกนี้เปลี่ยนเป็นความโหดร้าย กลายเป็นความเย็นเยียบ

การก่อตัวของพื้นที่ต้องห้ามทำให้ความเย็นเยียบนี้มาถึงขีดสุด ทว่าตอนนี้…สวี่ชิงมองไปทางเงาชุดขาวที่ห่างออกไป จู่ๆ เขาก็คิดถึงคำพูดหนึ่งของหัวหน้าเหลย

‘เจ้ารู้หรือไม่ ว่าเหตุใดตอนอยู่ในซากเมืองข้าจึงเอ่ยขึ้นว่าจะพาเจ้าไปด้วยถึงสองครั้ง

‘เพราะว่า ข้ามองเห็นเจ้ากำลังฌาปนกิจศพ เจ้าที่อยู่ข้างเปลวไฟตอนนั้นถูกแสงไฟสาดส่องจนเหมือนหลอมรวมไปกับเปลวเพลิง ราวกับทำให้ข้ามองเห็น…ความอบอุ่นสายหนึ่งในโลกที่โหดร้ายใบนี้’

สวี่ชิงนิ่งงัน

เขาในตอนนี้ก็สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นเช่นเดียวกับหัวหน้าเหลยเวลานั้น

มาจากหญิงสาวไร้หน้ากระโปรงขาว มาจากใบหน้ามากมายบนตัวนางที่ส่งยิ้มเอ่ยขอบคุณเขา

มาจาก…ความเป็นมนุษย์ที่โลกอันโหดร้ายใบนี้ช่วงชิงไปไม่ได้

นานพอควร สวี่ชิงคารวะลึกซึ้งขึ้นอีกครั้ง

จากนั้นจึงหมุนตัวทะยานตรงไปยังกำแพงเมืองที่ห่างออกไป

บางทีอาจเป็นเพราะก่อนหน้านี้เขาโยนลูกกลอนดำมากเกินไป ทำให้ไอพลังประหลาดของพื้นที่จวนเจ้าเมืองเข้มข้นขึ้นถึงขีดสุด จนทะลวงจุดขอบเขตออกมา ราวกับเปลวไฟยามราตรีที่ดึงดูดสายตาและความสนใจนับไม่ถ้วน

หรือบางทีอาจเป็นเพราะเหตุต้นผลกรรมของเขากับเมืองแห่งนี้

ดังนั้นสวี่ชิงที่วิ่งทะยานเวลานี้ จึงพบเจอกับอันตรายไม่มากนัก มาถึงบนกำแพงเมืองอย่างราบรื่น

สวี่ชิงยืนอยู่จุดนี้หันหน้ามองไปยังเมืองยามราตรีผาดหนึ่ง เสียงคำรามและเสียงโหยหวนแว่วมาในหู เขาเพ่งสมาธิมองอยู่ครู่หนึ่ง

“ไม่รู้ว่าจะได้กลับมาอีกคราเมื่อไร…” สวี่ชิงพึมพำ จ้องมองไปยังเมืองที่มืดมิด จากนั้นจึงหมุนตัวกระโจนลงจากกำแพงเมือง วิ่งทะยานออกไปท่ามกลางฟ้ามืดราตรี

หลังจากล้วงเอายันต์บินทะยานที่เก็บได้ออกมาแปะไว้บนขาเพื่อเพิ่มความเร็วแล้ว ความเร็วเขาก็ระเบิดขึ้น ร่างทั้งร่างทะยานสู่ท้องฟ้าท่ามกลางการหลั่งทะลักของพลังวิญญาณในร่างกาย

พุ่งหวีดหวิวไปกลางอากาศ

สวี่ชิงรู้สึกไม่ค่อยชินกับลมที่พัดมากระทบใบหน้าเท่าไรนัก ความเร็วและการบินที่ระเบิดขึ้นกะทันหัน ก็ทำให้เขาต้องปรับตัวอยู่นาน โดยเฉพาะเรื่องการบินทะยานที่เป็นครั้งแรกของเขา

ความรู้สึกได้โบยบินบนฟากฟ้า ได้ก้มหน้ามองพื้นดิน โลกอยู่ใต้เท้าของตนเอง ทำให้สีหน้าสวี่ชิงเคลิบเคลิ้มอยู่บ้าง

เขารู้สึกว่าตนเองเหมือนกลายเป็นนกที่โชคดีเหล่านั้น กางปีกบินอยู่บนท้องฟ้าใต้การลืมตาของเทพเจ้า

“ที่แท้เวลานกบินบนท้องฟ้ารู้สึกแบบนี้นี่เอง” สวี่ชิงงึมงำ พยายามควบคุมร่างกายตนเอง

และเขาที่เคล็ดคีรีสมุทรมาถึงขั้นเจ็ด สามารถควบคุมร่างกายได้อย่างสมบูรณ์ ดังนั้นเพียงไม่นานสวี่ชิงก็คุ้นเคยกับท่วงท่าการบินทะยานนี้

ผสานกับความเร็วและพลังของร่างกายตนเอง บางจังหวะที่ร่อนลงพื้นกะทันหัน ซัดหมัดไปทางอากาศด้านหลังอีกครั้ง ทำให้ความเร็วเพิ่มขึ้น

มองไกลๆ ร่างของเขาราวกับกลายเป็นสายรุ้งสายยาว กำลังพุ่งทะยานอย่างรวดเร็วบนท้องฟ้าของพื้นที่ต้องห้ามผืนนี้

ถ้าเป็นคนอื่น ยังต้องกังวลเรื่องการหลั่งทะลักเข้ามาของไอพลังประหลาด แต่สำหรับสวี่ชิง จุดนี้ไม่จำเป็นต้องกังวล ดังนั้นจึงเพิ่มความเร็วได้อย่างต่อเนื่อง

ผ่านไปไม่นาน เขาก็มองเห็นเขตชายแดนพื้นที่ต้องห้าม เมื่อพุ่งตัวเขาก็ทะลวงออกจากพื้นที่ต้องห้าม

พริบตาที่มาถึงโลกภายนอก สายลมอุ่นพัดมาปะทะตัวเขา พัดความเย็นเยียบของพื้นที่ต้องห้ามออกไป

สวี่ชิงยืนนิ่งงันอยู่กลางอากาศ เงยหน้ามองไปยังเมืองเขากวาง จากนั้นก็หันหน้าไปมองอีกทางหนึ่ง

ใช้ชีวิตอยู่ในฐานที่มั่นมาครึ่งปี ทำให้สวี่ชิงรู้เรื่องต่างๆ มากมาย เข้าใจพื้นที่ใช้ชีวิตเป็นอย่างดี และทำให้เขารู้จักชื่อกับตำแหน่งของเมืองมากมายบริเวณนี้ รวมไปถึงที่ตั้งสำนักวัชระด้วย

เวลานี้แม้ฟ้ายังไม่สาง แต่แสงจันทร์ที่สะท้อนพื้นดินก็ไม่ได้ดำมืดไปเสียทั้งหมด ยังพอมองความต่างระดับของภูเขาที่ห่างออกไปได้รางๆ

สวี่ชิงที่ยืนอยู่กลางอากาศ สายตาจับจ้องไปทางเมืองเขากวางกับสำนักวัชระอยู่หลายครั้ง

“วางใจไม่ได้เลย” สวี่ชิงงึมงำ

เขาไม่รู้ว่าบรรพจารย์สำนักวัชระที่ติดอยู่ในซากเมืองเป็นอย่างไรบ้าง

แต่สวี่ชิงคิดว่ามีโอกาสที่อีกฝ่ายจะไม่ดับสูญอยู่โข แต่เลี่ยงความลำบากตรากตรำกับบาดเจ็บสาหัสไม่ได้และแน่นอนว่าเป็นไปไม่ได้แน่ที่จะหลีกหนีออกมาในช่วงเวลาสั้นๆ

ส่วนตนเองเวลานี้ ถ้าหากตรงไปเมืองเขากวางก็น่าจะราบรื่น แต่เขารู้สึกว่าถ้าไปทั้งอย่างนี้ ก็ไม่สงบใจเอาเสียเลย

ดังนั้นหลังจากนิ่งเงียบสูดลมหายใจอยู่ครู่หนึ่ง ดวงตาของเด็กหนุ่มจึงเผยประกายเย็นเยียบ ร่างกายไหววูบระเบิดความเร็ว เขาพุ่งตรงไปยัง…สำนักวัชระด้วยการระเบิดคลื่นพลังยันต์บินทะยานอย่างรุนแรง

สวี่ชิงไม่ได้เลือกตรงไปยังเมืองเขากวาง เขาจะไปสำนักวัชระเสียรอบหนึ่ง

เขาคิดจะใช้โอกาสขณะที่ทั่วทั้งสำนักวัชระอ่อนแอลงอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน บรรพจารย์สำนักวัชระติดพัน สองผู้อาวุโสดับดิ้น ตรงไปที่นั่นเพื่อตอบแทนเรื่องก่อนหน้านี้ที่อีกฝ่ายไล่ล่าสังหาร

นี่คือนิสัยของสวี่ชิง

หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น เกรงว่าตัวเลือกแรกคงเป็นหนีห่าง แต่ประสบการณ์ตั้งแต่เด็กจนโตของสวี่ชิงทำให้เขาเข้าใจ ว่าอันตรายแฝงเร้นต้องจัดการทิ้งไปเสียให้หมด

ต่อให้อันตรายแฝงเร้นนั้นจะเกินขอบเขตที่ตนเองสามารถจัดการได้ ไม่สามารถจัดการได้ในเวลาสั้นๆ เช่นนั้นก็ต้องทำให้อีกฝ่ายเจ็บปวดให้มากที่สุด

ความเจ็บปวดนี้ เมื่อขึ้นไปถึงระดับหนึ่งถึงจะกลายเป็นการสยบด้วยพลานุภาพ

นี่คือหลักการเอาชีวิตรอดในถ้ำยาจก และเป็นหลักการของคนเก็บกวาด กระทั่งเป็นหลักการของโลกาววินาศนี้หรือไม่ สวี่ชิงไม่ทราบได้ แต่นี่คือหลักการของเขา

สังหารผู้อาวุโสไปสองคน สวี่ชิงรู้สึกว่าการสยบด้วยพลานุภาพเท่านี้ยังไม่เพียงพอ

บทที่ 45 จิตใจคับแคบ 1

Verify captcha to read the content.ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา