เข้าสู่ระบบผ่าน

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา นิยาย บท 44

บทที่ 44 เหตุต้นผลกรรม

ตอนที่ผู้บำเพ็ญกลางคนคนนั้นตาย บรรพจารย์สำนักวัชระที่กำลังค้นหาตัวสวี่ชิงในเมือง ก็เงยหน้าขึ้นฉับพลันท่ามกลางเสียงกรีดร้องแหลมดังก้อง

ในฐานะที่เป็นผู้บำเพ็ญสร้างฐาน สัมผัสทั้งห้าของเขาเฉียบคมอย่างมาก ตอนนี้พอได้ยินเสียงกรีดร้องแหลมอยู่ไกลๆ หน้าเขาก็เคร่งขรึมในพริบตา กระโจนขึ้นฟ้า ย่ำอากาศตรงไปยังจุดที่เสียงดังแว่วมา

แม้รอบด้านจะมีอสูรกลายพันธุ์อยู่ แต่ถึงอย่างไรเขาก็เป็นผู้แข็งแกร่งระดับสร้างฐาน ขอแค่ไม่พบกับตัวตนสิ่งประหลาด หรือฝูงอสูรกลายพันธุ์ขนาดใหญ่ เขาไม่คิดจะไปสนใจ

ต่อให้ไอพลังประหลาดเข้มข้น แม้จะส่งผลกระทบกับเขา แต่ด้วยพลังบำเพ็ญ ขอแค่ไม่เกินหนึ่งเดือนในพื้นที่ต้องห้ามก็ไม่ได้สร้างความยากลำบากมากเท่าไรนัก

ดังนั้นหลังจากที่ยืนยันทิศทางแล้ว บรรพจารย์สำนักวัชระจึงคำรามก้อง ใช้พลังบำเพ็ญให้เสียงของตนเองส่งผ่านไปได้ไกลยิ่งขึ้น

“รั้งเจ้าเด็กนั่นไว้แล้วรอข้าไปถึง!”

ขณะพูด เงากลางอากาศของเขาก็ระเบิดความเร็วขึ้นฉับพลัน มองไกลๆ ดูเหมือนดาวหางหวีดหวิวดวงหนึ่งแหวกฟ้าผ่าอากาศเป็นเส้น

เวลาเดียวกันที่สนามรบเมื่อครู่ พริบตาที่สวี่ชิงเข้าประชิด ผู้อาวุโสสำนักวัชระอีกคนหนึ่งก็ถอยกรูดทันควันอย่างไม่ลังเล

เขาได้ยินเสียงคำรามของบรรพจารย์ แต่เขาไม่คิดจะมาตายอย่างไร้ค่าที่นี่

ต่อให้เสร็จเรื่องแล้วจะถูกบรรพจารย์ลงโทษก็ต้องยอม แต่ปราณพิฆาตของสวี่ชิงก็หนักหนาเหลือเกิน ขณะลงมืออย่างโหดเหี้ยม จิตสังหารในสายตานั่นทำให้เขาไม่กล้าเสี่ยงเข้าไป

ดังนั้นความเร็วในการล่าถอยตอนนี้จึงรวดเร็วยิ่ง กระทั่งใช้งานยันต์บินทะยานขึ้นมา ถอยฉากออกไปนับร้อยจั้งในพริบตา

สวี่ชิงหรี่ตา เขาเองก็ได้ยินเสียงคำรามต่ำของบรรพจารย์สำนักวัชระจากระยะไกลเช่นกัน แต่เขาก็ไม่หยุดไล่ล่า ระหว่างทางจัดการเก็บเหล็กแหลมของตนเองขึ้น ตอนคิดจะใช้ยันต์บินทะยาน ทว่าสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันควัน หันหลังกลับไปโดยไม่ลังเล พุ่งทะยานไปยังทิศทางตรงกันข้าม

และตอนที่สวี่ชิงหันหลังกลับ สีหน้าผู้อาวุโสสำนักวัชระที่อยู่กลางอากาศก็ตกตะลึงขึ้นพริบตา เขาสัมผัสถึงความเย็นเยียบวูบหนึ่งโถมปะทะหน้า และสังเกตุเห็นเงายักษ์ร่างหนึ่งปรากฏขึ้นข้างกายของตนเอง

เงายักษ์ร่างนี้ไม่มีใบหน้า มองเห็นเพียงผมยาวปลิวสยายราวกับหญิงสาว แต่ร่างกายใต้ใบหน้านั้นใหญ่โตมโหฬาร สวมชุดกระโปรงยาวสีขาว

ตอนนี้มีใบหน้ามากมายปรากฏขึ้นมาบนชุดกระโปรงยาวของหญิงสาวไร้หน้ากระโปรงขาว เสียงร้องไห้หวีดแหลมส่งทอดออกไปรอบด้าน สิ่งประหลาดนับไม่ถ้วนแผ่ซ่านไปทั่วทิศทาง กระทั่งจันทร์กระจ่างบนฟากฟ้ายังกลายเป็นสีเลือด

มองไกลๆ ร่างของผู้อาวุโสสำนักวัชระเมื่ออยู่ต่อหน้าคนยักษ์นั้นก็ราวกับเป็นมดปลวก แสนไร้ค่า และภายใต้เสียงคร่ำครวญและจับตามองของใบหน้านับไม่ถ้วนบนกระโปรงขาวของหญิงสาวไร้หน้านั้น ร่างกายผู้อาวุโสสำนักวัชระก็สั่นระริก สีหน้าเปลี่ยนไป และเริ่มร้องไห้คร่ำครวญตาม

ในดวงตาเขาเผยความหวาดผวาที่รุนแรงออกมาระหว่างที่ร้องไห้ ราวกับว่าร่างกายของเขาไม่สามารถควบคุมการร้องไห้ไว้ได้

จนกระทั่งเสียงร้องไห้ของเขากับใบหน้ามากมายนับไม่ถ้วนบนตัวหญิงสาวไร้หน้ากระโปรงขาวผสานเป็นเสียงเดียวกัน กลิ่นอายสีขาวแผ่ซ่านออกมาจากทวารทั้งเจ็ดของผู้อาวุโสสำนักวัชระ ลอยเข้าไปในตัวของหญิงสาวไร้หน้ากระโปรงขาวอย่างรวดเร็ว และพริบตาต่อมา…

ร่างกายของผู้อาวุโสสำนักวัชระก็กลายเป็นศพแห้งกรัง ลมหายใจดับห้วง ร่างร่วงลงสู่พื้น

ขณะเดียวกัน ใบหน้าบนตัวหญิงสาวไร้หน้ากระโปรงขาวก็มีเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่ง เป็นใบหน้าของผู้อาวุโสสำนักวัชระคนนั้น

เขามีสีหน้าไร้อารมณ์ ปรากฏอยู่บนชุดกระโปรงขาว ส่งเสียงร้องไห้คร่ำครวญออกมา

สวี่ชิงที่เห็นฉากนี้เข้า บรรพจารย์สำนักวัชระที่ไล่ตามมาก็เห็นฉากนี้ด้วยเช่นกัน ทั้งสองคนล้วนสั่นสะท้านไปทั้งตัว

สวี่ชิงสูดลมหายใจลึก สะกดความสั่นสะเทือนในใจ เพิ่มความเร็วฉับพลันทะยานตรงไปในเมืองอย่างรวดเร็ว

แม้ว่าสวี่ชิงจะจากไปแล้ว แต่บรรพจารย์เจ้าสำนักวัชระที่ไล่ตามมาไกลๆ ตอนนี้กลับชาหนึบไปทั้งหัว ร่างกายไม่กล้าขยับเขยื้อน

เพราะหญิงสาวไร้หน้ากระโปรงขาวกำลังเดินมาทางเขา

บรรพจารย์สำนักวัชระเข้าใจอย่างชัดเจน เผชิญหน้ากับตัวตนเช่นนี้ห้ามเร่งร้อนเคลื่อนย้าย ไม่เช่นนั้นจุดจบก็จะเป็นเหมือนกับผู้อาวุโสของตนเอง ดังนั้นท่ามกลางความพรั่นพรึงและใจสั่นของเขา หญิงสาวไร้หน้ากระโปรงขาวจึงเดินผ่านข้างกายเขาห่างออกไป

จนถึงตอนนี้ บรรพจารย์สำนักวัชระถึงได้ผ่อนลมหายใจ แต่ในใจก็เกิดความสงสัยหนึ่งขึ้นมาโดยไม่รู้สาเหตุ

“สองครั้งที่พบกับตัวตนสิ่งประหลาด…ทำไมข้าถึงรู้สึกว่ามันเหมือนออกมาช่วยเจ้าเด็กน้อยคนนั้นกันนะ…

“วิชาชั่วร้าย!” บรรพจารย์สำนักวัชระกัดฟัน จ้องมองทิศที่สวี่ชิงหายไป รู้สึกว่าจำเป็นต้องกำจัดอีกฝ่ายอย่างยิ่ง ตอนนี้จึงบินทะยานไล่ตามไปอย่างร้อนรน

เสียงคำรามสูงต่ำมากมายสะท้อนก้องไปทุกมุมของเมือง เสียงขบเคี้ยว เสียงร้องไห้ เสียงหัวเราะเย็นเยียบกระจายไปทั้งแปดทิศในคืนราตรี

กำแพงที่พังทลายแต่ละแห่งใต้แสงจันทร์ราวกับกลายเป็นปีศาจ ทำให้ความรู้สึกแปลกประหลาดในเมืองยิ่งรุนแรงมากขึ้น

สวี่ชิงที่วิ่งทะยานอยู่ ต่อให้คุ้นเคยกับเสียงคำรามและสิ่งประหลาดของที่นี่นานแล้ว แต่หน้าเขายังคงซีดเผือด ความรู้สึกเหมือนถูกสายตาชั่วร้ายนับไม่ถ้วนจับจ้อง และสายตาเหล่านี้ก็แปรเปลี่ยนเป็นความเย็นเยียบที่กำลังแทรกซึมเข้าในร่างกายของเขาก็มิปาน

จนกระทั่งตอนที่ทั่วร่างรู้สึกหนาวสั่นยิ่ง สวี่ชิงก็ผ่านจุดที่เคยล่านกแร้งเมื่อครั้งนั้น พอกวาดตามอง ม่านตาของเขาก็หดเล็กลง…

ไม่ห่างไปนัก ข้างๆ รถม้าที่ถูกปล่อยทิ้งในดินโคลน เดิมทีควรจะมีตุ๊กตาผ้าสีเลือดตัวหนึ่งแขวนอยู่บนตัวรถ เวลานี้มันกลับเปลี่ยนตำแหน่ง ไม่ได้แขวนอยู่ที่เดิม แต่ถูกวางเอาไว้บนตัวรถ และหันหลังให้สวี่ชิง มองไม่เห็นด้านหน้าของมัน

สวี่ชิงศีรษะตึงเขม็ง รีบออกจากที่นี่อย่างไว

ไม่นานนัก บรรพจารย์สำนักวัชระก็มาถึงที่แห่งนี้ ตอนที่กวาดสายตาไปรอบด้านอย่างระมัดระวัง เขามองเห็นรถม้า และมองเห็นว่าด้านหน้ามีตุ๊กตาผ้าสีเลือดนั่งอยู่บนรถม้าจ้องมาทางเขา

ดวงตาที่ฝังอยู่ในของเล่นชิ้นนี้แฝงความมืดมน สีแดงชุ่มโชกไปทั้งร่างก็มีสิ่งประหลาดอยู่ด้วย กำลังจ้องมองอย่างน่าสะพรึงมาทางบรรพจารย์สำนักวัชระ

ม่านตาบรรพจารย์สำนักวัชระหดลงเล็กน้อย ในใจขนลุกชูชัน ฝีเท้าช้าลงในพริบตา ย่างเดินเชื่องช้าออกจากบริเวณนี้อย่างระมัดระวัง แล้วจึงถอนหายใจโล่ง เร่งความเร็วขึ้นอีกครั้ง

แต่กลับไม่ได้ไล่ตามและประชิดตัวมากเกินไป เขาตระหนักถึงวิชาชั่วร้ายของเด็กหนุ่มตรงหน้าคนนี้ได้ ขณะเดียวกันก็รู้ว่าอีกฝ่ายมีวิธีการทำให้ไอพลังประหลาดเข้มข้นขึ้นในพริบตา ดังนั้นเขาจึงไม่คิดจะลงมือประชิดตัวนัก แต่จะอาศัยพลังบำเพ็ญจับจ้องไปที่ตัวอีกฝ่าย รอจนฟ้าสางแล้วค่อยลงมือสังหารอีกที

แม้ฐานะจะเป็นถึงผู้ฝึกตนระดับสร้างฐาน แต่ยังต้องเพ่งสมาธิเพื่อรับมืออย่างระมัดระวังเช่นนี้ ทำให้ระดับสร้างฐานเสียหน้า แต่บรรพจารย์สำนักวัชระก็ยังตัดสินใจเลือกความแน่นอนเป็นอันดับแรกภายใต้สิ่งแวดล้อมเช่นนี้

ดังนั้นเขาจึงลดความเร็ว ไม่เร่งไม่ผ่อนตามอยู่ด้านหลัง

สวี่ชิงที่อยู่ด้านหน้าเองก็สัมผัสได้ถึงจุดนี้ เดิมทีเขาจำลองวิธีการรับมือไว้ในใจแล้ว และเตรียมตัวควบคุมเงาล่วงหน้าไว้แล้วด้วย ลูกกลอนดำเองก็กำอยู่ในมือ รอให้อีกฝ่ายเข้ามาประชิด

เขามั่นใจว่าหลังจากที่อีกฝ่ายรับมือกับวิธีการของเขา แม้จะไม่ถึงชีวิตแต่ก็คงล้มลุกคลุกคลานระดับหนึ่ง และคงหลุดออกมาไม่ได้ชั่วคราว แม้ตนเองจะถูกอีกฝ่ายทำให้เจ็บหนักด้วยเช่นกัน แต่การหลบหนีหลังจากเจ็บหนักก็ดูสมจริงยิ่งกว่า ไม่ทำให้อีกฝ่ายสงสัย และสะดวกที่ตนเองจะล่ออีกฝ่ายไปยังแผนการถัดไป

แม้บรรพจารย์สำนักวัชระคนนี้เป็นถึงระดับสร้างฐาน แต่กลับระวังตัวถึงเพียงนี้ จึงทำให้สวี่ชิงยิ่งระแวดระวังขึ้นไปอีก

ทว่าแม้อีกฝ่ายจะไม่เข้าใกล้ สวี่ชิงก็ยังรู้สึกว่าแผนการหลอกล่อของตนเองยังคงต้องดำเนินการต่อไป ดังนั้นจึงเพิ่มความเร็วทะยานตรงไปยังจวนเจ้าเมือง

ใกล้เข้าไปเรื่อยๆ

ตำแหน่งจวนเจ้าเมืองอยู่ในพื้นที่ใจกลางเมือง ไอพลังประหลาดของที่นี่เข้มข้นกว่าจุดอื่นระดับหนึ่ง แต่จำนวนของอสูรกลายพันธุ์ก็ไม่รู้เหตุใดจึงน้อยลงเรื่อยๆ

การเปลี่ยนแปลงนี้ ทำให้บรรพจารย์สำนักวัชระที่ไล่ตามมาด้านหลังสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย ความวิกฤตในใจก็รุนแรงขึ้นอย่างมากในเวลานี้

เขาเงยหน้าขึ้นมองแผ่นหลังของสวี่ชิง และมองไปยังสิ่งปลูกสร้างพังทลายข้างๆ จู่ๆ ฝีเท้าก็หยุดลง

ไม่ไล่กวดต่อ แต่เริ่มถอยหนี

ฉากนี้ ทำเอาสวี่ชิงคาดไม่ถึง เวลานี้ยังห่างจากจวนเจ้าเมืองไม่ถึงร้อยจั้ง ทว่าบรรพจารย์สำนักวัชระที่ไล่มาด้านหลังกลับคิดจะถอยหนี

“ถอยตอนนี้ก็ช้าเกินไปแล้ว!” สวี่ชิงกัดฟัน จู่ๆ ก็ยกมือขวาฉับพลัน ลูกกลอนดำมหาศาลก็สาดกระจายไปรอบทิศทันที

Verify captcha to read the content.ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา