บทที่ 450 ใต้เท้า นี่คือตะเกียงแห่งชีวิตของท่าน!
สวี่ชิงดวงตาจ้องเพ่ง
เสียงของเจ้ารัฐยอดฟ้าดังต่อมา
“ขณะเดียวกันในส่วนลึกของเซียนแท้สิบลำไส้ยังมีพลังที่ทำให้คนเสียสติ ผู้ที่โดนโจมตีล้วนแต่เสียสติกันหมด ไม่แบ่งแยกศัตรูหรือพวกเดียวกัน ความนึกคิดของพวกเขาเหมือนถูกเปลี่ยน คิดว่าตัวเองเป็นเผ่าเซียนพิบัติ
“ทว่าสิ่งที่แปลกประหลาดยิ่งกว่านั้นคือ ผู้ที่รอดชีวิตกลับมาจากความตายในส่วนลึก ในบันทึกสามสิบหกเผ่าไม่มีใครมีจุดจบดีแม้แต่รายเดียว อีกทั้งวิธีการตายคือถูกผ่าท้อง ลำไส้กระกระจัดกระจาย
“บางรายผ่าท้องตัวเอง แต่ก็มีบางราย…ที่ถูกลำไส้ระเบิดจากภายใน ดังนั้นในบันทึกมีคำกล่าวอีกอย่างว่า ในส่วนลึกของสิบลำไส้ว่ามีพลังทำให้ลำไส้ของสิ่งมีชีวิตมีชีวิตขึ้นมา
“เรื่องพวกนี้เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น ยังมีการเปลี่ยนแปลงที่มากกว่านี้ อีกทั้งทุกครั้งที่เซียนแท้สิบลำไส้บานสะพรั่ง สิ่งประหลาดที่ปรากฏล้วนมีจุดที่แตกต่างเพิ่มขึ้นมาก ไม่แน่นอน ดังนั้นความอันตรายจึงเพิ่มมากยิ่งขึ้น
“โดยปกติแล้ว พวกเราสามสิบหกนครรัฐล้วนไม่เหยียบย่างไปในส่วนลึก แค่หาเก็บผลมรรคารอบนอกเท่านั้น ใช่แล้ว เกี่ยวกับเซียนแท้สิบลำไส้ความจริงยังมีเรื่องเล่าอีกเรื่องหนึ่ง…”
เจ้ารัฐยอดฟ้ามองสวี่ชิงผาดหนึ่ง เอ่ยเสียงต่ำทุ้ม
“นี่เป็นเรื่องเล่าในผู้สืบสายเลือดเผ่าเซียนพิบัติ บอกว่าอันตรายทั้งหลายของเซียนแท้สิบลำไส้ความจริงแล้วล้วนเพื่อป้องกันไม่ให้ใครไปรบกวน หากเทียบกับที่นี่เป็นหลุมศพ อันตรายพวกนั้นล้วนเตรียมไว้สำหรับโจรปล้นสุสาน
“พวกเขาไม่รู้วิธีเข้าไปที่ถูกต้อง จึงตายอนาถ เหมือนว่าอันตรายทุกอย่างที่นี่เป็นชิ้นส่วนแต่ละชิ้นๆ มีเพียงรู้วิธีที่ถูกต้อง จึงจะเหยียบย่างเข้าไปได้อย่างปลอดภัย
“ทว่าต่อให้เป็นผู้สืบสายเลือดเผ่าเซียนพิบัติที่เป็นชนพื้นเมืองของที่นี่ก็ไม่เคยรู้วิธีที่ถูกต้อง ดังนั้นเรื่องเล่าก็กลายเป็นเรื่องเล่าไปจริงๆ”
สวี่ชิงคล้ายครุ่นคิด สายตาคล้ายกวาดไปที่นายกองไปตามอารมณ์ เขานึกถึงที่นายกองบอกก่อนหน้านี้ว่าจะมอบวาสนาครั้งยิ่งใหญ่ที่สะท้านฟ้าสะเทือนดินหาใดเปรียบให้กับตน
“ความคุ้นเคยที่นี่ของศิษย์พี่ใหญ่เหมือนว่าจะไม่ได้มาจากรายงานข่าวของเขตปกครองทั้งหมด”
สวี่ชิงครุ่นคิดในใจ เดินไปข้างหน้า
เวลาหมุนผ่านไปเช่นนี้ กลางวันผ่านพ้น ท้องฟ้าค่อนข้างมืดหม่น ประกายแสงยามอาทิตย์อัสดงสลัวรางเลือนปกคลุมผืนฟ้า พวกสวี่ชิงจากทั้งวันนี้ก็ได้เดินจากพื้นที่รอบนอกเซียนแท้สิบลำไส้มาถึงชายขอบของส่วนลึก
ชายขอบเกิดจากการสร้างขึ้น บนพื้นมีเส้นยาวๆ ที่วาดจากสีพิเศษล้อมรอบเซียนแท้สิบลำไส้ทั้งผืนเอาไว้
ที่นี่คนทั้งหลายหยุดฝีเท้า
ผลเก็บเกี่ยวในวันนี้สำหรับสวี่ชิงแล้วไม่น้อยเลย
มีเจ้ารัฐยอดฟ้านำทาง มีองครักษ์ชุดดำเก็บผลมรรคา นี่ทำให้จำนวนผลมรรคาของสวี่ชิงตอนนี้มากถึงสามพันกว่าลูก
ส่วนอันตรายก็ไม่ได้เจอสักเท่าไร มีเรื่องประหลาดบางอย่างบ้างประปราย แต่องครักษ์ชุดดำก็จัดการได้อย่างราบคาบ
โดยเฉพาะหลินหย่วนตงที่ทุ่มสุดตัว คุ้มกันอยู่ข้างหน้าสวี่ชิงหลายครั้ง ท่าทางเหมือนนักรบกล้าผู้ภักดีปกป้องเจ้านาย ทุกครั้งที่สวี่ชิงพยักหน้าให้เขา ล้วนทำให้เขาฮึกเหิม
ตอนนี้สวี่ชิงยืนอยู่ริมชายขอบ ทอดสายตามองไปที่ไกล เจ้ารัฐยอดฟ้าที่อยู่ข้างๆ เอ่ยมาอย่างเคารพนอบน้อมว่า
“ใต้เท้าบุตรเทวะ พวกเราหยุดอยู่ถึงตรงนี้จะดีกว่า เส้นนี้เป็นเส้นที่แปรเปลี่ยนมาจากสามสิบหกนครรัฐทุกรุ่น ทุกสมัย ในนั้นคือความเสี่ยงและอันตรายอย่างหาสิ่งใดเปรียบไม่ได้
“ลูกกลอนจันทราปีศาจฟ้าทมิฬเรื่องนั้น ข้าน้อยได้ติดต่อเรียบร้อยแล้ว กำลังอยู่ระหว่างทางส่งมายังรัฐยอดฟ้า สำหรับผลมรรคาที่ใต้เท้าต้องการ ข้าก็ได้ติดต่อกับรัฐอื่นๆ แล้ว รอหลังจากนี้ครึ่งเดือน รัฐแต่ละรัฐเก็บเกี่ยวเสร็จสิ้นก็จะส่งมาให้ใต้เท้าเช่นกัน”
สวี่ชิงและนายกองมองหน้ากัน จากนั้นครู่หนึ่งก็เอ่ยขึ้นอย่างสงบนิ่ง
“โจวสิงอู ตะเกียงแห่งชีวิตของข้าส่งมาถึงแล้วหรือยัง”
หลินหย่วนตงได้ยินก็ตัวสั่นสะท้าน โจวสิงอูที่อยู่ข้างๆ เขานิ่งเงียบมาตลอดทาง เอ่ยเสียงต่ำทุ้มออกมา
“ใต้เท้า ที่นี่การถ่ายทอดเสียงถูกจำกัด ข้าน้อยไม่ทราบว่าดำเนินไปถึงขั้นใด คิดว่าหลังจากที่พวกเรากลับไปก็จะได้ข้อสรุป
“เจ้ากลับไปตรวจสอบสักหน่อย เอาตะเกียงแห่งชีวิตมาให้ข้า ข้าจะรออยู่ที่นี่” สวี่ชิงขัดสมาธินั่งสมาธิ พูดออกไปอย่างสงบนิ่ง
คิ้วของโจวสิงอูขมวดมุ่น คำพูดของอีกฝ่ายทำให้เขารู้สึกว่าอีกฝ่ายไม่คิดจะกลับไปยังรัฐยอดฟ้า จะไปในส่วนลึกของเซียนแท้สิบลำไส้
‘บุตรเทวะผู้นี้รีบร้อนอยากได้ตะเกียงแห่งชีวิตขนาดนั้นเชียวหรือ’ โจวสิงอูหรี่ตา ขณะที่เงียบนิ่งขบคิด เจ้ารัฐยอดฟ้าหลังจากมองสวี่ชิงด้วยความหมายลึกซึ้งผาดหนึ่งก็พลันเอ่ยขึ้นว่า
“หรือใต้เท้าบุตรเทวะจะมีเคล็ดวิชาลับสามารถกระตุ้นสายเลือดที่เหือดแห้งในตะเกียงแห่งชีวิต ทำการลบล้างคำสาปบางอย่างจากเซียนแท้สิบลำไส้ได้จากการนี้ คิดจะเข้าไปในส่วนลึกหรือขอรับ”
ได้ยินเจ้ารัฐยอดฟ้าเอ่ยปากเช่นนี้ สวี่ชิงในใจค่อนข้างประหลาดใจ ในยามที่มองไปทางเจ้ารัฐยอดฟ้า อีกฝ่ายหันหน้าไปไม่สบตากับตน แต่เอ่ยเสียงต่ำทุ้มพูดกับโจวสิงอู
“ใต้เท้าโจว บุตรเทวะออกคำสั่ง ยังไม่รีบไปอีก!”
โจวสิงอูคิดๆ สะกดความสงสัยในใจ เรื่องนี้ไม่ว่าจะอย่างไรก็ไม่เกี่ยวอะไรกับตนมากเท่าไร ขอแค่ทำตามหน้าที่ให้ดีก็พอ จึงทิ้งองครักษ์ชุดดำบางส่วนเอาไว้ ตัวเองพาส่วนที่เหลือจากไปจากที่นี่ มุ่งหน้าไปยังรัฐยอดฟ้า
จากการจากไปของเขา ที่นี่ก็เงียบสงบ แสงพรายระยับจากแสงอาทิตย์ยามเย็นสลัวรางเลือนบนท้องฟ้าค่อยๆ มืดหม่น ทั่วทั้งผืนป่าค่อยๆ มืดมิด เจ้ารัฐยอดฟ้ายืนอยู่ตรงนั้น หันหน้าทอดสายตามองไปยังรัฐยอดฟ้า แล้วมองไปยังทางที่ไกลออกไปอีก
ตรงนั้นเป็นทิศของรัฐสายลมสวรรค์ ซึ่งก็เป็นสถานที่ที่ลูกชายของของเขาอยู่ สีหน้าของเขาในขณะนี้ฉายแววซับซ้อนขึ้นมากกลุ่มหนึ่ง
นายกองมองสวี่ชิงผาดหนึ่ง เงียบนิ่งไม่พูดจา ส่วนสวี่ชิงก็แผ่ประสาทสัมผัสออกไป เหนือแสงประกายรุ้งสีแดงสลัวรางเลือนแผ่พลังอำนาจกดดันกลุ่มหนึ่งออกมา นั่นคือเทวรูปฟ้าทมิฬ
มายังเซียนแท้สิบลำไส้ สวี่ชิงย่อมไม่มีทางไม่เตรียมการอะไร แม้เขาจะไม่สามารถเปลี่ยนเทวรูปฟ้าทมิฬทางนั้นให้เป็นพลังพระจันทร์สีม่วงได้โดยสมบูรณ์ แต่นี่ไม่ส่งผลกระทบต่อการออกคำสั่งของเขา
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ในขณะที่องครักษ์ชุดดำรอบๆ แต่ละคนต่างขัดสมาธินั่งรอ เจ้ารัฐยอดฟ้าที่ทอดสายตามองไปที่ไกลๆ จู่ๆ ก็หันมามองทางสวี่ชิง เอ่ยเสียงแผ่วเบาขึ้นว่า
“ใต้เท้าบุตรเทวะ บุตรชายข้ามีพรสวรรค์เป็นเช่นไรขอรับ”
“มู่เยี่ยมีสติปัญญาที่ไม่ธรรมดา พรสวรรค์เลิศล้ำ เป็นชนชั้นของคลื่นศักดิ์สิทธิ์ที่จำกัดอนาคตของเขา” สวี่ชิงเอ่ยอย่างสงบนิ่ง
แสงอาทิตย์ยามอัสดงสะท้อนในดวงตาของเจ้ารัฐยอดฟ้า บดบังความมีชีวิตชีวา ทำให้คนนอกมองสีหน้าและความเปลี่ยนแปลงในดวงตาของเขาไม่ออก แค่เพียงได้ยินคำพูดพึมพำของเขา



ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา