เข้าสู่ระบบผ่าน

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา นิยาย บท 459

บทที่ 459 ผู้บำเพ็ญหมวกฟางปรากฏตัว!

……….

เขตปกครองผนึกสมุทร มณฑลบังคับจำนน

ท้องฟ้าสีคราม แสงอาทิตย์เจิดจ้า พื้นดินที่ราบเหมือนประกอบจากจุดสีต่างๆ ขนาดเล็กๆ ใหญ่ๆ เข้าด้วยกัน ดูแล้วสีสันพร่างพราย เหมือนภาพวาดภาพหนึ่ง งดงามยิ่งนัก

และเมื่อมองให้ละเอียดก็จะเห็นจุดที่ปกคลุมบนที่ราบเหล่านี้ ล้วนแต่เป็นเสื้อผ้ามากมาย ชุดหญิงชายเด็กคนแก่ รูปแบบต่างๆ มีครบถ้วน แล้วยังมีของอย่างหมวกหรือถุงมืออีกมากมายด้วย

ที่นี่เป็นดินแดนของเผ่าอาภรณ์

ประเดี๋ยวๆ ก็จะเห็นเสื้อเด็กมากมายลอยขึ้นจากพื้นสู่ท้องฟ้า ต่างโผทะยานเล่นสนุกกันเป็นกลุ่มในท้องฟ้า ลอยไปลอยมา สงบสุขทั่วทุกแห่งหน งดงามยิ่งนัก

แต่ไม่นานนัก ในฟ้าดินที่งดงามและสงบสุข ในความว่างเปล่าก็เกิดรอยแยกขึ้นทางหนึ่ง

จากนั้นก็มีเสียงโอดโอยดังมา เสี้ยวขณะต่อมาศีรษะหนึ่งก็กลิ้งมาจากในนั้น เสียงกระแทกบนพื้นเสียงดัง หลังจากกลิ้งกลุกๆ มาสองสามรอบ หน้าก็คว่ำลงพื้น

ทำให้เสื้อผ้ามากมายกระจายไปทั่วทั้งยังลอยขึ้นมา ศีรษะนั้นพยายามอย่างปรับทิศทาง แต่เหมือนว่าจะอ่อนแอเกินไป ทำไม่ได้

แต่ว่าเรื่องเล็กแค่นี้ไม่เป็นปัญหากับบิดาแห่งมรรคาสวรรค์อยู่แล้ว ศีรษะนี้แลบลิ้นออกมายันพื้นเอาไว้สุดแรง อาศัยแรงพลิกกลับมา เปลี่ยนมาตั้งตรง มองรอบๆ อย่างแปลกประหลาด

‘เผ่าอาภรณ์อย่างนั้นหรือ’

ศีรษะนี้ก็คือนายกองนั่นเอง

ในเสี้ยวขณะที่เห็นเผ่าอาภรณ์ที่อยู่รอบๆ นายกองในใจเกิดความตื่นเต้นยินดี เขารู้ว่าตัวเองกลับมายังเขตปกครองผนึกสมุทรสำเร็จแล้ว

“ที่เผ่าอาภรณ์ข้ายังมีสหายสนิทอีกคนด้วย”

นายกองพึมพำ ภายใต้การเหนี่ยวนำจากพลัง ที่ไกลๆ มีถุงมือผู้หญิงข้างหนึ่งบินมาอย่างรวดเร็ว แล้วกระโดดโลดเต้นอยู่รอบๆ เขา บินไม่หยุด ท่าทางเหมือนดีใจมาก

นายกองหัวเราะฮ่าๆ จำได้ว่าถุงมือนี้ก็คือสหายสนิทของตัวเอง กำลังจะพูดอะไร แต่เสี้ยวขณะต่อมาที่ไกลๆ ก็มีหมวกกลุ่มหนึ่งบินมาอย่างรวดเร็ว พวกมันทำท่าเหมือนแย่งกัน ทำให้นายกองหน้าเปลี่ยนสี

ดีที่สหายสนิทของเขารีบลอยไปทางหมวกกลุ่มนั้น ไม่รู้ว่าระหว่างเผ่าอาภรณ์พูดคุยกันอย่างไร หมวกกลุ่มนั้นหลังจากที่วนรอบนายกองอยู่สองสามรอบ ก็จากไปอย่างอาลัยอาวรณ์

มองหมวกจากไปไกล นายกองถอนหายใจโล่งอก จากนั้นภายใต้การช่วยเหลือจากถุงมือก็ลอยขึ้นฟ้า หลังจากทอดสายตามองไปรอบๆ สีหน้าก็ฉายแววได้ใจ

“ครั้งนี้ราบรื่นดีเหลือเกิน ฮ่าๆ

“ไม่รู้ว่าอาชิงน้อยเป็นอย่างไรบ้าง เจ้าเด็กนั่นไม่ธรรมดา น่าจะไม่เป็นไร ข้างอกร่างให้เรียบร้อยที่นี่ก่อนค่อยว่ากัน”

นึกถึงตรงนี้ นายกองก็พยายามเงยหน้ามองไปยังถุงมือที่กำผมของตัวเอง เลียริมฝีปากเอ่ยเสียงต่ำทุ้ม

“โย่วโย่วน้อย เผ่าอาภรณ์ของพวกเจ้ามีอะไรอร่อย พาข้าไปลองหน่อยสิ…นอกจากนี้มีที่ใดสนุกๆ ให้ข้าได้เปิดหูเปิดตาบ้าง”

ถุงมือผู้หญิงได้ยิน นิ้วชี้ยกขึ้นงอหลายครั้ง คล้ายว่าพยักหน้า นายกองที่ดวงตาทั้งสองวาววับเต็มไปด้วยความหวัง เหาะเหินไกลออกไปเรื่อยๆ

หลายวันหลังจากนั้น ห่างจากที่นี่ไปหลายมณฑล บนทะเลทรายผืนนั้นที่เรือเหาะสำนักเจ็ดเนตรโลหิตที่เคยเหินผ่าน ที่นี่แสงอาทิตย์ที่นี่ประดุจเปลวเพลิง พื้นดินไม่มีพืชพรรณใดๆ ทั้งสิ้น มีเพียงคลื่นความร้อนเข้มข้นประดุจทะเลเพลิงบิดม้วนฟ้าดิน ตลบอวลไปทั่วทุกสารทิศ

ทอดสายตามองไป ทั่วทั้งทะเลทรายไม่เห็นเงาเผ่ามนุษย์แม้แต่ร่างเดียว มีเพียงปีศาจแสงที่กะพริบแสงท่ามกลางแสงอาทิตย์และเมืองหมอกของเผ่าควันขจรที่บางครั้งปรากฏขึ้นวับแวม

หลังจากนั้นครู่หนึ่ง บนท้องฟ้ามีเรือศึกเวทร้อยจั้งลำหนึ่งเหินพาดผ่านไปอย่างรวดเร็ว

เรือศึกเหาะนี้มีรูปร่างเป็นวงรี ลักษณะแปลกประหลาดอัศจรรย์นัก มีใบเรือกึ่งโปร่งแสงสิบกว่าคู่ คล้ายดาบยาว แล้วก็ดูเหมือนปีก ในขณะเดียวกันก็แผ่ประกายเย็นเยือกออกมา เรือทั้งลำเป็นสีม่วงดำ

ส่วนหัวเรือมีภาพสัญลักษณ์ผีร้าย นั่นเป็นกายวิญญาณที่เกิดขึ้นจากการที่เพลิงพิฆาตสะกดวิญญาณไว้ในช่องเวท ผสานไปในเรือศึกเวท

ทุกอย่างนี้ทำให้เรือเวทลำนี้แผ่กลิ่นอายแก่นลมปราณวังสวรรค์ออกมา

ตอนนี้ ในห้องโดยสารเรือศึกเวท สวี่ชิงที่เปลี่ยนกลับมาเป็นหน้าตาอย่างเผ่ามนุษย์ กำลังนั่งขัดสมาธิ

เขาถูกส่งข้ามกลับมาเป็นวันที่สามแล้ว ในตอนที่ปรากฏตัวขึ้นก็เป็นเหนือทะเลทรายแห่งนี้

แม้ที่นี่อากาศจะเลวร้าย อุณหภูมิที่สูงสุดขีดนั่น ต่อให้เป็นผู้บำเพ็ญก็ไม่อยากจะทนอยู่ให้นานเกินไป แต่ก็นับว่าไม่ได้ไปตกอยู่ในดินแดนที่โหดร้ายสุดกู่ นี่ทำให้สวี่ชิงแอบโล่งใจ

เขาจึงเอาเรือศึกเวทของตัวเองออกมา นั่งขัดสมาธิในนั้น ขณะเดียวกับที่หลบหลีกอุณหภูมิสูง ในสามวันนี้ก็จัดระเบียบผลเก็บเกี่ยวครั้งนี้ด้วย

“พลังบำเพ็ญของข้าจากห้าวังสวรรค์ทะลวงถึงแปดวังสวรรค์ วังสวรรค์วังที่เก้าก็ก่อตัวขึ้นมานิดหนึ่งแล้ว!”

“ตอนพี่ข่งกำลังรบเก้าวังสวรรค์ก็สังหารผู้บำเพ็ญระดับปราณก่อกำเนิดช่วงต้นได้ เรื่องนี้ตอนนี้ข้าก็น่าจะทำได้เช่นกัน หากลงมืออย่างสุดกำลัง…” ในดวงตาสวี่ชิงฉายประกายวาววับ

“ผู้บำเพ็ญระดับปราณก่อกำเนิดทั่วไป ต่อให้เป็นผู้ที่พลังบำเพ็ญลึกล้ำกว่าอีกเล็กน้อย ก็ใช่ว่าข้าจะฆ่าไม่ได้!

“ต่อจากนี้ก็เหลือวังสวรรค์วังที่เก้า สิบ สิบเอ็ด สามวังนี้เท่านั้น ทันทีที่เป็นวัตถุจริงทั้งหมด ข้าก็สามารถลองทะลวงขั้น ก้าวสู่ระดับปราณก่อกำเนิด!”

สวี่ชิงพึมพำ นึกถึงผลเก็บเกี่ยวอื่นๆ ในใจเกิดระลอกคลื่นอารมณ์เล็กน้อย

“ผลมรรคาสี่พันหนึ่งร้อยสี่สิบสองลูก!

“ตะเกียงแห่งชีวิตหนึ่งดวง!

“วัตถุดิบหลอมอาวุธ หลอมลูกกลอนที่แฝงด้วยท่วงทำนองศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ!

“ร่วมหุ้นมรรคาสวรรค์!”

สวี่ชิงสูดลมหายใจลึก หลังจากจัดระเบียบผลเก็บเกี่ยวทั้งหมด ก็พึงพอใจกับการเดินทางครั้งนี้เป็นอย่างมาก

“ไม่รู้ว่าชิงชิวเป็นอย่างไรบ้าง”

สวี่ชิงนึกย้อนถึงการส่งข้ามก่อนหน้านี้ หลังจากครุ่นคิดครู่หนึ่งก็ค่อนข้างเป็นกังวล แต่ว่าสวี่ชิงรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ใช่ผู้หญิงอ่อนแอ คนที่สามารถรอดมาจากเสี้ยวหน้าเทพเจ้าลืมตาได้จะต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน

ดังนั้นคิดๆ แล้ว ก็รู้สึกว่าตัวเองไม่จำเป็นต้องกังวล

ส่วนทางหนิงเหยียนทางนั้นเขาไม่เคยขบคิดมาก่อน ส่วนนายกอง…

สวี่ชิงรู้สึกว่าบางทีตัวเองตายไปแล้ว นายกองก็น่าจะไม่ตาย ต่อให้เหลือเพียงแค่ศีรษะแต่ใช้เวลาไม่นานเท่าไร ก็น่าจะกระโดดโลดเต้นได้

“ช่างศิษย์พี่ทางนั้นแล้ว เขามีวิธีกลับเขตปกครองเอง สิ่งที่ข้าต้องทำตอนนี้คือรีบกลับไป”

สวี่ชิงก้มหน้า มองยันต์ซ่อนอำพรางที่จื่อเสวียนวาดไว้บนร่าง

บทที่ 459 ผู้บำเพ็ญหมวกฟางปรากฏตัว! 1

บทที่ 459 ผู้บำเพ็ญหมวกฟางปรากฏตัว! 2

Verify captcha to read the content.ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา