บทที่ 467 นี่คือสายใยดวงชะตาของหลิงเอ๋อร์! (2)
Ink Stone_Fantasy
เสียงอัสนีคำรามสะท้านก้องดังมาจากท้องฟ้า ฟาดผ่าเปรี้ยงปร้างสนั่นหวั่นไหว เกิดลมแรงเปลี่ยนเป็นเสียงร่ำไห้ ดังก้องอยู่นอกหอกระบี่
พายุกำลังจะมา
คืนนี้มืดมิดกว่าที่ผ่านมา
บนท้องฟ้ามองไม่เห็นดวงจันทร์ ถูกเมฆหมอกหนาแน่นบดบัง มีเพียงเสียงคำรามหนักแน่นของสายฟ้าแต่ละเสียง ที่ดังก้องในฟ้าดินอยู่ตลอดเวลา ประดุจเทพเจ้าคำราม
สิ่งที่ตามมาคือสายฟ้าแต่ละทาง ที่เปล่งแสงสว่างจ้ามาในฟ้าดิน
ส่องสว่างเมืองหลวงเขตปกครอง และส่องสว่างไปทั่วทั้งเทือกเขาที่เผ่าต้นไม้วิญญาณอาศัยผืนนั้น
ลมพัดมาจากฟ้าดิน สั่นคลอนต้นไม้นับไม่ถ้วน ขณะเดียวกับที่ส่งเสียงซู่ซ่า ฝนจากหยดเปาะแปะทีละเม็ดก็เทกระหน่ำลงมาในพริบตา ซัดสาดมายังโลกมนุษย์
ในลมฝน เสียงคำรามน่าเวทนาดังก้องทะลุผืนฟ้า มากพอจะทำให้คนที่ได้ยินหนังศีรษะชาวาบ อยู่ในแอ่งกระทะเผ่าต้นไม้วิญญาณ ดังท่วมฟ้าขึ้นมา
เสียงแฝงด้วยความโศกเศร้าสุดหัวใจ มาพร้อมด้วยจิตใจที่แตกสลาย ดังก้องไปทั่วสารทิศ ดังก้องไปทั่วฟ้าดิน สายฟ้าไม่อาจสะกดควบคุม ลมฝนไม่อาจปกปิด
จากการฟาดผ่าของสายอัสนี เงาร่างผมเผ้ากระเซิงพุ่งออกมาจากเผ่าต้นไม้วิญญาณราวเสียสติ
เงาร่างนี้เป็นชายชราคนหนึ่ง
เขาดวงตาแดงก่ำ น้ำตาอาบหน้า ท่ามกลางเสียงหัวเราะอันทุกข์ระทมสีหน้าก็บิดเบี้ยวขึ้นมา ร่างสั่นสะท้านอย่างควบคุมไม่ได้ พุ่งตรงไปทางเมืองหลวงเขตปกครองเต็มกำลัง
ลมฝนหนักขึ้น เทกระหน่ำลงมาทั้งคืน
จวบจนยามรุุ่งสางจึงได้ค่อยๆ ซาลง ทว่าฟ้าดินกับตลบอวลไปด้วยไอน้ำคลุมเครือ เมฆหมอกที่ไกลสลายไปเล็กย้อย อาทิตย์ยามเช้าเหมือนป่วย แสงสลัวรางเลือนกล้อมแกล้มพอจะส่องสว่างโลก
นอกกรมราชทัณฑ์ ในหอกระบี่ สวี่ชิงลืมตา หลังจากสิ้นสุดการบำเพ็ญทั้งคืน เขาก็ลุกขึ้นเดินออกไปจากหอกระบี่
‘ข้าไปตำหนักตำราวังครองกระบี่ค้นหาที่มาที่ไปของแสงสีทองต่อ น่าเสียดายที่เด็กชายเขตติงหนึ่งสามสองสื่อสารไม่ได้ ไม่เช่นนั้นข้าน่าจะรู้เบาะแสของเส้นสีทองบ้างเล็กน้อย
‘แต่ทางเขา รอเมื่อข้าหาเบาะแสแล้วก็ไปยืนยันได้’
สวี่ชิงพึมพำในใจ ลอยขึ้นมุ่งหน้าตรงไปวังครองกระบี่
ท่ามกลางลมฝน เงาร่างของเขาทะยานไปอย่างรวดเร็วกลางอากาศ ไม่นานนักก็เหยียบมาบนบันไดหินขาวที่เปียกปอนรอบนอกวังครองกระบี่ ในเสี้ยวขณะที่กำลังจะไปทางตำหนักตำรา ก็พลันเงยหน้ามองไปทางที่ไกล
ฟ้าดินในตอนนี้มีชายชราที่ดวงตาเต็มไปด้วยเส้นเลือด สีหน้าโศกเศร้าเป็นอย่างยิ่ง กำลังเหินตรงมายังวังครองกระบี่อย่างบ้าคลั่ง
เหินมาด้วย ปากเขาก็คำรามโหยไห้ไม่หยุดไปด้วย
“สวี่ชิง สวี่ชิง สวี่ชิง!”
เสียงของเขาดังมา ไม่ใช่แค่รวมไว้ด้วยพลังบำเพ็ญ ยิ่งเหมือนใช้พลังทั้งหมดในตัวตะโกนออกมา
เป็นชายชราเจ้าของโรงเตี๊ยมถนนทองผุดนั่นเอง
เขาไม่รู้ตำแหน่งที่แน่ชัดที่สวี่ชิงอยู่ แต่เขารู้ว่าสวี่ชิงเป็นผู้ครองกระบี่ มื่อใกล้เข้ามาเขาจึงทำได้เพียงแค่ตะโกนเช่นนี้ แต่ที่นี่คือเมืองหลวงเขตปกครอง เขาที่ในใจว้าวุ่นสูญเสียความรู้หนักเบาไปตั้งนานแล้ว ยังไม่ทันจะได้เข้าใกล้ก็ถูกจิตเทพทางหนึ่งจับเป้าหมายเอาไว้ ไม่สามารถมุ่งตรงต่อไปได้
ชายชราเจ้าของโรงเตี๊ยมถนนทองผุดผมเผ้ากระเซอะกระเซิง เขาไม่เห็นสวี่ชิงที่อยู่ในวังครองกระบี่ในที่ไกล ตอนนี้ยืนอยู่กลางสายฝน เขามองเมืองหลวงเขตปกครองที่ไม่คุ้นเคย เสียงแฝงด้วยความโกรธโศกเศร้า แฝงด้วยความน่าสังเวช แฝงด้วยความรันทด
“สวี่ชิง! เจ้าออกมาเดี๋ยวนี้นะ!”
เสียงคำรามของเขาดังไปทั่วทิศ ทำให้ผู้ครองกระบี่จำนวนไม่น้อยขมวดคิ้ว หน่วยลาดตระเวณที่อยู่นอกวังครองกระบี่มีคนจำนวนหนึ่งเหาะเหินไปอย่างเคร่งขึม
“ใครมาเอะอะเสียงดัง!”
“ข้ามาหาสวี่ชิง พวกท่านได้โปรดช่วยข้าตามหาเขาที ข้ามีเรื่องสำคัญร้ายแรงต้องหาสวี่ชิง!!”
“ท่านอย่าได้ร้อนใจไป เรื่องนี้รอสักครู่ก็จะมีคนไปแจ้งให้ท่าน” ผู้ครองกระบี่เดินไปข้างหน้าชายชราเจ้าของโรงเตี๊ยมถนนทองผุดขวางเขาเอาไว้ สังเกตเห็นความบ้าคลั่งในดวงตาของอีกฝ่าย ในขณะที่ระแวดระวังก็เอ่ยปลอบไปด้วย
ในวังครองกระบี่ สวี่ชิงมองชายชราที่ถูกขวางอยู่ที่ไกลๆ จำตัวตนของอีกฝ่ายได้ การปรากฏตัวของอีกฝ่ายกะทันหันนัก อีกทั้งระหว่างทั้งสองฝ่ายไม่ได้สนิทสนมกัน
ในยามที่สวี่ชิงขบคิดอยู่ทางนี้ ชายชราเจ้าของโรงเตี๊ยมถนนทองผุดที่ถูกขวางอยู่ไกลๆ ก็ส่งเสียงโหยวหวนราวแตกสลายขึ้นมาอีกครั้ง
“ไม่มีเวลาแล้ว ไม่มีเวลาแล้ว” ระหว่างพูด ทางนี้จิตใจก็ปั่นป่วนว้าวุ่นไปแล้วโดยสมบูรณ์ ชายชราที่สูญเสียความเป็นเหตุเป็นผลพุ่งออกไปทันที
“สวี่ชิง สวี่ชิง เจ้าอยู่ที่ใด ช่วยด้วย ต้องการความช่วยเหลือจริงๆ !!! เส้นสีทองในตัวเจ้า…”
ชายชราเจ้าของโรงเตี๊ยมถนนทองผุดร่างกายสั่นเทิ้ม ในดวงตาคล้ายจะมีเลือดหยดออกมา ตะโกนคลุ้มคลั่งรอบๆ แต่ครั้งนี้เสียงของเขาแทบจะเพิ่งดังออกมายังไม่ทันพูดจบ ก็มีลมคลั่งพัดมาจากในวังครองกระบี่ทันที
เพียงพริบตา เงาร่างสวี่ชิงก็มาปรากฏตัวหน้าชายชราเจ้าของโรงเตี๊ยมถนนทองผุด มือขวายกขึ้นขวางผู้ครองกระบี่รอบๆ เอาไว้
ผู้ครองกระบี่รอบๆ แต่ละคนสีหน้าฉายแววเคารพนอบน้อมทันที หลังจากโค้งคารวะสวี่ชิงก็จากไป ส่วนสวี่ชิงตอนนี้ไม่มีเวลาทำความเคารพกลับ เขาจ้องชายชราเจ้าของโรงเตี๊ยมถนนทองผุดที่อยู่ข้างหน้า เอ่ยอย่างรวดเร็ว
“เส้นสีทองในตัวข้าหรือ”
มองสวี่ชิงที่ปรากฏตัวในพริบตา ชายชราเจ้าของโรงเตี๊ยมถนนทองผุดพลันก้าวขึ้นไปคว้าเอาไว้ เอ่ยขึ้นอย่างร้อนรน
“สวี่ชิง สวี่ชิง ไปกับข้า พวกเราไปช่วยหลิงเอ๋อร์กัน!”


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา