บทที่ 480 สักหนึ่งก็ห้ามขาด!
เมื่อคิดว่าตนไม่ได้มีอิสระนานเท่าไรนัก…ศีรษะนี้จึงโมโหอย่างมาก
หากเป็นแค่พลทหารธรรมดาก็ช่างเถิด เขายังหลอกล่อได้ อย่างไรอีกฝ่ายก็ไม่รู้จักตน แต่เจอกับสวี่ชิงที่นี่ มันไม่ขนลุกชูชันเลยสักนิด ทำได้แค่หลบหนีสุดกำลัง
อันที่จริงสวี่ชิงเล่นงานเขาจนตายไปแล้วไม่รู้กี่ครั้ง และวิธีการของสวี่ชิงนั้นเขาก็รู้อยู่เต็มอกว่าโหดเหี้ยมเพียงใด ไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่นเลย แค่คลื่นพลังอำนาจความเป็นเทพของเขา ก็ทำให้มันขวัญผวาแล้ว การกลืนกินของเงาดำนั่นอีก…
โดยเฉพาะตอนนั้นที่อีกฝ่ายตื่นตัวทุกวัน ทุกครั้งที่ตื่นมักจะเหยียบเขาจนตายตลอด ผ่านไปหลายครั้ง เขาก็ยังไม่ชินเสียที จนหวาดกลัวสวี่ชิงอย่างหนัก
ขณะที่สั่นเทา ศีรษะของมันก็กลิ้งหนีไวขึ้น และสิงโตหินด้านหน้ามันก็เช่นกัน
สวี่ชิงเดินไปอย่างไม่รีบร้อน มองศีรษะกับสิงโตหินด้านหน้าที่วิ่งหนีอยู่อย่างเย็นชา หลังจากไม่มีผลกระทบจากเขตติงหนึ่งสามสอง ความทรงจำมากมายที่เกี่ยวข้องกับเขตติงหนึ่งสามสอง จึงฉายขึ้นมาในสมองเวลานี้
โดยเฉพาะ…เขานึกออกว่าตนเองทำไมทุกครั้งต้องบีบตำราไม้ไผ่ทิ้ง
ตำราไม้ไผ่ที่เขาหยิบออกมาจากเขตติงหนึ่งสามสองเปลี่ยนเป็นสิ่งที่ผิดปกตินานแล้ว ขณะที่บนนั้นรวมพลังเทพเจ้าเอาไว้ก็ยังคละคลุ้งไปด้วยการลืมเลือนดวงชะตาในอดีตด้วย
เมื่อผสานรวมเข้ากัน หลังจากสะสมในทุกครั้ง คุณสมบัติแต่เดิมของตำราไม้ไผ่เหล่านั้นก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
‘น่าจะเพราะทุกครั้งหลังข้าตื่นตัวคิดถึงจุดนี้ได้ คิดจะใช้พลังของเขตติงหนึ่งสามสองสร้างสมบัติที่เป็นเอกลักษณ์ชิ้นหนึ่งขึ้นมา’
ขณะที่สวี่ชิงเหมือนครุ่นคิด ปีกโลหิตวิญญาณทมิฬก็ปรากฏขึ้นที่ด้านหลัง เมื่อสยายปีก ก็ระเบิดความเร็วของเขาฉับพลัน พุ่งไปด้านหน้านับร้อยจั้ง ไปปรากฏอยู่ข้างกายเจ้าศีรษะนั่น
ความเร็วของเขาเร็วเกินไป เจ้าศีรษะรู้สึกแค่ตาลาย เพียงพริบตาก็เห็นสวี่ชิงปรากฏตัวกะทันหัน มันกรีดร้องขึ้นมาทันที ขณะที่ความหวาดกลัวปะทุมหาศาล ก็เห็นสวี่ชิงยกเท้าขึ้น
“อ๊าก เป็นเช่นนี้อีกแล้ว!” เจ้าศีรษะร้องโหยหวน หลับตาลงตามสัญชาตญาณ พริบตาต่อมา เสียงโพละดังขึ้น
เท้าขวาของสวี่ชิงเหยียบลงไปจนศีรษะระเบิด จากนั้นก็มองเจ้าสิงโตหินที่อยู่ไกลๆ อย่างเย็นชา เอ่ยเสียงเรียบ
สิงโตหินที่อยู่ไกลๆหยุดชะงัก สั่นเทิ้มอย่างรุนแรง อยากจะหนีต่อแต่ไม่กล้า เมื่อนึกถึงประสบการณ์ที่ตนถูกเผาตายนับไม่ถ้วน สุดท้ายมันก็หันหลังกลับมาอย่างว่าง่าย ส่ายหางเหมือนสุนัขตัวน้อย วิ่งกลับมาหาสวี่ชิง ทิ้งตัวลงหมอบจนดังตุบ
สวี่ชิงกวาดตามองสิงโตหินผาดหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นความทรงจำที่ค่อยๆ ปรากฏขึ้นมาของเขา หรือเนื้อหาที่สลักไว้บนตำราไม้ไผ่พังๆ เหล่านั้น ก็ทำให้เขาเข้าใจ ว่าสิงโตหินตัวนี้ คืออสูรวายุจากเขตติงหนึ่งสามสอง
พูดให้ถูกคืออสูรวายุอยู่ในที่ถูกดวงชะตาสะกดไว้ และโฉมหน้าที่แท้จริงของมัน ก็คือสิงโตหินไม่มีหัวตัวนี้
นี่ก็เป็นสาเหตุที่ทำไมเมื่อเจ้าศีรษะเจอกับสวี่ชิงแวบแรกก็ออกอุบายให้สวี่ชิงส่งมันไปหาอสูรวายุ มันอยากจะเป็นศีรษะให้สิงโตหินนี้นั่นเอง
ขณะที่สวี่ชิงครุ่นคิดในใจ เศษเนื้อของเจ้าศีรษะใต้เท้าเขา ก็ผสานใหม่อย่างรวดเร็ว ไม่นานเจ้าศีรษะก็ฟื้นฟูกลับมา หลังจากปรากฏขึ้นก็รีบร้องเสียงแหลม
“ใต้เท้าผู้ดูแล ข้า…” สวี่ชิงยกเท้าเหยียบลงไปอีกครั้ง
เสียงโพละดังขึ้น แหลกเละอีกรอบ
สิงโตหินร่างกายสะท้านเฮือก สะบัดหางแรงขึ้น
ไม่นาน เจ้าศีรษะก็ฟื้นฟูกลับมาอีกครั้ง กรีดร้องโหยหวน
“จบสิ้นแล้ว พอไม่มีการลืมเลือนของเขตติงหนึ่งสามสอง ข้า…”
โพละ แหลกเละอีกรอบ
เวลาก็ผ่านไปครึ่งชั่วยามเช่นนี้ หลังจากเหยียบจนเละไปสิบแปดรอบ สวี่ชิงก็เดินทางต่อ
เพียงแต่เขาที่ออกจากที่นี่ ตอนนี้ไม่ได้เดินเท้า แต่นั่งอยู่บนตัวสิงโตหินไร้หัว ส่วนเจ้าศีรษะ…ถูกแขวนเอาไว้ที่หางของสิงโตหิน
ตามการมุ่งหน้าไปด้วยสี่เท้าของสิงโตหิน สองเท้าหลังก็เตะเจ้าศีรษะไม่หยุด เจ้าศีรษะโกรธมาก แต่ก็ไม่กล้าโมโหใส่สวี่ชิง มันจึงก่นด่าสิงโตหินไม่หยุด
หลังจากที่สิงโตหินได้ยิน ก็แกว่งหาง เตะขาหลังหนักขึ้น
เดิมสวี่ชิงคิดจะเล่นงานนักโทษเขตติงหนึ่งสามสองสองตัวนี้ให้ตาย แต่พวกนักโทษเขตติงหนึ่งสามสองถูกกุมขังอยู่กับเทพเจ้ามานาน ด้วยผลกระทบแต่ละครั้ง ทำให้มีการเปลี่ยนแปลงมหัศจรรย์บางอย่าง อาจพูดได้ว่าเป็นคำสาปพิเศษ แต่ราคาที่ต้องจ่ายไปก็ไม่อาจล่วงรู้ได้
คำสาปนี้ ทำให้ทุกครั้งที่พวกมันตาย ก็จะฟื้นคืนชีพอย่างรวดเร็ว
จุดนี้สวี่ชิงนึกออกแล้ว ตอนนั้นที่เขตติงหนึ่งสามสองก็เป็นเช่นนี้
ในเมื่อเล่นงานให้ตายไม่ได้ ปล่อยให้หนีไปไม่ได้เช่นกัน สวี่ชิงจึงถือโอกาสให้พวกมันอยู่ข้างกาย
เพียงแต่ภาพนี้แปลกประหลาดอย่างมาก
สิงโตหินไม่มีหัววิ่งด้วยความเร็ว ส่วนเท้าก็ถีบหนักๆ เจ้าศีรษะที่แขวนอยู่บนหางร้องโหวกเหวก พูดไปด่าไป ส่วนสวี่ชิงก็นั่งหน้านิ่งอยู่บนหลังสิงโตหิน ประเดี๋ยวชี้ทิศทาง สิงโตหินก็ทะยานไป
ตอนที่ฟ้าใกล้เปลี่ยนสี มณฑลประกายอรุณก็สะท้อนเข้ามาในดวงตาสวี่ชิงเช่นนี้
“มณฑลประกายอรุณ?” เจ้าศีรษะที่หน้าเขียวปูด พ่นหินที่มาจากขาของสิงโตหินออกมา เงยหน้ามองไปทางมณฑลประกายอรุณ กะพริบตาปริบๆ เอ่ยออกมาทันที
“ใต้เท้าๆ ข้าขอรายงาน!
“ข้าขอรายงานว่าตาเฒ่าเผ่าจิตรกรรมนั่นก็อยู่ที่มณฑลประกายอรุณ ไม่ใช่แค่เขา นิ้วเทพเจ้านั่นของเขตติงหนึ่งสามสองของพวกเราก็อยู่ด้วย!”
สวี่ชิงเลิกคิ้ว หันหน้าเจ้าศีรษะ
เจ้าศีรษะรีบแสดงท่าทางเอาใจ น้ำเสียงแฝงความเป็นธรรม


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา