บทที่ 479 บรรพจารย์หุนเทียนและปีศาจศิลาผนึกสมุทร
……….
หลังจากกลืนคนหน้าตาโง่เง่าตัวใหญ่ในปากลงไปแล้ว เจ้าเงาก็ได้ยินประโยคนี้จากสวี่ชิง
มันลิงโลดขึ้นมาทันที แผ่ระลอกคลื่นตื่นเต้นยินดีอย่างรุนแรง
เหมือนกับสุนัขร้ายที่จงรักภักดีเป็นที่สุดตัวหนึ่ง ท่ามกลางความวาดหวังอันสูงสุดที่ในที่สุดก็ได้รับคำอนุญาตจากเจ้านาย ดังนั้นทั้งตัวจึงแผ่ระลอกคลื่นน่ากลัวออกมา พุ่งออกไปอย่างบ้าคลั่ง
และสิ่งก่อสร้างเหล่านั้นในหมู่บ้านที่นี่ก็เห็นได้ชัดว่าสัมผัสได้ถึงความร้ายกาจของสวี่ชิง ขาของพวกมันปรากฏออกมาทันที จะหนีไปยังที่ไกลแต่ก็สายไปแล้ว
เพียงพริบตาเจ้าเงาก็แผ่ออกไปจากใต้เท้าสวี่ชิง ยืดขยายออกไปทั่วทุกสารทิศอย่างรวดเร็ว ทุกที่ที่ผ่านบ้านเรือนที่คิดจะหนีพวกนั้นล้วนส่งเสียงน่าเวทนาตื่นกลัวโหยหวนออกมา
และเสียงน่าเวทนาเหล่านี้ดังออกมาไม่นาน จากการแผ่ปกคลุมของเจ้าเงาก็ถูกแทนด้วยเสียงเคี้ยว
“กิน…อร่อย…ดี…”
เจ้าเงาดีใจนัก ลิงโลดกระดี๊กระด๊าเหลือเกิน กระทั่งว่าร่างบิดม้วน บนพื้นมีรยางค์สีดำนับไม่ถ้วนลอยขึ้นมา ไล่ตามไปยังบ้านเรือนที่หนีไปรอบๆ อีกครั้ง
มองไกลๆ ภาพนี้แปลกประหลาดนัก หากมีคนนอกอยู่ที่นี่ในใจจะต้องเกิดความหวาดกลัวแน่นอน เพราะวิธีการขับไล่สิ่งประหลาดของสวี่ชิงในเสี้ยวขณะนี้ แปลกประหลาดเสียยิ่งกว่าสิ่งประหลาดอีก
ต้นไม้หายไปทีละต้น บ้านเรือนถล่มไปทีละหลัง ถูกเจ้าเงากลืนลงไปทั้งอย่างนั้นเช่นนี้เอง
บรรพจารย์สำนักวัชระก็ปรากฏตัวออกมาเช่นกัน กะพริบตาปริบๆ อยู่ข้างๆ กระตุ้นแสงอัสนีคล้ายเตือนสวี่ชิงว่าตัวเองก็เคยลงแรงเช่นกัน
สวี่ชิงไม่สนใจ
ความระแวงระวังของบรรพจารย์สำนักวัชระเกิดขึ้นอย่างรุนแรงในเสี้ยวขณะนี้เอง เขารู้สึกว่าการมีตัวตนของตัวเองจืดจางลงเรื่อยๆ
จากนิยายที่เขาเคยอ่านความรักความโปรดปรานข้างกายตัวละครหลัก สุดท้ายจากความรู้สึกถึงการมีตัวตนอยู่ หายไปโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว
เขาเคยคิดว่านักเขียนนิยายคงเขียนๆ ไปก็ลืมเอง แต่ตอนนี้หลังจากที่สัมผัสประสบการณ์ด้วยตัวเอง เขาก็รู้ว่าไม่ใช่แบบนั้น เป็นเพราะสัตว์เลี้ยงเหล่านั้นยังพยายามไม่มากพอ ไม่เกี่ยวกับคนเขียน
‘ข้าต้องพยายามทะลวงขั้นให้เร็วที่สุด รีบทำให้ตัวเองมีพลังระดับปราณก่อกำเนิดให้เร็วกว่าปีศาจสวี่ เช่นนั้นการมีตัวตนของข้าก็จะต้องชัดเจนเป็นที่สุดแน่นอน!’
ในตอนที่บรรพจารย์สำนักวัชระจิตใจเด็ดเดี่ยวมุ่งมั่น ทางเจ้าเงายิ่งกินก็ยิ่งสะใจ
บางทีอาจเป็นเพราะอร่อยมาก เจ้าเงาถึงกับมีลิ้นปรากฏออกมา หลังจากดูดซับไปบนพื้นก็เลียไปเลียมา จวบจนเลียไปทุกซอกทุกมุม ก็มีเสียงคำรามอย่างโมโหดังมาจากในจุดลึกใต้ดิน
“รังแกกันเกินไปแล้ว!”
รยางค์เนื้อชุ่มเลือดแต่ละรยางค์ ที่คล้ายกับเจ้าเงาแต่เป็นวัตถุจริงทะลวงออกมาจากใต้ดินในเสี้ยวพริบตา ในยามที่พุ่งไปทั่วทุกทิศ เจ้าเงาก็กระโจนไปอย่างตื่นเต้น
แต่รยางค์พวกนี้ไม่รู้ว่าสำแดงวิชาอะไร จู่ๆ ก็พ่นหมอกดำจำนวนมหาศาลมาขวางเจ้าเงาเอาไว้
เจ้าเงากินไม่เลือก ดูดทันที หลังจากที่กลืนหมอกพวกนั้นลงไปทั้งหมด ก็แผ่ความตื่นเต้นออกมามากกว่าเดิม คล้ายว่าได้เจอของที่น่าสนุกอะไรบางอย่าง เข้าไปใกล้รยางค์เหล่านั้นอย่างรวดเร็ว
เสี้ยวขณะต่อมา ในยามที่ปะทะกัน ภายใต้เสียงเคี้ยวและเสียงน่าเวทนาเป็นระยะ รยางค์เหล่านั้นก็ถูกฉีกทึ้งกัดกินไปอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางความตื่นกลัวที่แผ่ปกคลุม รยางค์ระเบิดตัวเองไปกว่าครึ่ง เกิดเป็นระลอกคลื่นรุนแรงบีบให้เจ้าเงาถอยหลัง แตกร้าว
จากนั้นก็มีเนื้อชุ่มเลือดมหาศาลพุ่งออกมาจากใต้พื้น รวมอยู่ที่ไกล ห่อเป็นอสูรยักษ์ที่รูปลักษณ์ภายนอกเป็นกิเลน แต่ทั้งตัวมีรยางค์เนื้อชุ่มเลือดเต็มไปหมด
อสูรตัวนี้มองเจ้าเงาที่ท่ามกลางระลอกคลื่นพลังก็แตกร้าว แต่สามารถประกอบร่างขึ้นใหม่อย่างสมบูรณ์ได้รวดเร็วแวบหนึ่งด้วยแววตาเคร่งขรึม
“นี่มันสิ่งประหลาดอะไร!”
“รีบๆ กินเข้า” สวี่ชิงเอ่ยราบเรียบ เขาจะรีบเดินทาง
เจ้าเงาเมื่อได้ยินก็แผ่จิตปฏิปักษ์ไปยังอสูรเนื้อชุ่มเลือดตัวนั้นทันที เพียงไหววูบพื้นดินรอบๆ ก็ลอยขึ้น แล้วแปลงเป็นโลงใบใหญ่โล่งหนึ่ง บนนั้นมีดวงตาที่ลืมตาอยู่มากมาย พุ่งตรงไปยังอสูรยักษ์เนื้อชุ่มเลือด
“บังคับสิ่งประหลาดอย่างนั้นหรือ น่าสนใจ
“ท่าทางสองร้อยปีที่ข้าถูกขังนี้ ข้างนอกเกิดการเปลี่ยนแปลงและมีวิชาอัศจรรรย์มากมาย เช่นนั้น…ข้าก็จะกินเจ้าก่อน!”
เพียงพริบตาก็มาถึงข้างหน้าสวี่ชิง ครอบรอบๆ เขาอย่างเฉียบพลัน คล้ายว่าจะปกคลุมสวี่ชิงไว้ข้างใน
“กรมราชทัณฑ์หรือ”
สวี่ชิงได้ยินคำพูดของอีกฝ่าย ในดวงตาก็ฉายแววโหดเหี้ยม มือขวายกขึ้นเมินชิ้นเลือดเนื้อที่แผ่ปกคลุมมารอบๆ ยื่นไปข้างๆ คว้าวัตถุเมือกลื่นชิ้นหนึ่งในเนื้อชุ่มเลือดนับไม่ถ้วนเอาไว้ แล้วกระชากเต็มแรง
เสียงร้องน่าสังเวชโหยหวนที่รุนแรงกว่าก่อนหน้านี้ดังออกมา เศษเนื้อรอบๆ กลายเป็นเถ้าธุลีสลายไป มีเพียงมนุษย์จิ๋วสีดำที่บีบเอาไว้ในมือของสวี่ชิงกำลังสั่นสะท้านรุนแรง
มนุษย์สีดำตนนี้ทั่วทั้งร่างเปียกชุ่ม มีดวงตาเพียงข้างเดียว อีกทั้งกะโหลกหายไปครึ่งหนึ่ง บริเวณท้ายทอยว่างเปล่า เหมือนถูกคนขุดออกไป ไม่เหลือสมองสักเท่าไร
บาดแผลจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ฟื้นฟู
สวี่ชิงไม่รู้สึกแปลกใจ เขารู้ว่าในบรรดาพลทหารของกรมราชทัณฑ์ไม่ใช่ทุกคนที่ชอบฆ่า ยังมีคนที่ชื่นชอบการศึกษาค้นคว้าด้วย
พวกเขามักจะเป็นผู้ที่มีอุดมการณ์และความหวัง มักจะแยกชิ้นส่วนต่างเผ่ามาศึกษาค้นคว้า
มนุษย์จิ๋วสีดำเหล่านี้น่าจะในตอนที่หลบหนีเพิ่งจะถูกวิจัยเสร็จ
เจ้าเงาตอนนี้มาถึงอย่างรวดเร็ว วนอยู่รอบๆ สวี่ชิง มองไปยังมนุษย์จิ๋วที่สีเหมือนกับมันในมือสวี่ชิง
“เจ้ากล้าฆ่าข้าหรือ พี่ใหญ่ข้าคือบรรพจารย์หุนเทียนและปีศาจศิลาผนึกสมุทร พวกเขาออกมาจากเขตติงหนึ่งสามสอง เจ้าเคยได้ยินเขตติงหนึ่งสามสองหรือไม่! นั่นเป็นสถานที่ลึกลับที่โหดเหี้ยมที่สุดของกรมราชทัณฑ์ หากเจ้ากล้าแตะข้า พวกเขาจะต้องฆ่าเจ้าอย่างแน่นอน!”
มนุษย์ดำจิ๋วขณะที่ตัวสั่นสะท้านก็ส่งเสียงโหยหวนที่มาพร้อมด้วยความตื่นกลัวออกมา มันไม่รู้จักสวี่ชิง…
อย่างไรนักโทษในกรมราชทัณฑ์มีมากมายนัก สวี่ชิงไม่เคยไปห้องขังทุกห้อง และส่วนมากที่เคยเห็นเขาก็ล้วนถูกเขาฆ่าตายไปหมดแล้ว


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา