เข้าสู่ระบบผ่าน

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา นิยาย บท 49

บทที่ 49 หยดเลือดแห่งเทพเจ้า

หนึ่งคืนผ่านไป

แม้แสงอรุณจะไม่ร้อนแรงเหมือนช่วงกลางวัน แต่ก็ยังคงลอดผ่านหน้าต่างห้องเข้ามา

เหมือนไม่สนใจว่าเจ้าจะยอมรับหรือไม่ ขอแค่เจ้าไม่หลบไปอยู่ใต้ชายคา มันก็จะสาดลงมาบนพื้นและบนตัวโดยไม่ยอมให้ต่อต้านขัดขืน

ใช้ความอบอุ่นปลุกผู้คนที่ยังหลับไหลทั้งหมด

สวี่ชิงค่อยๆ ลืมตาขึ้น

มองแสงนอกหน้าต่าง ร่างของเขาเหมือนจะสูดรับการเพรียกหาท่ามกลางแสงตะวันได้ ขณะเลือดลมไหลเวียน สวี่ชิงลุกยืน

หลังจากอุ่นร่างกายก็ผลักประตูเปิด มองอย่างระมัดระวังไปด้านนอกไกลๆ

ในเมืองหลังฟ้าสาง แตกต่างจากยามราตรีอย่างสิ้นเชิง

ร้านอาหารเช้าทยอยเปิดขาย ร้านรวงต่างๆ ก็เช่นกัน กลุ่มคนค่อยๆ เพิ่มมากขึ้น แต่ยังคงเย็นชาและเร่งรีบตามเดิม เหมือนว่าทุกคนกำลังใช้ชีวิตอยู่ภายใต้แรงกดดันมหาศาล

ทว่าบางครั้งก็ยังได้ยินเสียงเด็กอ่านหนังสือลอดมาจากกำแพงสูงบางแห่ง เสมือนเป็นตัวแทนของความเป็นระเบียบเรียบร้อยระดับหนึ่งที่ยังมีอยู่ในเมืองหลักแห่งนี้

สวี่ชิงที่เดินอยู่บนถนนคิดถึงสมุนไพรดอกสองชีพที่ปรมาจารย์ไป่เคยแนะนำขึ้นมา เป็นสมุนไพรประหลาดที่เติบโตอยู่ในแสงสว่างและความมืดร่วมกัน จะแยกจากกันมิได้

“บางที นี่คงจะเป็นสภาพปกติของเมืองใหญ่กระมัง”

เด็กมักจะยอมรับสิ่งใหม่ๆ ได้ดีกว่าผู้ใหญ่เสมอ

จุดนี้ก็แสดงออกมาบนตัวสวี่ชิงได้เป็นอย่างดี ผ่านไปไม่นาน เขาก็รับเรื่องทั้งหมดนี้ได้ กินข้าวเช้าง่ายๆ และสอบถามเรื่องเวลาเข้ารับการทดสอบเข้าสำนัก

ผู้คนในเมืองก็ใช่ว่าไม่คุ้นเคยเรื่องการทดสอบเข้าสำนัก หลังจากรู้ว่าการทดสอบของทุกวันอยู่ในช่วงกลางวันและตำแหน่งที่จัดตั้งแล้ว สวี่ชิงจึงใช้เวลาช่วงเช้าคอยสังเกตในเมืองหลักเจ็ดเนตรโลหิตแห่งนี้ นี่เป็นความเคยชินของเขา

และหลังจากสังเกต สวี่ชิงก็เข้าใจโครงสร้างเมืองหลักแห่งนี้บ้างแล้ว เพียงแต่เวลาน้อยเกินไป และเมืองหลักนี้ก็ใหญ่เสียเหลือเกิน ใหญ่กว่าฐานที่มั่นคนเก็บกวาดนับหมื่นเท่า และยังมีบางพื้นที่ที่หากไม่ใช่ศิษย์สำนักเจ็ดเนตรโลหิตก็ไม่อาจย่างกรายเข้าไปได้ด้วย

ดังนั้นจึงสำรวจทั้งหมดได้ยากในช่วงเวลาสั้นๆ

แต่เขาก็พบถนนสายหนึ่งที่ทอดยาวไปถึงประตูเมือง หลังจากยืนยันสิ่งปลูกสร้างบนถนนแล้ว สวี่ชิงมองสีท้องฟ้า จากนั้นจึงมุ่งหน้าไปยังจุดทดสอบที่เขาสำรวจมา

สถานที่ทดสอบเข้าสำนักเจ็ดเนตรโลหิต ตั้งอยู่ที่ทิศใต้ชายขอบเมือง ตีนเขาสัจธรรม

ส่วนที่อยู่ใต้ลงไปอีกคือยอดเขายักษ์ทั้งเจ็ดของเจ็ดเนตรโลหิต มองไกลๆ มีเส้นทางภูเขาคดเคี้ยวเจ็ดสาย ลากยาวพาดผ่านความเขียวขจีไปยังยอดเขาที่แตกต่างกัน

ที่นี่มีลานกว้างขนาดยักษ์แห่งหนึ่งที่เวลานี้รอบด้านมีม่านแสงปกคลุมกั้นแยกคนนอกเอาไว้ มีเพียงผู้ที่ถือป้ายแนะนำเท่านั้นถึงสามารถเดินเข้าไปได้

ตอนสวี่ชิงมาถึงรอบๆ ลานกว้างมีคนรออยู่หลายสิบคนแล้ว คนเหล่านี้อายุอยู่ที่สิบเจ็ดสิบแปดปี มีทั้งสวมชุดธรรมดาและหรูหรา มีทั้งสะอาดสะอ้านและสกปรกมอมแมมเหมือนสวี่ชิง

พวกเขาล้วนถือป้ายแนะนำ มาจากสถานที่ต่างๆ เพื่อทำรับการทดสอบกันทั้งสิ้น

ใจกลางลานกว้างยังมีผู้บำเพ็ญกลางคนสามคนยืนอยู่ตรงนั้น คลื่นพลังวิญญาณบนตัวทุกคนล้วนอยู่ในระดับที่น่ากลัว เหมือนจะแกร่งกว่าบรรพชนสำนักวัชระอยู่เล็กน้อยอีกด้วย

พวกเขาพูดคุยหัวเราะพลางรอเวลาเริ่มการทดสอบ แต่บางครั้งยังมีสายตาสอดส่องศิษย์รอบๆ เหมือนกำลังชั่งน้ำหนักในใจ

ภาพนี้ยิ่งทำให้สวี่ชิงระแวดระวังมากขึ้น

เขาไม่ถนัดเข้าสังคม ดังนั้นจึงมองหาจุดหนึ่งเงียบๆ ที่ไม่ห่างจากกลุ่มคนนัก และก็ไม่ได้ใกล้จนเกินไป ระหว่างยืนรออยู่ตรงนั้น เขาก็สังเกตเห็นว่าคนที่มาทดสอบเหมือนตนเองที่อยู่รอบๆ ส่วนใหญ่ร่างกายมีพลังบำเพ็ญอยู่ระดับหนึ่ง

โดยเฉพาะเด็กหนุ่มชุดสีน้ำเงินคนหนึ่งในนั้น ในมือเขาถือพัด ขณะที่สวมเสื้อผ้าหรูหรา ใบหน้าก็หล่อเหลามากเช่นกัน ระหว่างที่ยกมือยกไม้หัวร่อต่อกระซิก ก็ดึงดูดให้ผู้ทดสอบคนอื่นรอบๆ เข้ามารวมตัวกัน

“จะอธิบายให้ทุกท่านฟังเสียรอบหนึ่งแล้วกัน

“พื้นที่ทั้งเจ็ดของเมืองหลักเจ็ดเนตรโลหิตนั้นแบ่งกันขึ้นตรงกับยอดเขาทั้งเจ็ด และยอดเขาทั้งเจ็ดนี้ก็มีความถนัดเชี่ยวชาญที่แตกต่างกันเป็นเอกลักษณ์ของตนเอง

“ตัวอย่างเช่นยอดเขาลำดับเจ็ด คอยควบคุมพื้นที่ท่าเรือ พลังอำนาจล้นเหลือ วิชาเองก็เป็นเอกลักษณ์ ดังนั้นพลังต่อสู้ของศิษย์สำนักจึงน่าตกตะลึง ถือเป็นสหายกับทะเลต้องห้ามเนื่องจากมีการออกเดินทางไกลตลอดทั้งปี

“และอีกตัวอย่างก็คือยอดเขาลำดับหนึ่ง เป็นดั่งคมดาบของสำนัก ส่วนใหญ่จะใช้พื้นที่ต้องห้ามปักษาราชันเป็นที่เรียนรู้และสั่งสมประสบการณ์ ดังนั้นทั้งการต่อสู้และพลังบำเพ็ญจึงโหดเหี้ยมอย่างยิ่ง พวกเขาออกทะเลน้อยครั้ง ส่วนมากจะใช้พื้นที่ต้องห้ามเป็นสุสาน ไล่ล่าสังหารและดับสูญอยู่ที่นั่น

“สองยอดเขานี้ ถือเป็นเรือธงของเจ็ดเนตรโลหิต ทุกปีคนที่จะเข้ามาฝากตัวเป็นศิษย์มีมากมายมหาศาล แต่ว่าสองยอดเขานี้เข้มงวดมาก ใช่ว่าเจ้าเป็นคนเลือกมัน แต่มันต่างหากที่เลือกเจ้า หากไม่ใช่คนที่ถือป้ายแนะนำเฉพาะ ไม่มีทางเข้าได้

“ส่วนยอดเขาอื่น แม้จะต้องมีป้ายแนะนำด้วยเช่นเดียวกัน แต่กลับเป็นการเลือกจากทั้งสองฝ่าย ทุกคนที่ผ่านการทดสอบล้วนสมัครเข้าไปได้ ในสำนักยอดเขาลำดับหกถนัดเรื่องหลอมอาวุธ ยอดเขาลำดับที่ห้าวิถีค่ายกล ยอดเขาลำดับสี่ควบคุมสัตว์ ยอดเขาลำดับสามวิชาเวท ยอดเขาลำดับสองถนัดวิถียาลูกกลอน

“แต่ไม่ว่าจะฝากตัวเขากับยอดเขาใด ถ้ายังไม่ใช่ระดับสร้างฐาน ยังไม่เคยได้รับสิทธิ์รายได้ของเจ็ดเนตรโลหิต ก็จะใช้ชีวิตอย่างโหดร้าย นอกเสียจากพวกเจ้าเป็นคนที่มีป้ายแนะนำศิษย์หลัก…ส่วนเรื่องโหดร้ายอย่างไร รอจนสอบผ่านก่อน พวกเจ้าก็จะเข้าใจกันเอง”

ขณะที่เด็กหนุ่มยิ้มพลางแนะนำผู้รับการทดสอบรอบด้านก็คอยลอบสังเกตพวกเขาด้วยเช่นกัน หลังจากสวี่ชิงที่อยู่ไม่ไกลนักได้ยินเรื่องเหล่านี้ก็สนใจคำว่าโหดร้ายในคำพูดอีกฝ่ายรวมไปถึงสิทธิ์รายได้ของเจ็ดเนตรโลหิตสองคำนี้ขึ้นมา ประโยคก่อนหน้าเขาสามารถเข้าใจจากความหมายได้ แต่ประโยคด้านหลังยังไม่ค่อยเข้าใจนัก ในใจเต็มไปด้วยข้อสงสัย แต่เวลานี้ไม่ใช่เวลามานั่งคิด

เขาตอนนี้กำลังพิจารณาว่ายอดเขาใดเหมาะกับตนเอง

“ข้าคุ้นเคยกับพื้นที่ต้องห้าม…” สวี่ชิงรู้สึกว่ายอดเขาลำดับหนึ่งเหมาะสมกับตนเอง แต่ก็ไม่รู้ว่าป้ายแนะนำของตนเองจะมีคุณสมบัติหรือไม่

ตอนที่เขาครุ่นคิดนี้เอง บนยอดเขาทั้งเจ็ดที่ห่างออกไปก็มีเสียงระฆังดังก้องกังวาน

ผู้บำเพ็ญกลางคนสามคนในลานกว้างก็เลิกคุยกัน สีหน้าเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม

หนึ่งในนั้นกวาดตามองมายังผู้รับการทดสอบหลายสิบคนด้านนอก เอ่ยขึ้นเสียงเรียบ

“เงียบ!”

เมื่อคำพูดนี้ส่งออกมา แม้เสียงไม่ได้ดังมาก แต่ก็ราวกับสายฟ้าอัสนีก้องดังเข้าไปในหูของกลุ่มคน

เด็กหนุ่มชุดสีน้ำเงินเงียบเสียงลง คนอื่นๆ ก็ต่างตึงเครียด มองไปทางผู้บำเพ็ญกลางคนที่กำลังพูด

สวี่ชิงสีหน้าเรียบเฉยอยู่ข้างๆ เงยหน้ามองไป

“เวลาทดสอบมาถึงแล้ว มีทั้งหมดสามด่าน คนที่ผ่านทั้งหมดจะได้รับแต้มอุทิศหนึ่งพัน และคนที่อยู่ในลำดับที่หนึ่งก็จะได้รางวัลมากยิ่งกว่า บททดสอบด่านแรกคือ ระดับไอพลังประหลาดในร่างกาย!”

“ตอนนี้ขึ้นมาทีละคน ยื่นป้ายแนะนำของพวกเจ้าออกมา จากนั้นก็ขานชื่อ ห้ามปิดบัง คนที่ไม่ทำตามหากตรวจพบจะถือว่ามีความผิดร้ายแรง!”

ชายหนุ่มชุดน้ำเงินคนนั้นกลอกตาตามการเอ่ยของผู้บำเพ็ญ เดินขึ้นไปลานกว้างเป็นคนแรก ส่งป้ายแนะนำในมือ เอ่ยขึ้นด้วยเสียงดัง

Verify captcha to read the content.ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา