บทที่ 494 สวี่ชิงรับคำสั่ง ถืออำนาจดุจดั่งเจ้าวัง! (1)
……….
สวี่ชิงไม่สนใจเสียงร้องตื่นตกใจโหยหวนและคาดไม่ถึงนั่น ตอนนี้ภายใต้จิตใจที่กู่ก้อง วิหคทองบนท้องฟ้าส่งเสียงคำราม พุ่งมาอย่างรวดเร็วจากบนท้องฟ้า
ประชิดเข้าไปใกล้ทันที ครึ่งหนึ่งผสานมาในร่างสวี่ชิง อีกครึ่งหนึ่งลอยอยู่ข้างนอก สยายปีกขนาดถึงร้อยจั้ง ขนหางปลิวพริ้ว รัศมีอำนาจน่าครั่นคร้าม
กลิ่นอายของสวี่ชิงก็เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลในเสี้ยวขณะนี้ พลังแข็งแกร่งทรงอำนาจเด่นชัดเป็นอย่างยิ่ง
มองไกลๆ สวี่ชิงที่อยู่ภายใต้การวนเวียนของวิหคทอง ประดุจจักรพรรดิกลับชาติมาเกิด ปรากฏตัวมาบนโลกมนุษย์
พลังหนึ่งปราณเก้าวังแผ่กระจายไปทั่วร่าง
ยิ่งมีระลอกคลื่นพลังกายเนื้อแผ่ซ่านมาบนร่างของเขา ทำใรู้สึกเหมือนกับผู้บำเพ็ญระดับปราณก่อกำเนิดทำให้กำลังรบของสวี่ชิงถึงระดับสองปราณเก้าวัง
กำลังรบประเภทนี้อยู่บนตัวผู้บำเพ็ญระดับแก่นลมปราณ เป็นเรื่องที่ไม่เคยมีมาก่อน
ทั่วทุกทิศเลื่อนลั่นกึกก้อง ฟ้าดินในเสี้ยวขณะนี้เนื่องจากระลอกคลื่นของทั้งสองฝ่าย ก่อเป็นคลื่นลูกมหึมา แปรเปลี่ยนระลอกคลื่น เกิดเป็นวงแล้ววงเล่าไม่ขาดสาย และยิ่งแผ่หมอกพิษของสวี่ชิงไปไกล
ผู้บำเพ็ญที่หลบหนีไปพวกนั้นแม้จะออกไปจากบริเวณเขาประกายอรุณแล้วก็ยังไม่สามารถหลีกหนีการสังหารด้วยพิษได้
กวาดสายตามองไป พื้นดินล้วนเป็นน้ำสีดำหลังจากการสังหารด้วยพิษ ห่างออกไปไกลๆ ยังมีผู้บำเพ็ญร้องโหยหวนร่วงจากบนท้องฟ้าตกไปในหุบเหวสมุทร
โจรชั่วช้าที่เคยมีมากมายตอนนี้เหลือไม่ถึงสี่ส่วน แต่ละคนในใจ+ถูกความหวาดกลัวเข้าแทนที่
และอาวุธเวทบนเขาประกายอรุณตอนนี้ก็ฟื้นขึ้นอย่างช้าๆ ท่ามกลางการปะทุพลังไม่หยุด ฟ้าดินสั่นไหวอยู่ตลอด ผู้บำเพ็ญที่มาโจมตีต่างรู้…สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว
การมาถึงของสวี่ชิงดูเหมือนมาคนเดียว แต่พลังสยบที่เกิดขึ้นจากการโจมตีสังหารผู้บำเพ็ญระดับปราณก่อกำเนิดช่วงต้นสองคน ก็สั่นคลอนจิตใจผู้คน
ขณะเดียวกันก็ต้องพูดเลยว่า พลังของพิษต้องห้ามถึงจะเป็นจุดที่น่ากลัวที่สุดในศึกครั้งนี้
แต่สวี่ชิงไม่ได้คลายความระมัดระวัง สีหน้าของเขาเย็นชา เงยหน้าจ้องมองเงาร่างสีดำที่มีปีกบนท้องฟ้า มือขวาคว้าเถาวัลย์บนท้องหนิงเหยียน เตรียมตัวให้พร้อมลงมือทุกเวลา
คนคนนี้ไม่ใช่ผู้บำเพ็ญระดับปราณก่อกำเนิดธรรมดาๆ ร่างแผ่ระลอกคลื่นพลังระดับปราณก่อกำเนิดช่วงปลาย แผ่พลังแข็งแกร่งเป็นระลอกๆ และการลงมือลอบโจมตีเมื่อครู่ก็ทำให้สวี่ชิงรู้สึกถึงอันตราย
อีกทั้งอีกฝ่ายเหมือนหุ่นเชิดเซียนของเผ่าเคียงเซียนมาก แต่เมื่อดูให้ละเอียดแล้ว ก็ยังมีความแตกต่างเล็กน้อย ไม่ได้มีสามเศียรหกกร
ในดวงตาสวี่ชิงฉายประกายเย็นเยือก ขณะสะบัดมือก็ใช้แผ่นหยกของเจ้าวังรับช่วงดูแลควบคุมอาวุธเวทบนเขาประกายอรุณพวกนั้น ทำให้พวกมันปรับเปลี่ยนทิศทาง จับเป้าหมายเงาบนท้องฟ้า
ในใจกลับประเมินความแตกต่างของสองฝ่ายอย่างรวดเร็ว
ตอนนี้เขาสังหารระดับปราณก่อกำเนิดช่วงต้นได้อย่างง่ายดายราวพลิกฝ่ามือ
อย่างไรยามที่ผู้บำเพ็ญระดับแก่นลมปราณคนหนึ่งเมื่อมีกำลังรบสิบวังสวรรค์แล้ว นอกจากไม่มีพลังวิเศษจิตเทพและไม่สามารถเคลื่อนย้ายชั่วพริบตาได้ ก็ไม่ต่างอะไรกับผู้บำเพ็ญหนึ่งปราณเท่าไรแล้ว
พลังวิเศษเรื่องนี้สวี่ชิงมีพลังต้นกำเนิดเทพไปต่อกร
ด้านการสยบจากประสาทสัมผัสเทพ วิหคทองขั้นสามของเขาและพลังต้นกำเนิดเทพทำให้เขาสามารถต่อกรได้เช่นกัน
ส่วนเคลื่อนย้ายชั่วพริบตา ความเร็วกายเนื้อของสวี่ชิงรวมกับปีกโลหิตวิญญาณทมิฬ ในระยะห่างสั้นๆ ก็ไม่ต่างกันเท่าไร
ดังนั้น เมื่อครู่เขาสังหารปราณก่อกำเนิดสี่แขนนั่น หมัดเดียวก็ทำลายเปลือกนอกพรสวรรค์ของอีกฝ่าย หมัดที่สองทำลายกายเนื้อและผู้บำเพ็ญระดับปราณก่อกำเนิดคนหนึ่ง ภายใต้ฝ่ามือที่ซัดลงมาฝ่ามือหนึ่งผู้บำเพ็ญระดับปราณก่อกำเนิดคนสุดท้ายก็ตัวระเบิด
แต่ว่าระดับปราณก่อกำเนิดกับระดับปราณก่อกำเนิดด้วยกันนั้นต่างออกไป
ก็เหมือนระดับแก่นลมปราณวังสวรรค์ บางคนระดับบริบูรณ์สูงสุดแล้วก็เพิ่งจะเป็นระดับหกวังสวรรค์ ส่วนบางคนกลับเป็นแปดวังสวรรค์ หากมีตะเกียงแห่งชีวิตขีดจำกัดสูงสุดสามารถไปได้ถึงสิบสามวังสวรรค์
สำหรับผู้บำเพ็ญปราณก่อกำเนิดทั่วไป หนึ่งปราณก็คือช่วงต้น สามปราณคือช่วงกลาง ห้าปราณคือช่วงปลาย สุดท้ายหกปราณคือบริบูรณ์
ผู้บำเพ็ญสี่แขนตนนั้นสามารถสะกดไว้ในกรมราชทัณฑ์ได้ ขีดจำกัดสูงสุดของพลังบำเพ็ญในอนาคตที่จะไปถึงได้คงไม่ใช่แค่หกปราณ แต่ไม่มีประโยชน์ เขาไม่มีเวลาให้ได้พัฒนาต่อแล้ว
ดังนั้น สังหารผู้บำเพ็ญต่างเผ่าหกแขนที่มีกำลังรบสองปราณ สวี่ชิงดูเหมือนสู้ข้ามระดับ แต่ความจริงแล้วไม่ใช่แบบนั้น พลังแท้จริงของเขาสามารถสะกดได้โดยสิ้นเชิง
ส่วนผู้บำเพ็ญช่วงกลางทั่วๆ ไป หากสวี่ชิงคิดจะฆ่าให้ตาย ในอดีตนั้นยากลำบาก
เหมือนในตอนที่เผชิญหน้ากับฉู่เทียนฉวินที่เมื่อได้รับบาดเจ็บแล้วพอจะนับได้ว่าเหลือเพียงสามปราณ สวี่ชิงเสี่ยงอันตรายเกือบตาย แม้จะชนะแต่ตัวเองก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส ความรุนแรงของบาดแผลอยู่ในระดับที่ไม่เคยเป็นมาก่อน หากไม่ใช่หลิงเอ๋อร์ หากไม่ใช่ผลึกวารีสีม่วง เขาคงตายไปแล้ว
แต่ตอนนี้ร่างกายที่ถูกนิ้วเทพเจ้าเปลี่ยนแปลง ได้ชดเชยข้อบกพร่องนี้
ต่อให้เขาไม่สามารถสำแดงร่างเทพที่แท้จริงได้ พลังและความเร็วยกระดับขึ้นมาจากระดับกายเนื้อแต่เดิมเพียงสามเท่า แต่จะอย่างไรก็ทำให้เขาได้รับกำลังรบระดับหนึ่งปราณ นี่คือกายเนื้อระดับปราณก่อกำเนิด
และสิ่งที่เขาแข็งแกร่งที่สุดคือการป้องกัน!
ในกายเนื้อร่างนี้เนื่องจากมีเส้นสีทองนับไม่ถ้วน ดังนั้นพลังการป้องกันของร่างสวี่ชิงตอนนี้น่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง
ภายใต้การใช้ร่วมกัน เขาไม่ใช้วิชาเทพก็สามารถสู้กับผู้บำเพ็ญที่มีกำลังรบช่วงกลางสามปราณได้ สำแดงวิชาเทพสวี่ชิงสามารถสังหารผู้บำเพ็ญที่มีกำลังรบช่วงกลางสี่ปราณได้ อีกทั้งตัวเองยังปลอดภัยไร้บาดแผลอีกด้วย
หากเป็นห้าปราณ สวี่ชิงปะทุกำลังรบทั้งหมดก็สามารถสู้ได้ แพ้ชนะไม่รู้ แต่มีอัตราสูงมากว่าเขาทำอะไรอีกฝ่ายไม่ได้ และอีกฝ่ายก็ทำลายกายเนื้อของเขาไม่ได้เช่นกัน
‘ตอนนี้การโจมตีสังหารกายเนื้อของข้าเทียบได้กับหนึ่งปราณ วิหคทองหนึ่งปราณ เก้าวังสววรค์ของตัวเองรวมกับเคล็ดวิชาผสานเงาก็เป็นหนึ่งปราณ ซึ่งก็จะเป็นกำลังรบสามปราณ รวมกับวิชาเทพเจ้าของข้า สามารถสู้กับระดับสี่ปราณได้!
“และสิ่งที่ข้าแข็งแกร่งที่สุดคือการป้องกันกายเนื้อ ร่างนี้ในระดับขั้นปราณก่อกำเนิดไม่มีทางถูกสั่นคลอนได้’
ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา