บทที่ 494 สวี่ชิงรับคำสั่ง ถืออำนาจดุจดั่งเจ้าวัง! (2)
……….
สวี่ชิงตอบกลับอย่างเคร่งขรึม เขาไม่ได้ถามว่าทำไม เขารู้ว่าสนามรบตอนนี้อันตราย และรู้ถึงความสำคัญและเร่งด่วนของโองการฉบับนี้
เขายิ่งรู้ดีว่าสงครามจะต้องมาถึงขั้นวิกฤตแล้วอย่างแน่นอน ไม่เช่นนั้นเจ้าวังคงไม่จัดการเช่นนี้ น่าจะโยกย้ายกำลังทหารและมอบทรัพยากรได้อย่างสุขุมมากกว่านี้
มีเพียงเร่งด่วนมากๆ เท่านั้นถึงให้เขาหยุดการตรวจสอบ ไปปฏิบัติภารกิจที่สำคัญยิ่งกว่า
‘เจ้าวังไม่เชื่อคนนอกทุกคน ไม่ว่าจะเป็นโหวเหยาที่เขตสงครามทางเหนือ หรือเจ้าวังพิธีการและเจ้าวังอาญาทั้งสอง หรือจะเป็นปลัดเขตปกครองที่วางไว้ให้ดูแลแนวหลัง เขาล้วนไม่เชื่อใจทั้งนั้น ดังนั้น การส่งทรัพยากรและกำลังทหารที่เกี่ยวพันกับแนวหน้าแบบนี้ เขาถึงได้ให้ข้าไปร่วมด้วย
‘ดูเหมือนเข้าไปมีส่วนร่วมแต่ความจริงคือตรวจสอบ นอกจากนี้ วิธีการของเจ้าวังน่าจะลงมือหลายเส้นทาง จะต้องมีผู้ครองกระบี่คนอื่นปฏิบัติหน้าที่อยู่ฝ่ายต่างๆ เช่นกัน ข้าทางนี้อาจจะเป็นเพียงแค่หนึ่งในนั้น’
สวี่ชิงสูดลมหายใจลึก ในใจกังวลต่อสถานการณ์ในสนามรบ จึงพาหนิงเหยียนรีบร้อนจากไปจากเขาประกายอรุณ
ดีที่ครั้งนี้เขาไม่ได้มาเสียเปล่า ในสามวันก่อนที่เจ้าวังจะส่งโองการมา หลังจากที่เขาได้พูดคุยกับซุนไห่ ก็ได้สอบถามถึงการเกิดขึ้นของแสงประกายอรุณทุกครั้งว่าจะเกิดละอองเจ็ดสีที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะจำนวนหนึ่งขึ้นอย่างช้าๆ และคงอยู่ในบริเวณที่ปรากฏ
ละอองพวกนี้ปรากฏขึ้นเป็นระยะเวลายาวนานถึงสิบปี ทีแรกจะมีแสงพรายรุ้งรางเลือนแฝงอยู่ แต่แสงนี้ไม่อาจนำมาใช้ได้ และไม่อาจเก็บได้เช่นกัน อีกทั้ง จากเวลาที่หมุนผ่านก็จะค่อยๆ สลายไป
ปกติแล้วประมาณสิบปีก็จะหายไปโดยสมบูรณ์ เท่ากับกับเวลาที่ละอองปรากฏคงอยู่ และสุดท้ายละอองที่ไม่ได้มีแสงประกายอรุณ ก็จะสิ้นสุดปรากฏการณ์นี้ลง
รายละเอียดนี้เป็นประโยชน์กับเบาะแสที่สวี่ชิงหามาได้
เบาะแสที่เขาสืบเจอไม่ได้มาจากรายละเอียดปลายทางของแสงประกายอรุณเจ็ดร้อยกว่าเส้นในบันทึก แต่มาจากนิ้วเทพเจ้า
สวี่ชิงรู้สึกว่า ในเมื่ออีกฝ่ายสามารถหาแสงประกายอรุณที่ไม่ได้ถูกจดบันทึกเจอ เช่นนั้น คนที่ตั้งใจก็จะต้องทำได้ถึงจุดนี้เช่นกัน
เขาจึงลองปลุกนิ้วที่หลับใหลในเขตติงหนึ่งสามสองขึ้นมา หลังจากที่ในที่สุดก็ปลุกประสาทสัมผัสรับรู้ของมันให้ตื่นขึ้นมาได้เล็กน้อย สวี่ชิงก็พูดคุยอย่างอ่อนโยนทันที ภายใต้คำสัญญาต่างๆ นานา ก็ถามถึงตำแหน่งที่อีกฝ่ายหาแสงประกายอรุณได้
ขั้นตอนการพูดคุยไม่ได้ราบรื่นนัก อีกฝ่ายขี้ลืมรุนแรงนัก
ดังนั้นใช้เวลาถึงสามวัน สวี่ชิงไปค้นหาตามสถานที่มากมาย ในที่สุดก็หาสถานที่ที่นิ้วพบแสงประกายอรุณเจอ ที่นั่นเป็นรอยแยกใต้แผ่นดินที่ห่างไกลทางหนึ่ง
ในรอยแยกสวี่ชิงเห็นหุ่นเชิดที่ตายไปไม่นานตัวหนึ่ง บนนั้นยังมีกลิ่นอายของนิ้วเทพเจ้าหลงเหลือเล็กน้อย สภาพของมันแหลกละเอียดโดยสมบูรณ์ มองเพียงลักษณะคร่าวๆ ออก มองที่มาดั้งเดิมของมันไม่ออก
ขณะเดียวกันที่นี่ยังมีละอองเจ็ดสีที่แฝงแสงประกายอรุณเลือนรางอยู่จำนวนหนึ่งไว้ด้วย อีกทั้งแสงเหล่านั้นกำลังสลายไปนิดๆ สวี่ชิงวิเคราะห์ครู่หนึ่ง ประมาณสิบปีก็จะสลายไปหมดจริงๆ
ละอองพวกนี้เป็นการเปลี่ยนแปลงที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะในตอนที่แสงประกายอรุณเกิดขึ้น ทุกอย่างนี้บ่งบอกว่าแสงประกายอรุณของเขาเกิดขึ้นที่นี่ และจากการที่สวี่ชิงก็ค้นหาที่นี่ เขาก็ค้นพบด้วยจิตใจที่สั่นสะท้านว่า ละอองที่นี่…เหมือนว่าจะไม่ได้เกิดขึ้นจากแสงทางหนึ่ง
ในนี้มีจำนวนหนึ่งที่มีไม่มาก แสงประกายอรุณที่แฝงอยู่เลือนรางยิ่งกว่า ท่าทางเหมือนว่าอีกปีหรือสองปีก็จะสลายหายไปโดยสิ้นเชิง โดยเฉพาะบนหุ่นเชิดนั่น มีละอองแบบนี้มากที่สุด
เห็นได้ชัดว่าหุ่นตัวนี้มีคนจัดวางไว้ที่นี่ ใช้สำหรับลบร่องรอยการเก็บละออง
วิเคราะห์เช่นนี้ก็รู้ได้ไม่ยาก น่าจะเมื่อเจ็ดแปดปีก่อน ที่นี่มีแสงพรายรุ้งทางหนึ่งปรากฏขึ้น!
แต่ก็เหมือนของสวี่ชิงทางนี้ โถงโครงกระบี่ยังไม่ได้ทำการบันทึกใดๆ เพิ่งปรากฏออกมายังไม่ทันลอยออกไป ก็ถูกคนเก็บเอาไปในทันที
ข้อค้นพบนี้ทำให้สวี่ชิงตระหนักได้ว่าการคาดเดาเรื่องลูกกลอนประกายเคราะห์ชะตาชีวิตของท่านเจ้าวังมีความเป็นไปได้สูงมากว่าถูกต้อง
หรือก็คือการตายของเจ้าเขตปกครอง มีความเป็นไปได้สูงมากว่าเกี่ยวพันกับลูกกลอนนี้
สวี่ชิงและหนิงเหยียนไปจากเขาประกายอรุณพร้อมด้วยเบาะแสนี้ หุ่นเชิดแหลกเละตัวนั้นสวี่ชิงก็เก็บไปเช่นกัน
เนื่องจากที่นี่ไม่สามารถส่งข้ามได้ เขาประกายอรุณก็เช่นกัน ดังนั้นพวกเขาทั้งสองจึงทะยานไปตลอดทาง เร่งเดินทางไปยังเมืองหลวงเขตปกครอง
ระหว่างทางหนิงเหนียนอ้าปากเหมือนอยากจะพูดอะไรหลายครั้ง แต่เห็นสวี่ชิงสีหน้าเคร่งเครียด เขาที่อยู่ในความหวาดกลัวจึงไม่กล้าถาม แต่ว่าความซับซ้อนในใจ ต่อให้จนถึงตอนนี้ก็ยังกระหน่ำซัดโหม
ความจริงที่ต้นสิบลำไส้ที่นั่นเขาก็สัมผัสถึงความไม่ชอบมาพากลได้แล้ว ในใจสงสัยเป็นอย่างยิ่ง แต่ก็มีการคาดเดาเลาๆ ทว่าการคาดเดาเช่นนี้เหลือเชื่อเกินไป ดังนั้นหลังจากเรื่องนั้นก็เกิดความลังเล ทว่าฝ่ามือที่ซัดลงมาอย่างคุ้นเคยของสวี่ชิงฝ่ามือนั้นทำให้เขารู้สึกว่าถูกซัดจนวิญญาณกระเด็นออกมาแล้ว
“คนที่กัดข้าจะต้องเป็นเฉินเอ้อร์หนิวอย่างแน่นอน เจ้านั่นเป็นสุนัขบ้าหรืออย่างไร ไม่ใช่แค่กัดข้า สุดท้ายยังไปกัดวิถีสวรรค์อีกด้วย สมควรแล้วที่ระเบิดจนเหลือแต่หัว!”
หนิงเหยียนในใจโกรธเคือง แต่กลับจนปัญญา เขารู้จักเถาวัลย์เส้นนั้นบนท้องของตัวเองดี และรู้ดีว่าวัตถุนี้จัดการยากมาก
นอกจากนี้ สามวันที่เขาประกายอรุณเขาได้พูดคุยกับผู้ครองกระบี่ ก็ได้รู้ถึงการตายของเจ้าเขตปกครอง การเข้ารุกรานของพวกเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์ ความตื่นตะลึงในใจรุนแรงมาก เทียบกับเรื่องเหล่านี้แล้ว เขาพลันรู้สึกว่าเรื่องของตัวเองแค่นี้เหมือนจะไม่นับเป็นเรื่องอะไร
เวลาก็ผ่านไปสามวันเช่นนี้เอง
สามวันนี้ความเร็วของสวี่ชิงปะทุขึ้นทุกด้าน ในที่สุดก็พาหนิงเหยียนทะลุผ่ามณฑลประกายอรุณและพื้นที่ใจกลางเมืองหลวงเขตปกครอง ก้าวเข้ามาในพื้นที่เมืองหลวงเขตปกครอง
ที่นี่สวี่ชิงไม่จำเป็นต้องปกปิดร่องรอยต่อไป เขาหาค่ายกลส่งข้ามแห่งหนึ่ง ใช้ความเร็วที่เร็วที่สุดกลับมายังเมืองหลวงเขตปกครอง
ในตอนที่เขาจากไป คนในเมืองหลวงเขตปกครองจิตใจหวาดหวั่น ความปั่นป่วนวุ่นวายแอบซ่อน
ครั้งนี้กลับมาสวี่ชิงค้นพบจุดที่แตกต่างออกไปได้ทันที แม้แนวรบทางตะวันตกและเหนือจะฉุกเฉินทุกด้าน สถานการณ์อันตราย แนวป้องกันเขตปกครองผนึกสมุทรพร้อมจะแตกพ่ายทุกเวลา
แต่เผ่ามนุษย์ในเมืองหลวงเขตปกครองเห็นได้ชัดว่าด้านสถานการณ์ดีกว่าก่อนหน้านี้มาก แม้จะยังแฝงไว้ด้วยความกลัวต่ออนาคต แต่กลับมีความหวังเพิ่มขึ้นมาเล็กน้อย
กระทั่งว่าร้านค้าก็แทบจะเป็นปกติ ทุกอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย อย่างน้อยภายนอกก็มองไม่เห็นความความเสื่อมโทรมที่มาพร้อมกับสงคราม
ไปจากค่ายกลส่งข้าม สวี่ชิงที่เดินอยู่บนถนน ผ่านจากการพูดคุยของผู้คนรอบๆ และเสียงตะโกนจากผู้บำเพ็ญของเขตปกครองที่ในช่วงทุกระยะหนึ่ง ก็พอจะรู้ถึงเหตุผล
“ทุกคนอย่าได้แตกตื่น อย่าได้แย่งชิง ใต้เท้าปลัดเขตปกครองบอกแล้วว่า วังครองกระบี่และขั้วอำนาจสำนักทั้งหมดของเผ่ามนุษย์ต่างอยู่ที่แนวหน้า กำลังปกป้องบ้านเมือง ปกป้องเขตปกครองผนึกสมุทรของเรา
“อีกทั้งใต้เท้าปลัดเขตปกครองยังบอกอย่างแน่ชัดว่า กองทัพเสริมเผ่ามนุษย์กำลังเดินทางมา อีกไม่นานอันตรายก็จะได้รับการควบคุมแก้ไข ทุกอย่างจะกลับสู่ปกติ
“ในระหว่างนี้ การก่อความวุ่นวายใดๆ หรือการขึ้นราคาของใดๆ ล้วนจะได้รับโทษอย่างหนัก!
“อย่าได้ตื่นกลัว ฟ้าดินจะไม่เปลี่ยนแปลง และจะไม่เกิดความวุ่นวาย หลายวันนี้พวกต่างเผ่าที่อยู่รอบๆ ก็ไม่ได้ถูกใต้เท้าปลัดเขตปกครองสะกดควบคุมไปแล้วหรอกหรือ อีกทั้งใต้เท้าก็บอกแล้วว่าท่านเจ้าวังอยู่แนวหน้าปกป้องคุ้มครองพวกเรา พวกเราจะสร้างความวุ่นวายปั่นป่วนภายในเพิ่มไม่ได้”



ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา