เข้าสู่ระบบผ่าน

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา นิยาย บท 495

บทที่ 495 นกยักษ์ที่ฉุนเฉียว!

สวี่ชิงส่ายหน้า คว้าคอหนิงเหยียนเอาไว้ ก้าวเข้าไปในค่ายกลส่งข้ามวังครองกระบี่ ท่ามกลางความตื่นตกใจอกสั่นขวัญแขวนของหนิงเหยียน ค่ายกลส่งข้ามประกายแสงกะพริบวาบ ท่วมเงาร่างของทั้งสอง

เสี้ยวขณะต่อมา ชายแดนเมืองหลวงเขตปกครองที่อยู่ใกล้ทางทะเลทราย ในค่ายกลส่งข้ามวังครองกระบี่ที่สร้างไว้ในที่ราบแห่งหนึ่ง เงาร่างของสวี่ชิงและหนิงเหยียนปรากฏออกมาจากในประกายแสงคุ้มกันอย่างรวดเร็ว

ค่ายกลส่งข้ามในเมืองหลวงเขตปกครองของวังครองกระบี่มีมากมาย ไม่ได้สร้างอยู่ในเมืองทั้งหมด มีบางแห่งที่อยู่ในที่รกร้าง จำต้องใช้เคล็ดวิชาพิเศษถึงจะสามารถกระตุ้นได้ อีกทั้งยังมาพร้อมด้วยเกราะป้องกันอีกด้วย

ค่ายกลส่งข้ามแห่งนี้ก็เป็นเช่นนั้น

ในยามที่เงาร่างของพวกเขาสองคนปรากฏขึ้นอย่างชัดเจนโดยสมบูรณ์ สวี่ชิงกวาดตามองรอบๆ อย่างระมัดระวัง

แม้ว่าหน้าค่ายกล ผ่านจากการสัมผัสรับรู้ค่ายกลของวังครองกระบี่ เขาจะมั่นใจความปลอดภัยของที่นี่แล้ว แต่การกระทำจากสัญชาตญาณก็ยังทำให้เขายังทำการยืนยันต่อไป

จวบจนเมื่อสัมผัสได้ว่าทุกอย่างไม่มีปัญหา สวี่ชิงเพิ่งออกมาจากเกราะป้องกันค่ายกลส่งข้าม ยืนอยู่บนแผ่นหินที่มีหญ้าขึ้นจำนวนไม่น้อย เงยหน้ามองท้องฟ้า

ตอนนี้ยังคงเป็นช่วงกลางดึก เมฆดำที่ปกคลุมไปกว่าครึ่งของเมืองหลวงเขตปกครองปกคลุมที่นี่เอาไว้ เม็ดฝนโปรยปรายลงมาบนหญ้าแห้งเหี่ยวในที่ราบ แผ่ความหนาวยะเยือกเสียดกระดูกออกมา

ยิ่งเพราะรอบๆ ไม่มีสิ่งก่อสร้างสูงใหญ่บดบัง ดังนั้นสายลมกระหน่ำจึงพัดมาอย่างกำเริบเหิมเกริม หอบน้ำฝนมา เกิดเป็นเสียงหวีดหวิวดังก้องอยู่ข้างหู

“ศิษย์พี่สวี่ชิง พวกเรา…พวกเรากำลังจะไปที่ใดหรือ” หนิงเหยียนตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก มองที่ราบรกร้าง ในใจเต็มไปด้วยความวิตกกังวล

“หนิงเหยียน ตอนนั้นที่ข้ามารายงานตัวที่เมืองหลวงเขตปกครอง ข้าได้เจอเจ้าที่บริเวณแถวนี้” สวี่ชิงเอ่ยอย่างสงบนิ่ง

“เอ๋” หนิงเหยียนอึ้งตะลึง รีบหยักหน้า

“ตอนนั้นเจ้าอยู่ในกรงเล็บของผู้อาวุโสชิงฉิน ตอนนี้พาข้าไปบริเวณที่เจ้าได้เจอผู้อาวุโสชิงฉิน” สายตาสวี่ชิงกวาดมองเมฆดำบนท้องฟ้า ส่งเสียงแผ่วเบาออกไป

“นี่…” หนิงเหยียนสะท้านเฮือกไปทั้งตัว เขากลัวสวี่ชิง และกลัวนกยักษ์ตัวนั้นด้วยเช่นกัน ตอนนั้นอีกฝ่ายทำท่าเหมือนจะกินเขา ทำให้เขาฝันร้ายไปนาน

ตอนนี้เมื่อคิดจะหาทางปฏิเสธอย่างอ้อมค้อมไปตามสัญชาตญาณ สวี่ชิงก็หันมา ท่ามกลางลมฝนจ้องมองหนิงเหยียน สีหน้าเคร่งขรึม

“หนิงเหยียน เรื่องนี้เกี่ยวพันกับอันตรายความเป็นความตายของผู้ครองกระบี่หนึ่งแสนคนที่อยู่แนวหน้าและผู้บำเพ็ญเผ่ามนุษย์เขตปกครองผนึกสมุทรนับแสนนับล้าน เจ้าช่วยข้าหาผู้อาวุโสชิงฉิน ข้าจะรายงานเรื่องนี้ต่อท่านเจ้าวัง บันทึกคุณงามความชอบครั้งใหญ่ให้เจ้า!”

“แต่ว่า…” หนิงเหยียนลังเล สวี่ชิงเห็นเป็นเช่นนี้ก็เอ่ยราบเรียบ

“ไม่เช่นนั้น ข้าจะให้คนส่งเจ้าไปมณฑลประกายอรุณไปอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากับบุปผาสราญใจ”

ได้ยินคำพูดประโยคนี้ หนิงเหยียนสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นมาทันที เอ่ยออกไปอย่างเคร่งขรึม

“ศิษย์พี่สวี่ชิงท่านดูถูกข้าไปแล้ว ในเมื่อเกี่ยวพันกับเขตปกครองผนึกสมุทร เรื่องนี้ศิษย์น้องจะต้องทุ่มสุดกำลังอย่างแน่นอน

“ตอนนั้นข้าได้เจอผู้อาวุโสชิงฉินยามที่ข้าเหาะเหินอยู่บนท้องฟ้าห่างไปจากที่นี่ไม่ไกล ศิษย์พี่สวี่ชิง ข้าจะนำทางท่านไปเดี๋ยวนี้!” หนิงเหยียนสีหน้าเคร่งขรึม ทำท่าเหมือนเป็นห่วงกังวลเขตปกครองผนึกสมุทร ร่างยิ่งทะยานไปในอากาศท่ามกลางสายฝน พุ่งตรงไปยังท้องฟ้า

สวีาชิงใบหน้าไร้อารมณ์ ตามอยู่ข้างหลัง

ทั้งสองคนทะยานไปบนท้องฟ้าอย่างรวดเร็วเช่นนี้เอง ไม่นานนักก็มาถึงสถานที่ที่หนิงเหยียนเจอชิงฉิน กวาดสายตามองไป รอบๆ กว้างโล่ง ไม่มีภูเขา ไม่มีป่า ไม่เหมือนสถานที่ที่นกยักษ์พักผ่อนอาศัย

สวี่ชิงสีหน้าฉายแววสงสัย

หนิงเหยียนใจสั่นสะท้าน กลัวสวี่ชิงจะค้นพบความจริง จึงรีบพูดขึ้น

“ศิษย์พี่สวี่ชิง เป็นที่นี่จริงๆ ตอนนั้นข้าเหาะเหินผ่านที่นี่ เห็นลมพายุ จากนั้นก็ถูกจับไป”

สวี่ชิงมองหนิงเหยียนผาดหนึ่ง จากการจ้องมองของเขา หนิงเหยียนหลบสายตาเล็กน้อยไปตามสัญชาตญาณ

สวี่ชิงเงียบนิ่ง เดิมพาหนิงเหยียนมาก็เพื่อหาร่องรอยของชิงฉินจริงๆ ไม่ได้มีความคิดอื่นๆ กับหนิงเหยียน

แต่ตอนนี้เขารู้สึกว่าตัวเองใจดีมีเมตตาเกินไปแล้ว ดังนั้นหลังจากดึงสายตากลับมา เขาก็สูดลมหายใจเล็ก จากนั้นก็ตะโกนไปรอบๆ

“ผู้อาวุโสชิงฉิน ผู้เยาว์ผู้ครองกระบี่สวี่ชิง มาที่นี่เพื่อคารวะท่าน!

“เพื่อแสดงความจริงใจ ผู้เยาว์ตั้งใจนำตัวผู้ครองกระบี่หนิงเหยียนที่ล่วงเกินท่านเมื่อครั้งที่แล้วมาด้วยเพื่อให้เขามาขอโทษท่านต่อหน้า”

คำพูดนี้ดังออกมา หนิงเหยียนหน้าเปลี่ยนสีทันที เขากำลังหลอกสวี่ชิงอยู่จริงๆ นั่นแหละ ไม่ได้พาอีกฝ่ายไปยังที่ที่เจอชิงฉินจริงๆ ด้านหนึ่งเพราะเขากลัวชิงฉิน อีกด้านหนึ่งคือเกี่ยวพันกับความลับของตัวเขาเอง

ครั้งที่แล้วชิงฉินปรากฏตัวจับเขาเอาไว้ เขาบอกกับภายนอกว่าตัวเองไปเจออย่างน่าแปลกประหลาด แต่ความจริงแล้วไม่ใช่เช่นนั้น…แต่ว่าคิดถึงว่าตรงนี้ห่างกับรังของชิงฉินมาก ดังนั้นในใจของหนิงเหยียนก็สงบลงมา เริ่มขบคิดว่าอีกครู่จะแก้ต่างอย่างไร

แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้คิดถึงคำแก้ต่าง ก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเขาหรือเป็นเพราะสวี่ชิง บนม่านฟ้าสีดำจู่ๆ ก็มีเสียงร้องแกว๊กที่ไม่น่าฟังทั้งยังแสบแก้วหูเป็นอย่างมากดังขึ้น

เสียงนี้เมื่อดังขึ้น ฟ้าดินเปลี่ยนสี ลมเมฆหอบทะลัก

ผืนฟ้าเริ่มระเบิด เมฆดำนับไม่ถ้วนแตกทลาย แผ่ซ่านครืนครานไปทั่วทุกทิศ ในยามที่เม็ดฝนกระหน่ำเทลงมาอย่างบ้าคลั่ง หัวนกขนาดพันจั้งหัวหนึ่งก็โผล่ออกมาจากชั้นเมฆที่พังทลาย

ดวงตาแดงก่ำฉายประกายวูบวาบบนท้องฟ้า สายตาเหมือนแปรเปลี่ยนเป็นวัตถุจริง จับเป้าหมายมายังบริเวณที่สวี่ชิงและหนิงเหยียนอยู่

จากนั้นหัวที่สอง หัวที่สามก็ยื่นออกมาจากในเมฆดำที่ไกลๆ ทุกหัวล้วนมีขนาดพันจั้ง น่าประหวั่นพรั่นพรึงนัก

เป็นมหาวิหคชิงฉินนั่นเอง

มันพักผ่อนอาศัยอยู่ในเมฆดำ

เนื่องจากที่วิธีการปรากฏตัวทรงพลังนัก เมฆหมอกรอบๆ ท่ามกลางการระเบิดก็เกิดสายฟ้าจำนวนนับไม่ถ้วนแลบแปลบปลาบไปทั่วทุกทิศ วาดท้องขนาดมหึมาของมันออกมาจากในเมฆดำ

ตัวใหญ่เหลือเกิน

สิ่งที่เห็นอยู่ในตาสวี่ชิงตอนนี้ท้องฟ้าส่วนหนึ่งเหมือนจะถูกมันปกคลุมเอาไว้

บทที่ 495 นกยักษ์ที่ฉุนเฉียว! 1

บทที่ 495 นกยักษ์ที่ฉุนเฉียว! 2

Verify captcha to read the content.ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา