บทที่ 497 เมฆดำสะกดเซียนเซียนเดือดดาล (1)
……….
ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองหลวงเขตปกครอง มีมณฑลอยู่ทั้งหมดสี่แห่ง
ที่อยู่สุดตะวันตกคือมณฑลเผชิญคลื่น หรือก็คือตำแหน่งสนามรบฝั่งตะวันตกในปัจจุบันนั่นเอง ส่วนทางเหนือคือมณฑลสงบสุข ซึ่งเป็นแนวหน้าของเขตสงครามเช่นกัน
ในช่องแคบของสองมณฑลนี้ จุดที่ถูกล้อมอยู่มีชื่อว่ามณฑลสวนพิรุณ
ที่ราบน้ำแข็งที่มาจากทางเหนือละลายตลอดทั้งปี ทำให้สภาพพื้นดินมณฑลสวนพิรุณเปียกชื้น และใต้ดินยังมีแนวภูเขาไฟอยู่ด้วย ตลอดปีจึงมีหมอกฝนระเหย กลายเป็นสายฝนร่วงหล่นลงมา จึงตั้งชื่อเช่นนี้
ในทิศที่มณฑลสวนพิรุณติดกับเมืองหลวงเขตปกครอง เป็นมณฑลที่สี่ของทั้งทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ มีชื่อว่าชี้แจ้งวิญญาณ
ชื่อนี้มาจากภูเขาที่เลื่องชื่อแห่งหนึ่งในมณฑลนี้
ภูเขาและเทือกเขานั้นแตกต่างกัน
ฝ่ายหลังจะมีการทอดยาวไปยังทิศทางหนึ่งแน่นอน ประกอบด้วยสันเขาและหุบเขาใหญ่อีกหลายแห่งจึงถูกเรียกว่าเทือกเขาเพราะคล้ายกับสายโลหิต มีรอยคดเคี้ยวชัดเจน ทอดยาวต่อเนื่องไม่หยุด ด้วยเหตุนี้จึงแตกต่างจากภูเขา
ส่วนภูเขารอยคดเคี้ยวไม่ชัดเจน มักกระจายรอบๆ แนวภูเขาไฟ มันคล้ายรูปทรงพื้นฐานของยอดเขาและพื้นดินขนาดใหญ่ที่มีพื้นที่อาณาบริเวณกว้าง ภูเขาเหล่านี้สลับทับซ้อนกัน มีเผ่าอาศัยอยู่ร่วมกันจนเป็นชนเผ่าใหญ่ในภูเขา
เผ่ากระจายวิญญาณ ก็อาศัยอยู่ในพื้นที่เขาชี้แจ้งวิญญาณที่มีอาณาบริเวณนับแสนลี้ผืนนี้
คนของชนเผ่านี้มีรูปร่างสูงใหญ่ เฉลี่ยความสูงคนในเผ่าอยู่ที่ห้าจั้ง วิชาฝึกบำเพ็ญก็เน้นไปทางกายเนื้อ ยิ่งหลังจากที่เข้าไปพึ่งพาเผ่าเคียงเซียน จากประเพณีของแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ พวกเขาก็ได้รับมอบสายเลือดของเผ่าเคียงเซียน ทำให้สภาพร่างกายเปลี่ยนแปลง มีปีกงอกออก
เพียงแต่เนื่องจากความใหญ่โตของร่างกายเผ่ากระจายวิญญาณ จึงยากที่ปีกจะสนับสนุนพลังความเร็วในการโผบินให้พวกเขา อย่างมากก็เป็นแค่สัญลักษณ์อย่างหนึ่งเท่านั้น
สาเหตุที่เผ่าเคียงเซียนให้ความสำคัญถึงเพียงนี้ เป็นเพราะเผ่ากระจายวิญญาณนี้มีจุดที่เป็นเอกลักษณ์ในด้านหลอมศัสตราและหลอมยา
หากมองไปทั่วทั้งดินแดนเขาชี้แจ้งวิญญาณจะมีโรงหลอมศัสตราและหลอมยาอยู่มากมายนับไม่ถ้วน มีทั้งแบบทำคนเดียวและแบบที่ร่วมกันทำหลายคน
มีจำนวนมากมายอย่างน้อยก็มากกว่าแสน
เสียงเคร้งๆ รวมถึงกลิ่นยาที่ฟุ้งออกมาจากการหลอมลูกกลอนในภูเขาตลอดทั้งปี ยิ่งมีไฟพิภพที่ถูกดึงออกมาจากพื้นที่ต่างๆ อย่างต่อเนื่องด้วย ดังนั้นสภาพอากาศของเขตภูเขานี้จึงร้อนเป็นหลัก
พูดได้ว่าทุกวินาที ล้วนมียาลูกกลอนและอาวุธเวทจำนวนมหาศาลที่พวกเขาสร้างออกมา หลั่งไหลเข้าสู่ตลาด
และมีเขตที่มีผนึกต้องห้ามอีกหลายแห่งเป็นคลังที่พวกเขาทำไว้ตากยาลูกกลอนให้แห้งจำนวนมากมายมหาศาล ทำให้รู้สึกต้องเดาะลิ้นด้วยความอิจฉา
และการใช้พลังไฟพิภพมาใช้กับพรสวรรค์การสร้างสรรค์ของเผ่าพวกเขา ทำให้ยาลูกกลอนและอาวุธเวทที่ออกมาเป็นของชั้นหนึ่งในตลาด ราคาไม่ธรรมดา
แต่จะสูงเพียงใด ก็เป็นไปไม่ได้ที่ในยามปกติราคายี่สิบหินวิญญาณ พุ่งไปถึงหนึ่งพันหินวิญญาณ
เรื่องเหลวไหลเช่นนี้ ถ้าเป็นช่วงก่อนเกิดสงคราม ไม่มีทางที่จะเกิดขึ้นได้ ไม่ต้องพูดเรื่องซื้อขายเลย ถ้าแค่วังกระบี่ต้องการ ประกาศโองการมาอย่างเดียวก็พอ
แม้จะพึ่งพาเผ่าเคียงเซียน แต่เผ่ากระจายวิญญาณก็เข้าใจวิถีความสมดุลเป็นอย่างดี ไม่ผิดใจกับเผ่ามนุษย์เพราะเรื่องเล็กๆ แค่นี้ ต่อให้ตอนนี้เผชิญหน้ากับคำร้องขอของวังครองกระบี่ แต่อันที่จริงพวกเขาก็มีการตัดสินใจของตนกันภายใน
ตอนนี้ ในตำหนักเทพเขาบรรพชนของเผ่ากระจายวิญญาณ หัวหน้าเผ่าของทั้งสี่สายโลหิตใหญ่ของเผ่านี้นั่งอยู่ด้านใน กำลังดำเนินการหารือลับ
“ราคาสูงถึงเพียงนี้ คือเพื่อแสดงจุดยืนของพวกเราให้เผ่าเคียงเซียน!”
“ช่วงนี้เป็นช่วงสงคราม แผ่นดินเผ่ามนุษย์น่าจะคงอยู่ต่อไปไม่ได้แล้ว”
หัวหน้าเผ่าทั้งสี่สายโลหิตในตำหนักเทพล้วนสวมชุดราคาแพง บนตัวมีเครื่องประดับและอาวุธเวทหรูหราอยู่ไม่น้อย
ส่วนศาลเจ้าเทพที่พวกเขาอยู่ก็บูชารูปสลักสององค์ที่ตั้งอยู่ด้านหน้าและหลัง รูปสลักด้านหน้ามีหน้าตาคล้ายคลึงกับพวกเขา ส่วนด้านหลังอีกองค์ คือเซียนที่โบยบินอยู่บนฟากฟ้า
เป็นปฐมบรรพจารย์แห่งเผ่าเคียงเซียนเช่นกัน
เบื้องหน้ารูปสลักทั้งสองนี้วางผลไม้วิญญาณล้ำค่ารวมถึงยาลูกกลอนชั้นดีไว้มากมาย แผ่ระลอกคลื่นพลังปราณวิญญาณที่เข้มข้นออกมา มีจำนวนนับหมื่น
นี่คือความเคารพศาลเจ้าเทพของพวกเขา
แต่ผลไม้วิญญาณหรือยาลูกกลอนทุกชิ้น ในแนวหน้าสนามรบเวลานี้ถือเป็นของที่ขาดแคลนอย่างหนัก
สงครามที่ปกป้องเขตปกครองผนึกสมุทรดำเนินการมาถึงตอนนี้ คนที่บาดเจ็บมีอยู่มากมายมหาศาล
ดังนั้นยาลูกกลอนกับผลไม้วิญญาณเหล่านี้ หากกล่าวว่าหนึ่งชิ้นสามารถช่วยได้หนึ่งชีวิตก็เกินจริง แต่สิบชิ้นช่วยได้หนึ่งชีวิตนี่ก็ถือว่าใกล้เคียง
ทว่าเวลานี้หัวหน้าเผ่าทั้งสี่ ไม่มีใครสนใจความเป็นตายของเผ่ามนุษย์ในนสนามรบ ในมุมมองพวกเขา พวกเขาสนใจแต่ผลกระทบในอนาคตที่จะส่งผลกับเผ่าของตนเท่านั้น
“แต่ว่าพวกเราก็ยังต้องไว้หน้าโหวเหยาอยู่ ถึงอย่างไรหลายร้อยปีมานี้ โหวเหยาก็มอบความสะดวกสบายให้กับพวกเราไม่น้อย เพื่อสร้างภาพลักษณ์กับชนเผ่าอื่นว่าชนเผ่ากระจายวิญญาณของพวกเราเป็นประเภทมีบุญคุณต้องทดแทน ยังต้องส่งยาลูกกลอนไปส่วนหนึ่ง”
“ก็ดี พวกเราก็เรียกราคาสูงเป็นส่วนใหญ่ ใช้สิ่งนี้แสดงจุดยืนต่อเผ่าเคียงเซียน จากนั้นค่อยมอบส่วนน้อยไปเพื่อสร้างภาพลักษณ์ให้กับพวกเรา และสุดท้ายก็ขายส่วนน้อยในราคาปกติ เพื่อเป็นการแสดงท่าทีของพวกเรา”
“อันที่จริงนี่ก็เป็นความคิดของคนในเผ่าทั้งหมด ก่อนที่ข้ามาที่นี่ก็สำรวจในเผ่าเรียบร้อย ล้วนยอมรับการขายราคาสูงในช่วงนี้ ถึงอย่างไร…เผ่ามนุษย์ก็ร่ำรวยกันอยู่แล้ว”
“สายโลหิตของข้าก็เช่นกัน มีคนไม่น้อยเสนอว่าให้ล้างคลังพวกยาลูกกลอนที่คุณภาพรองลงมาที่เดิมทีจะเป็นขยะเหล่านั้น แต่ว่าเรื่องนี้ก็อาจจะทำให้เกิดข้อพิพาทขึ้นมาได้ง่าย น่าเสียดาย”
“ในเมื่อความคิดทุกคนตรงกัน เช่นนั้นก็ทำตามวิธีการเดิม หนึ่งสายโลหิตสนับสนุนกำลังคน หนึ่งสายโลหิตตอบแทนบุญคุณให้เป็นที่ประจักษ์ หนึ่งสายโลหิตคอยเฝ้าสังเกตการณ์และลอบติดต่ออย่างเงียบๆ กับเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์ต่อไป และอีกหนึ่งสายโลหิตก็ไปแสดงจุดยืนกับเผ่าเคียงเซียนต่อ!”
“เพื่อให้เรื่องนี้สมจริง พวกเรายังต้องโต้เถียงแสดงละครกันต่อไปอีกสองสามวัน…”
หัวหน้าเผ่ากระจายวิญญาณสี่คนนี้ยิ้มให้กัน พากันลุกขึ้น ขณะที่กำลังจะจบการหารือลับครั้งนี้ ตอนนี้เอง พลังน่าครั่นคร้ามทำให้คนพรั่นพรึงถึงขีดสุด แรงกดดันที่น่ากลัวกระทั่งหัวใจยังต้องหยุดเต้นไปขณะหนึ่งปรากฏขึ้นอย่างกะทันหันจากฟากฟ้า
พริบตาที่สีหน้าหัวหน้าเผ่าทั้งสี่เปลี่ยนไป พื้นสะเทือนเขาสั่นไหว เสียงครืนครันพลันดังสนั่นดังก้องไปทั้งภูเขาชี้แจ้งวิญญาณในตอนนี้
มองไกลๆ ท้องฟ้าของภูเขาบรรพชนเผ่ากระจายวิญญาณที่ตำหนักเทพตั้งอยู่ แสงสีม่วงแดงเจิดจ้า วิหคสามหัวขนาดหมื่นจั้งตัวหนึ่งพุ่งออกมาจากเมฆหมอกในพริบตา กรงเล็บขนาดยักษ์สองข้าง คว้ายอดของตำหนักเทพบนยอดเขา
เมินการป้องกันของเขาลูกนี้ ไม่สนใจผนึกต้องห้ามของตำหนักเทพ ไม่สนใจทุกสิ่งอย่าง พุ่งทะลวงเข้ามาท่ามกลางเสียงครืนครันดังลั่น ทั่วทั้งตำหนักเทพรวมถึงเทวรูปด้านในแตกเป็นเสี่ยงๆ ทันที
ยิ่งขณะที่มันทะลวงเข้ามา กรงเล็บของมหาวิหคจับที่ภูเขาไว้แน่น เมื่อกระพือปีกภูเขาบรรพชนแห่งเผ่ากระจายวิญญาณลูกนี้ก็สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ถูกยกขึ้นมา!


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา