เข้าสู่ระบบผ่าน

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา นิยาย บท 498

บทที่ 498 การหารืออย่างเป็นมิตรของสวี่ชิง

……….

คำพูดของสวี่ชิงดังก้องไปทั่ว

เสียงของเขาสงบนิ่งมาก ความบ้าคลั่งในดวงตาก็ไม่ได้เข้มข้น เป็นเพียงแค่กลุ่มบางๆ เท่านั้น

ผ่านเรื่องราวมามากมายเช่นนี้ โดยเฉพาะหลังจากที่ทำการหารืออย่างเป็นมิตรไม่ใช่แค่ครั้งเดียว สำหรับจะทำอย่างไรให้การหารือยิ่งเป็นมิตรมากขึ้นสวี่ชิงเชี่ยวชาญแล้ว

ยกตัวอย่างเช่นจักรพรรดิโบราณกับนิ้วเทพเจ้า ภายใต้การหารืออย่างอ่อนโยนของเขาก็ได้ข้อตกลงร่วมกัน และตัวอย่างที่สำเร็จเช่นนี้ ทำให้สวี่ชิงไม่มีความกดดันทางด้านจิตใจใดๆ ทั้งสิ้นกับเผ่าเคียงเซียนที่อยู่ข้างหน้านี้

เขารู้ดีว่าการหารือจะต้องใช้ความจริงใจมาเป็นอาวุธถึงจะได้ผลที่สุด

จะต้องมีความจริงใจถึงจะโน้มน้าวอีกฝ่ายได้

ยิ่งเรียบง่าย ยิ่งตรงไปตรงมา ผลที่ได้ก็ยิ่งดี

ดังนั้นคำพูดก่อนหน้านี้ล้วนเป็นเรื่องจริง

หากเขตปกครองผนึกสมุทรแตกพ่าย เช่นนั้นวังครองกระบี่จะผนึกเทพเจ้าเพื่อเผ่าพันธุ์อื่นๆ ไปทำไม

ตอนนี้ปล่อยเทพเจ้าออกมา ไม่สนความเป็นตายทุกอย่างถึงจะเป็นการกระทำที่ถูกต้องตามตรรกะเหตุผล

ถูกต้องตามตรรกะเหตุผล อีกทั้งผลได้ผลเสียชัดเจน เช่นนั้นการหารืออย่างเป็นมิตรครั้งนี้ก็จะมีผลลัพธ์ที่ควรจะเป็น

ดังนั้นหลังจากที่สวี่ชิงพูดจบ ผู้บำเพ็ญเผ่าเคียงเซียนทั้งสามบนท้องฟ้าสีหน้าต่างย่ำแย่

ตำแหน่งของพวกเขาในเผ่าเคียงเซียนสูงมาก ล้วนเป็นบรรพจารย์กันทั้งนั้น แต่ต่อให้เป็นพวกเขาก็จำต้องยอมรับ ทันทีที่สวี่ชิงปลดผนึกเทพเจ้าจริงๆ เช่นนั้น…เผ่าเคียงเซียนที่อยู่ในเมืองหลวงเขตปกครองเหมือนกันก็จะต้องเป็นเป้าหมายที่ถูกกัดกินเป้าหมายแรกแน่นอน

เพราะคนธรรมดาในเมืองหลวงเขตปกครองเผ่ามนุษย์มีมากมายจริงๆ อีกทั้งยังมีตาข่ายป้องกันที่แปลงมาจากของวิเศษเวทต้องห้ามมากมาย ดังนั้นใช้แรงเยอะไปกินของกินเล่นอันน้อยนิด กับลงแรงน้อยๆ กินอาหารมื้อใหญ่อันอุดมสมบูรณ์มื้อหนึ่ง ระหว่างทั้งสองตัวเลือกนี้ควรจะเลือกอย่างไร ไม่ต้องพูดก็รู้

แม้ว่าค่าตอบแทนจะเป็นการล่มสลายโดยสมบูรณ์ของเขตปกครองผนึกสมุทรอย่างแท้จริงก็ตาม

แต่ความจริงในตอนนี้คือหากไม่มีทรัพยากรที่มากเพียงพอ การแตกพ่ายของแนวหน้าก็จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ผลลัพธ์ก็เหมือนกัน

เช่นนั้นแล้ว ประโยคที่สวี่ชิงย้อนถามประโยคนั้นว่าพวกเจ้ากล้าหรือไม่ก็กลายเป็นเสียงหลงเหลืออยู่ในฟ้าดินแห่งนี้ อยู่ในจิตใจของบรรพจารย์เผ่าเคียงเซียนทั้งสาม ดังก้องไม่หยุด

นานหลังจากนั้น ผู้หญิงเผ่าเคียงเซียนที่อยู่ตรงกลางก็พลันเอ่ยขึ้น

“เจ้าเป็นเผ่ามนุษย์ที่มีพลังบำเพ็ญเท่านี้ก็กล้ามาข่มขู่พวกข้าคนแรกที่ข้าเคยเจอ ดังนั้นเจ้ามาเผ่ากระจายวิญญาณก่อน เป้าหมายที่แท้จริงคือล่อให้พวกข้าออกมา วางแผนดีนัก เจ้าเล่ห์นัก

“และเขตปกครองผนึกสมุทรรักษาสถานการณ์แบบเดิมเอาไว้ แน่นอนว่ายิ่งเป็นการดีกับพวกข้า

“เช่นนี้เจ้ามีข้อเรียกร้องอะไร”

“นี่คือการเจรจาหารือ” สวี่ชิงสีหน้าจริงจัง เอ่ยแก้

เขาไม่แปลกใจกับการประนีประนอมของอีกฝ่าย เรื่องแบบนี้ขอเพียงเป็นคนมีเหตุผลล้วนจัดการแบบนี้กันทั้งนั้น และเขารู้ดีว่าความจริงเรื่องยังไม่จบ

ในฟ้าดินนี้ทุกอย่างต้องดูว่าคุ้มค่าหรือไม่ เรื่องนี้ตอนที่อยู่สำนักเจ็ดเนตรโลหิตเขาก็เข้าใจแล้ว หากข้อเสนอที่เขาเสนอไปทำให้คนรู้สึกว่าไม่คุ้มค่า เช่นนั้นความวุ่นวายทุกอย่างก็จะเกิดขึ้นทันที

“ทรัพยากรทุกอย่างที่ทางสนามรบต้องการซื้อขายด้วยราคายุติธรรม อนุญาตให้ยืดเวลาชำระ!” สวี่ชิงมองไปยังสามคนที่อยู่บนท้องฟ้า เอ่ยเนิบนาบ

“เจ้าทำให้ข้าได้รู้ว่าอะไรเรียกว่าเจรจาหารือแล้ว สำหรับเงื่อนไขของเจ้า…เผ่าบริวารของเผ่าเคียงเซียนข้าทั้งหมด ได้!” ผู้หญิงเผ่าเคียงเซียนปรายตามองสวี่ชิงด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ผาดหนึ่ง

“สัญญาพันธมิตรดำเนินต่อ อีกทั้งเงื่อนไขการปิดเผ่าของเจ้าวังยังดำเนินต่อไป” สวี่ชิงเอ่ยอีกครั้ง เงื่อนไขนี้ไม่เป็นการกระทำเกินไป เผ่าเคียงเซียนทั้งสามที่อยู่บนท้องฟ้าเงียบนิ่งไปครู่หนึ่ง พยักหน้า

“แต่เจ้าห้ามสังหารเผ่ากระจายวิญญาณต่อ!”

ความจริงนี่ก็มีประโยชน์ต่อพวกเขา พวกเขาไม่อยากเข้าร่วมสงคราม นี่ก็เป็นเหตุผลตกลงในตอนนั้นที่เจ้าวังมาเจรจา เพียงแต่ตอนนี้มีความกังวลที่สวี่ชิงจะปลดผนึกเทพเจ้าเพิ่มมา

แต่ไม่เป็นไร ให้เวลาพวกเขาไปเตรียมรับมือกับเรื่องนี้โดยเฉพาะ ก็ยังสามารถหลีกเลี่ยงได้ในระดับหนึ่ง เพียงแต่ต้องใช้เวลานานหน่อยก็เท่านั้น

ตอนนี้ทิศทางเจรจาเสร็จสิ้น สำหรับรายละเอียด ในช่วงสงครามทุกอย่างดำเนินการเรียบง่าย ต่างฝ่ายต่างล้วนไม่ได้พูดคุยสื่อสาร สวี่ชิงก็ไม่กลัวอีกฝ่ายจะกลับคำพูด

ต่างเผ่าเผ่าอื่นๆ ก็คงจะรู้เรื่องที่เผ่าเคียงเซียนประนีประนอมและเผ่ากระจายวิญญาณถูกสังหารไปกว่าครึ่ง ย่อมไม่กล้าบุ่มบ่าม

ตอนนี้การเจรจาเสร็จสิ้น รอยแตกข้างหลังเผ่าเคียงเซียนทั้งสามแยกออกอีกครั้ง ผู้หญิงที่อยู่ตรงกลางคนนั้นพลันเอ่ยขึ้นมา

“เจ้าชื่ออะไร”

สวี่ชิงคิดๆ เรื่องนี้ความจริงไม่จำเป็นต้องปกปิด อีกฝ่ายอยากรู้ก็ง่ายดายนัก เขาจึงตอบไปอย่างสงบนิ่ง

“จางซืออวิ้น!”

สวี่ชิงมีนิสัยระมัดระวังรอบคอบ ต่อให้เป็นข้อมูลที่อีกฝ่ายรู้ได้ง่ายๆ เช่นนี้ เขาก็ไม่อยากพูดออกไปด้วยตัวเอง โดยเฉพาะตอนนี้ทุกอย่างล้วนเจรจาเสร็จสิ้นแล้ว ในตอนที่ดูเหมือนราบรื่น จะประมาทเลินเล่อได้ง่าย

เพราะเขาไม่แน่ใจว่าเคล็ดวิชาของระดับหวนสู่อนัตตาจะมีวิชาที่หลังจากถามชื่อก็ตอบไปทันทีจะมีการโจมตีอันถึงแก่ชีวิตอะไรหรือไม่

และหลังจากที่สวี่ชิงพูดไป ท้องฟ้าที่ไกลๆ ก็มีเสียงครืนครันดังมา เงาร่างหนึ่งพุ่งมาจากทางเมืองหลวงเขตปกครองอย่างรวดเร็ว น่าตื่นตะลึงเป็นอย่างยิ่ง กระทั่งว่าท้องฟ้าเกิดเป็นเงาทับซ้อน เพียงพริบตา คนคนนี้ก็มาถึง

เป็นปลัดเขตปกครองนั่นเอง

เขาสีหน้าย่ำแย่ ยิ่งแฝงไว้ด้วยความร้อนรน หลังจากที่ปรากฏตัวขึ้นที่นี่ สายตาก็กวาดไปยังเผ่าเคียงเซียนทั้งสามตนนั้น แล้วมองไปทางสวี่ชิง สังเกตเห็นว่าสวี่ชิงไม่เป็นอะไร สีหน้าของเขาก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อย ตำหนิเสียงต่ำทุ้ม

“จางซืออวิ้น เจ้าบังอาจนัก เรื่องนี้ข้าจะรายงานเจ้าวังในภายหลังอย่างแน่นอน”

พูดจบก็ประสานหมัดไปทางเผ่าเคียงเซียนทั้งสาม ใบหน้าฉายแววขอโทษ

“ท่านทั้งสาม เรื่องนี้เป็นเรื่องเข้าใจผิดกัน ทางสนามรบวิกฤตจริงๆ จางซืออวิ้นคนนี้ก็ใจร้อนรน จึงได้ทำเรื่องหายนะเช่นนี้ เรื่องนี้หลังจากสงครามแล้วข้าจะต้องให้คำตอบที่สมบูรณ์แบบกับพวกท่านแน่นอน!”

เผ่าเคียงเซียนทั้งสามที่อยู่กลางอากาศต่างแค่นเสียงขึ้นจมูก

Verify captcha to read the content.ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา