บทที่ 501 ครึ่งก้าวเตรียมสู่เทวะ! (2)
……….
ในบรรดานี้มีบางส่วนเป็นคนคุ้นเคยของสวี่ชิง
จำนวนรวมๆ ถึงสองล้านกว่าตน
นี่เป็นจำนวนน่าหวาดหวั่นที่เกิดขึ้นจากการรวมกันของเผ่าต่างๆ ในทะเลต้องห้ามกับมณฑลรับเสด็จราชัน
กระทั่งว่าในบรรดานี้ยังมีผู้บำเพ็ญระดับรวมปราณด้วย จินตนาการได้ว่าสำหรับมณฑลรับเสด็จราชันและเผ่าต่างๆ ในทะเลต้องห้าม การปิดผนึกครั้งนี้ ถือว่าทุ่มกันสุดตัวแล้ว
พวกเขา ล้วนกำลังร่ายคาถา
“ข้าผสานซึ่งพลังแห่งฟ้าดิน มรรคาสาปสะกดผี
“สาปทองผุกร่อนเอง สาปไม้ให้หักโค่นเอง สาปน้ำให้แห้งเหือดเอง สาปไฟให้มอดดับเอง สาปขุนคีรีถล่มลงมาเอง
“ผนึกผีผีปลิดชีวินเอง ผนึกคำอธิษฐานคำอธิษฐานตัดขาดเอง ผนึกฝีร้ายฝีร้ายฝ่อเอง ผนึกเทพเจ้าเทพเจ้าพันธนาการเอง
“วิถีหยินหยางผนึกสูงสุด ห้ามมิให้ขัดขืน”
เสียงของคนสองล้านกว่าดังพร้อมกัน กลายเป็นเสียงร่ายคาถาสั่นสะเทือนฟ้าดิน ดังก้องท้องนภา กังวานกว่าระฆัง
ราวอัสนีนับไม่ถ้วนฟาดผ่าขึ้นในอาณาบริเวณนี้อย่างต่อเนื่อง ยิ่งละม้ายกับเมื่อเปล่งวาจาก็มีกฎเกณฑ์ตามมา ทำให้อำนาจเทพเบาบางลงเอง
ทำให้สามจิตเจ็ดวิญญาณที่ได้เห็นภาพนี้ต่างหน้าเปลี่ยนสี สวี่ชิงก็สีหน้าประทับใจเช่นกัน
ขณะเดียวกันระหว่างฟ้าดินนี้ ยังมีค่ายกลที่ทรงพลังอยู่อีกสองจุด หนึ่งอยู่บนท้องฟ้า ส่วนอีกหนึ่งอยู่ที่ก้นบึ้งท้องทะเล
สิ่งที่เสริมความมั่นคงให้ค่ายกลบนท้องฟ้า คือพลังจากของวิเศษเวทต้องห้ามยี่สิบหกชิ้น มองออกว่าของวิเศษเวทต้องห้ามในมณฑลรับเสด็จราชันกว่าครึ่งล้วนเพ่งเป้ามาที่นี่
ระดับขั้นของวิเศษเวทต้องห้ามเหล่านี้ ก็เห็นได้ชัดเจน
ระดับสูงสุดพลานุภาพมากที่สุด คือระฆังทองสัมฤทธิ์ที่แผ่กลิ่นอายโบราณที่ไม่รู้ว่ามีอายุมากเพียงใดใบหนึ่ง
ทุกครั้งที่มันลั่นล้วนสั่นไหวจิตวิญญาณ ทำให้หน้าตาของแดนต้องห้ามมรณะเบื้องล่างย่นคิ้ว
เห็นได้ชัดว่ามาจากสำนักเซียนล้ำบารมี
และใต้ระฆังใหญ่ คือของวิเศษเวทต้องห้ามขั้นรองลงมาอีกสามชิ้น ในบรรดานี้มีรูปสลักอยู่ในท่าทางกอดอกมีกระบี่คมทิ่มแทงอยู่ทั่วร่างรูปหนึ่ง ขณะที่แสดงสีหน้าเจ็บปวดก็แฝงความเคารพเลื่อมใสไว้ด้วย
ยังมีหอกยาวสีเขียวอีกเล่มหนึ่ง แผ่ความคมกริบถึงขีดสุดออกมา ปราณพิฆาตเข้มข้น
ในชั้นนี้ของวิเศษเวทต้องห้ามชิ้นสุดท้าย คือกระจกโบราณขนาดยักษ์ของเจ็ดเนตรโลหิต เวลานี้ดวงตาทั้งเจ็ดลืมตื่นในนั้น นัยน์ตาเปล่งประกายประหลาด
ส่วนของวิเศษเวทต้องห้ามในชั้นรองลงมามีจำนวนมากที่สุด ในบรรดานี้รวมผนึกต้องห้ามของแปดพันธมิตรและผนึกต้องห้ามอื่นในสำนักเซียนล้ำบารมีและลัทธินอกวิถีด้วย
แต่สิ่งเหล่านี้ ล้วนไม่สู้ตัวค่ายกลบนฟากฟ้านี้
ค่ายกลนี้เป็นของวิเศษเวทต้องห้ามเช่นเดียวกัน มาจากโถงครองกระบี่มณฑลรับเสด็จราชัน เป็นขุมพลังของโถงครองกระบี่มณฑลนี้ ทั้งหมดเป็นหยินหยางสองค่ายกล ฟ้าเป็นหยาง ที่ก้นบึ้งใต้ทะเลเป็นหยิน
ค่ายกลทั้งสองส่งเสริมกัน สะกดอย่างต่อเนื่อง
มองผ่านผืนน้ำลงไปก็จะเห็นใบหน้าสีทองอยู่ในค่ายกลหยิน มีผู้บำเพ็ญมหาขั้นหวนสู่อนัตตาของมณฑลรับเสด็จราชันกว่าแปดสิบชีวิตนั่งขัดสมาธิอยู่
ในบรรดานี้นอกจากพันธมิตรแปดสำนักแล้ว ยังมีสำนักเซียนล้ำบารมีและลัทธินอกวิถี อีกทั้งบรรพจารย์ส่วนหนึ่งของเผ่าอื่นๆ อีก
ยิ่งไปกว่านั้นมีโถงครองกระบี่เป็นผู้นำ
เหล่าหวนสู่อนัตตาที่สวี่ชิงเคยเห็นที่โถงครองกระบี่อยู่ในบรรดานี้ทั้งหมด โดยเฉพาะผู้อาวุโสใหญ่คนนั้น ยิ่งแผ่ซ่แรงกดดันน่าสะพรึงออกมา หนึ่งคนสะกดค่ายกลเอาไว้กว่าหนึ่งส่วน
เทพวิญญาณโยวจิงนั่งอยู่ข้างเขา สีหน้าเปี่ยมไปด้วยความจนใจ แต่ก็ต้องลงมือ
เสี่ยเลี่ยนจื่อ นายท่านเจ็ดรวมถึงจอมเซียนจื่อเสวียนก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วย
นายท่านเจ็ดทะลวงขั้นแล้ว กระทั่งมองจุดที่เขานั่งอยู่ เหมือนจะสลักสำคัญยิ่งกว่าบรรพจารย์เสี่ยเลี่ยนจื่อเสียอีก
ทั้งหมดนี้ พิสูจน์แล้วว่าการสะกดแดนมรณะนี้ ทั้งสองฝ่ายที่ต้านทานกันมาหนึ่งเดือน ก็มาถึงจุดที่ปิดผนึกเหนี่ยวรั้งไว้แล้ว
ถึงแม้พลังของแดนต้องห้ามมรณะจะน่าสะพรึง แต่เมื่องรวมพลังจากทั้งมณฑลก็ยังปิดผนึกมันได้ เพียงแต่ยังต้องใช้เวลา
และการมาถึงของพวกสวี่ชิง ก็ทำให้ระดับสูงของที่นี่จับตามองทันที ในพริบตานั้นจิตเทพนับไม่ถ้วนก็มารวมกันจากทั่วสารทิศ ปกคลุมสวี่ชิง
ตอนนี้ ไม่ใช่แค่สามจิตเจ็ดวิญญาณที่สีหน้าเคร่งขรึม กระทั่งชิงฉินยังเก็บงำความโหดเหี้ยม เห็นได้ชัดว่าพวกมันสั่นสะเทือนด้วยพลังของมณฑลรับเสด็จราชัน
ในใบหน้าสีทอง บรรพจารย์สำนักต่างๆ ที่กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่บนค่ายกลหยินต่างลืมตาขึ้น มองท้องฟ้า
นายท่านเจ็ดกับเสี่ยเลี่ยนจื่ออีกทั้งจื่อเสวียน สายตาล้วนไปหยุดอยู่ที่สวี่ชิงเป็นลำดับแรก สองคนด้านหลังรู้สึกเกินคาด แต่นายท่านเจ็ดทำท่าเหมือนครุ่นคิด
ส่วนผู้อาวุโสใหญ่โถงครองกระบี่คนนั้น หลังจากเห็นสวี่ชิง ก็กวาดตามองชิงฉินรวมถึงสองจิตปฐพีสวรรค์กับเจ็ดวิญญาณด้านหลังเขา แววตาเปล่งประกาย ไม่มีความประหลาดใจแม้แต่น้อย
เขารู้ว่าสวี่ชิงต้องมา
อันที่จริงตอนที่สวี่ชิงเข้ามาในมณฑลรับเสด็จราชัน ระหว่างทางที่ตรงไปยังเขาไตรวิญญาณสะกดมรรคา ก็ลองติดต่อกับผู้อาวุโสใหญ่โถงครองกระบี่มณฑลรับเสด็จราชัน บอกแผนการของตน และบอกเรื่องวังจักรพรรดิภูตของตน ก็ได้รับการยินยอมจากอีกฝ่ายแล้ว
ถึงอย่างไรเรื่องนี้ก็มีความเสี่ยง การมาเยือนของสามจิตเจ็ดวิญญาณมีความเป็นไปได้ว่าจะทรยศอยู่ระดับหนึ่ง
แม้ความน่าจะเป็นนี้ในทางตรรกะจะน้อยมาก แต่ก็ต้องป้องกันไว้ก่อน
สวี่ชิงจึงติดต่อกับผู้อาวุโสใหญ่
และอีกฝ่ายก็ยืนยันเรื่องนี้ บอกให้เขาวางใจแล้วพามา
“ผู้ครองกระบี่สวี่ชิง คารวะผู้อาวุโสใหญ่!” สวี่ชิงยืนอยู่บนหัวขวาของชิงฉิน ประสานหมัดคารวะ
“เชิญผู้อาวุโสสองจิตปฐพีสวรรค์รวมถึงเจ็ดวิญญาณทั้งเก้าตนนี้มาลงมือครั้งหนึ่ง อีกทั้งยังมีผู้อาวุโสชิงฉินที่ยอมลงมือด้วย ผู้อาวุโสใหญ่โปรดตัดสินใจด้วยขอรับ”
ชิงฉินร้องแกว๊กเสียงหนึ่ง แสดงออกว่ายอมรับ
สวี่ชิงพูดจบ คารวะไปทางนายท่านเจ็ดและบรรพจารย์ด้านหลังผู้อาวุโสใหญ่
“คารวะท่านอาจารย์ คารวะท่านบรรพจารย์”
จากนั้นเขาก็มองไปทางจื่อเสวียน จื่อเสวียนยิ้มๆ ดวงตาเปล่งประกาย
นายท่านเจ็ดลูบเครา ส่วนบรรพจารย์ทางนั้นก็ยักคิ้วดูภาคภูมิใจ แต่เวลานี้พวกเขาก็ยังวอกแวกไม่ได้ สะกดสุดกำลัง
ส่วนผู้อาวุโสใหญ่ทางนั้นก็ไม่เสียเวลา เอ่ยทันที
“สวี่ชิง สำแดงเขาจักรพรรดิภูตของเจ้าออกมาเสีย!”



ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา