บทที่ 503 นรกในโลกมนุษย์ (1)
ได้ยินคำพูดของบรรพจารย์ นายกองซาบซึ้งขึ้นมาทันที มองไปทางเสี่ยเลี่ยนจื่อด้วยน้ำตาคลอเบ้า
เงาร่างของอีกฝ่ายในใจเขายิ่งใหญ่เหลือประมาณ สาดประกายแสงอบอุ่น
ครั้งนี้เขาตกใจกลัวกับสถานการณ์ผู้บำเพ็ญหลายล้านคนของสองมณฑลแล้วจริงๆ และการก้าวออกมาของบรรพจารย์ คำพูดที่ยุติธรรมเที่ยงตรง ทัศนคติที่ถูกต้องต่อตน ทุกอย่างทำให้ความน้อยเนื้อต่ำใจมหาศาลในใจของนายกองแปรเปลี่ยนเป็นความซาบซึ้ง
เขารู้สึกว่าในโลกนี้ยังมีความอบอุ่น ฟ้าดินยังมีความจริงใจ!
และบรรพจารย์สุดท้ายแล้วก็รักเขามากที่สุด ตัวเขายังเป็นศิษย์หลานตัวน้อยที่บรรพจารย์รักที่สุด
นายกองจึงใช้แรงสุดกำลังเบิกหนังตาขึ้น จะมองไปทางสวี่ชิง
สวี่ชิงสีหน้าไร้อารมณ์ หิ้วศีรษะนายกองมองไปทางผู้อาวุโสใหญ่ทั้งสองของมณฑลบังคับจำนนและรับเสด็จราชัน เอ่ยขึ้นอย่างสงบนิ่ง
“จากรายงานอักษรเจี่ยหมายเลขหนึ่งสามเจ็ดเก้าที่กรมอาลักษณ์รวบรวม เคราะห์ภัยวุ่นวายของสองมณฑลล้วนเกี่ยวกับเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์ และได้รับการยืนยันจากรายงานตัวอักษรมี่หมายเลขที่สองหนึ่งสี่ว่าฝั่งเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์ปลุกแดนต้องห้ามอาภรณ์
“นอกจากนี้ ผนึกมณฑลบังคับจำนนราบรื่นกว่ามณฑลรับเสด็จราชันอย่างเห็นได้ชัด สรุปจากการเปรียบเทียบข้อมูลที่ส่งมาจากทั้งสองมณฑลแล้ว ต่อให้มณฑลบังคับจำนนไม่มีกองทัพเสริม อย่างมากหนึ่งเดือนก็จะสามารถจัดการเคราะห์แดนต้องห้ามอาภรณ์ได้ ส่วนมณฑลรับเสด็จราชันต้องใช้เวลามากกว่านั้น
“เรื่องนี้ในตอนที่อยู่ที่กรมอาลักษณ์ ข้าก็สงสัยเช่นกัน เดิมคิดว่าประตูเทพเจ้าแดนต้องห้ามมรณะเป็นต้นเหตุที่ทำให้การผนึกยากลำบากกว่าเดิม แต่ตอนนี้ดูแล้ว น่าจะเกี่ยวพันกับความร่วมมือของเฉินเอ้อร์หนิวในแดนต้องห้ามอาภรณ์”
นายกองซาบซึ้งขึ้นมาอีกครั้ง
เขาขยับศีรษะอย่างรวดเร็ว ทำท่าพยักหน้า และหน้าตาโทรมๆ ของเขา หนวดเครารกครึ้ม ฉายความอเนจอนาถออกมาอย่างเข้มข้น ท่าทางแบบนี้เพิ่มความน่าเชื่อถือได้อีกเล็กน้อย
แต่เสียงที่น่าเชื่อถือที่สุดตอนนี้ดังมาจากที่ไกล
“ความวุ่นวายในแดนต้องห้ามอาภรณ์ไม่เกี่ยวกับสหายตัวน้อยเผ่ามนุษย์ผู้นี้ กลับเป็นการมาเยือนของเขาที่ช่วยเผ่าเราเอาไว้ได้อย่างมหาศาล”
คนทั้งหลายมองไปทันที เห็นเพียงเสื้อผ้าแต่ละตัวๆ บินออกมาจากบนผ้าคลุมศพที่อยู่ข้างล่าง แปรเปลี่ยนเป็นสีสันต่างๆ กลางอากาศ เป็นเผ่าอาภรณ์นั่นเอง
เพียงแต่ เทียบกับสมาชิกเผ่าที่ตายไป จำนวนของเผ่าอาภรณ์ที่เหลือรอดมีไม่มาก
ผู้ที่เป็นผู้นำพูดออกมาเป็นชุดจักรพรรดินีหญิงชุดหนึ่ง ข้างหลังมันรวมไว้ซึ่งชุดองครักษ์จำนวนมหาศาล
การปรากฏตัวขึ้นของพวกมันทำให้ผู้บำเพ็ญที่นี่ต่างประสานหมัด การผนึกแดนต้องห้ามอาภรณ์ครั้งนี้ เผ่าอาภรณ์ลงแรงมากที่สุด และคำพุดของชุดจักรพรรดิก็แน่นอนว่ามีน้ำหนักมหาศาล
เห็นเผ่าอาภรณ์ปรากฏตัวขึ้น นายกองรีบโก่งคอสองสามที แต่รู้สึกว่าไม่ค่อยง่าย จึงพูดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
“อาชิงน้อยช่วยข้าหน่อย”
สวี่ชิงใบหน้าไร้อารมณ์ ยกมือล้วงเข้าไปในปากนายกอง หลังจากควานๆ ครู่หนึ่ง ก็ล้วงเอาถุงมือข้างหนึ่งออกมาจากปากนายกอง
ก็ไม่รู้ว่านายกองซ่อนได้อย่างไร ถุงมือข้างนี้ถูกขยุ้มเอาไว้ เต็มไปด้วยรอยยับย่น ตอนนี้เมื่อเอาออกมา จากการที่นายกองเป่าลมไป มันก็พองขยายอิ่มเอิบ ฟื้นคืนสภาพเดิม
เป็นนวลนางนิ้วทั้งห้านั่นเอง
นางเพิ่งฟื้นตื่น คล้ายว่ายังมึนๆ งงๆ เล็กน้อย หลังจากบินออกไปก็โซซัดโซเซวนล้อมรอบศีรษะของนายกองอยู่สองสามรอบ จากนั้นก็ฟื้นคืนสติอย่างสมบูรณ์ แผ่ระลอกคลื่นอารมณ์ดีใจ โบกมือให้นายกอง ก่อนจะบินไปทางเผ่า
สวี่ชิงสังเกตเห็นสายตาที่นายกองมองถุงมือนั่นว่าไม่ค่อยชอบมาพากลหน่อยๆ อ่อนโยนเกินไป สายตาแบบนี้สวี่ชิงก่อนหน้านี้ไม่เคยเห็นจากนายกอง
แต่เขารู้ว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลามาซักถาม จึงไม่ได้เอ่ยปาก
และผนึกแดนต้องห้ามอาภรณ์ตอนนี้โดยพื้นฐานก็เป็นรูปร่างแล้ว ชุดสวมใส่สำหรับคนตายสีดำตัวนั้นถูกผ้าคลุมศพคลุมโดยสมบูรณ์
จึงทำตามแผน หลังจากนี้หนึ่งชั่วยาม ผู้บำเพ็ญเผ่ามนุษย์จำนวนมหาศาลที่โถงครองกระบี่มณฑลบังคับจำนนรวบรวมมาจากในมณฑลของตัวเองเองร่วมกับมณฑลรับเสด็จราชันก็เริ่มไปช่วยเหลือแนวหน้า
กองทัพเกรียงไกรเคลื่อนพลรวดเร็ว ไปจากแดนต้องห้ามอาภรณ์
ยิ่งใหญ่เกียงไกร ทรงแสนยานุภาพ
ส่วนชิงฉิน ในยามที่กองทัพเปิดค่ายกลส่งข้ามขอบเขตกว้างที่โถงครองกระบี่มณฑลบังคับจำนน ทยอยส่งข้ามไปนั้น มันก็ส่งเสียงแกว๊กให้สวี่ชิง สายตาฉายแววอำลา
มันช่วยสวี่ชิงเพราะคำฝากฝังจากพี่ใหญ่ แต่ไม่ได้หมายความว่ามันไม่มีจุดยืนของตัวเอง ติดตามจนถึงที่สุดโดยไม่ลังเล
แม้มันจะไม่ได้เกลียดชังเผ่ามนุษย์ แต่ก็พูดไม่ได้ว่ามีความรู้สึกดีอะไร โดยเฉพาะสงครามใหญ่ระหว่างสองเผ่าแบบนี้ มันไม่อยากร่วมด้วย นี่ก็เป็นเหตุที่ก่อนหน้านี้เจ้าวังไปเชิญแต่มันกลับปฏิเสธ
ดังนั้น เพื่อช่วยสวี่ชิงเป็นการส่วนตัวมันยินดี แต่เพื่อเผ่าพันธุ์มันไม่ยินดี
แม้ตั้งแต่ต้นจนจบ ชิงฉินจะไม่ได้ส่งจิตเทพใดๆ ออกมา อาศัยเพียงเสียง แต่สวี่ชิงตอนนี้มองชิงฉิน เขาก็สามารถเข้าใจการตัดสินใจของอีกฝ่ายได้
“ขอบคุณผู้อาวุโสชิงฉินมากขอรับ!”
สวี่ชิงสีหน้าเคร่งขรึม ยืนอยู่บนเรือยักษ์ประสานหมัดโค้งคารวะอย่างจริงจัง
ชิงฉินบินบนท้องฟ้า หัวทั้งสามมองสวี่ชิง สุดท้ายหลังจากที่บินวนเวียนสองสามรอบ ก็ส่งเสียงคำรามออกมาเป็นชุด
แกว๊กๆๆ!
ภายใต้เสียงคำราม มันสยายปีกกระพือ ร่างส่งเสียงดังครืนครันก็พุ่งตรงไปบนท้องฟ้า จากไปไกลจากขอบฟ้า
สวี่ชิงจ้องมองท้องฟ้า จวบจนเงาร่างของชิงฉินหายลับไปโดยสมบูรณ์ นายกองที่ส่วนสูงถึงเพียงเข่าของเขาก็ถอนหายใจ
“คิดไม่ถึงเลย ช่วงนี้จะเกิดเรื่องมากมายขนาดนี้”
ใต้ศีรษะของนายกองตอนนี้มีร่างเด็กทารกงอกขึ้นมา มือเท้าเล็กๆ อวบอ้วนเดิมควรจะน่ารักน่าเอ็นดู ทว่าเมื่อมีศีรษะของผู้ใหญ่ทำให้เขาดูแล้วแปลกประหลาดเป็นอย่างยิ่ง
สวี่ชิงกวาดสายตารอบๆ พบว่าคนทั้งหลายที่นี่ทยอยเดินไปในค่ายกลส่งข้ามแล้ว จึงก้มหน้ามองไปทางนายกอง เอ่ยถามไป
“ศิษย์พี่ใหญ่ ท่านทำเรื่องอะไรในนั้นกันแน่”
นายกองถอนหายใจ
“ข้าก็น้อยใจนะ หลังจากพวกเราแยกกันส่งข้ามที่ต้นสิบลำไส้ สถานที่ที่ข้ามาปรากฏตัวก็คือที่เผ่าอาภรณ์ ที่นี่ข้าได้เจอกับน้องสาวนวลนางนิ้วทั้งห้า ดังนั้นข้าเลยเสนอไปว่าอยากไปเที่ยวเล่นในสถานที่สนุกๆ ของเผ่าพวกเขา คิดไม่ถึงว่าเดินไปๆ แดนต้องห้ามอาภรณ์จะฟื้นตื่นขึ้นมาเสียดาย!!
“ตื่นขึ้นมาก็ช่างเถิด แต่ยังกลืนน้องสาวนวลนางทั้งห้าของข้า!”
“ต่อหน้าข้า กลืนน้องสาวนวลนางนิ้วทั้งห้าของข้า นั่นเป็นเรื่องที่ข้ายอมได้หรือ ข้าจึงไล่ตามไป เข้าไปในส่วนลึกของแดนต้องห้ามอาภรณ์ เสี่ยงตายในนั้น ในที่สุดก็ช่วยน้องสาวนวลนางนิ้วทั้งห้าออกมาได้
“แต่เจ้าก็รู้จักนิสัยข้า ข้าเป็นคนที่ยอมเสียเปรียบคนหรือ!
“ดังนั้น ด้วยความโกรธของข้า ข้าจึงตัดสินใจเดินเข้าไปลึกอีกนิด จากนั้นเห็นหัวใจดวงหนึ่งล่องลอยอยู่กลางอากาศ มันน่าจะกำลังฟื้นตื่น ทั้งร่างส่งกลิ่นหอม ดังนั้นเพื่อแก้แค้น ข้าจึงกัดกินหัวใจวิญญาณที่มันต้องการในการฟื้นตื่นไปหลายคำ”
นายกองกระแอม มือเล็กๆ ทั้งสองข้างไพล่อยู่ข้างหลัง มองไปทางสวี่ชิง
สวี่ชิงมองนายกอง เขานึกถึงเสียงก่นด่าและความโกรธเดือดดาลขั้นสุดของใบหน้าดวงนั้นเมื่อก่อนหน้านี้ คิดแล้วไม่น่าจะกลืนไปสองสามคำง่ายๆ แบบนั้น
ส่วนคำพูดของนายกองสวี่ชิงเชื่อเพียงครึ่งเดียว เนื่องจากขาดข้อมูล ดังนั้นเขารู้ว่าเคราะห์ความวุ่นวายแดนต้องห้ามอาภรณ์ นายกองไม่ได้เป็นคนก่อจริงๆ
แต่เรื่องภายหลังที่นายกองพูดเหล่านั้น สวี่ชิงไม่เชื่อเลย
เขารู้สึกว่าด้วยนิสัยของนายกองจะจ้องทำเรื่องสะท้านฟ้าสะเทือนดินอะไรในนั้นแน่ๆ คิดแล้วต่อให้เป็นเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์ก็คาดไม่ถึงว่าแผนการอันรอบคอบของพวกมันจะเกิดเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงที่ไม่คาดคิดเช่นนี้ได้เหมือนกัน
แต่สรุปแล้ว ผลลัพธ์นั้นดี อีกทั้งยังทำให้ผนึกราบรื่นขึ้นอีกเล็กน้อยด้วย
สวี่ชิงจึงพยักหน้า กวาดสายตามองนายกองตัวเตี้ย เอ่ยขึ้นอย่างช้าเนิบ
“เช่นนั้นแล้ว กลับไปข้าจะบันทึกให้ศิษย์พี่ใหญ่ นับว่าเป็นคุณงามความชอบครั้งใหญ่เรื่องหนึ่งเหมือนกัน”
นายกองได้ยินคำพูดนี้ก็หน้าตาเบิกบาน หัวเราะร่า
“นี่สิถึงจะเป็นศิษย์น้องเล็กของข้า ฮ่าๆ ให้เจ้า”
นอกจากดีใจแล้ว นายกองกวาดตามองไปรอบๆ หยิบเอาผลึกวารีสีเขียวครามขนาดเท่าไข่ไก่ออกมาก้อนหนึ่ง ยัดไปในมือสวี่ชิง


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา