บทที่ 508 ขับขานเจตจำนง ด้วยจุดสูงสุดแห่งผนึกสมุทร
……….
ศักราชเสวียนจั้นปีที่สองพันเก้าร้อยสามสิบสอง เจ้าเขตปกครองผนึกสมุทรดับสูญโดยไม่คาดคิด พลทหารเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์รุกรานพื้นที่สามมณฑล เผ่าฟ้าทมิฬรุกรานดินแดนเมืองหลวงจักรพรรดิ
เขตปกครองผนึกสมุทรขอความช่วยเหลือด่วน อันตรายอยู่เบื้องหน้า
เดือนหกปีเดียวกัน เขตปกครองผนึกสมุทรใช้พลังทั้งเขตปกครอง หลังจากยืนหยัดปกป้องด้วยกองกำลังของตนเกือบสองเดือน แนวหน้าทางเหนือเขตปกครองผนึกสมุทรก็แตกพ่าย หลี่หรงอวี้เจ้าวังพิธีการสู้จนตัวตาย จางเหอซิ่นเจ้าวังอาญาสู้จนตัวตาย เหยาเทียนเยี่ยนหายสาบสูญ กองทัพพันธมิตรล้มตายนับไม่ถ้วน ปราชัยไปกว่าสองแสนลี้
หลังจากทางเหนือแตกพ่ายหนึ่งวัน สนามรบตะวันตกก็แตกพ่าย ข่งเลี่ยงซิวเจ้าวังครองกระบี่สู้จนตัวตาย
เผ่ามนุษย์เขตปกครองผนึกสมุทรนับแสนชีวิตอยู่ในวิกฤต บุตรลำดับเจ็ดของจักรพรรดิเผ่ามนุษย์ตีตกความคิดเห็นอื่นทั้งหมด ห่วงใยเขตปกครองผนึกสมุทร หลังจากทะลวงผนึกหนาแน่นของเผ่าฟ้าทมิฬ ก็มาที่เขตปกครองผนึกสมุทร
องค์ชายเจ็ดใช้พลังฝ่าฟันอุปสรรคนานับประการ ด้วยอานุภาพประดุจอัสนีบาต นำกองทัพใหญ่เมืองหลวงจักรพรรดิเผ่ามนุษย์หกสิบล้านคน ใช้อำนาจของห้ากรมทมิฬ ใช้สี่สิบเก้าแม่ทัพตงเซิ่งเป็นหอก กวาดล้างสนามรบทางเหนือ
สังหารผู้บำเพ็ญเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์เจ็ดล้านคนของรัฐสายลมสวรรค์และปฐพีทั้งสองรัฐที่มารุกราน ใช้เลือดเนื้อเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์สร้างแนวป้องกันที่แข็งแกร่งมิอาจโค่นล้มได้ขึ้นที่เขตสนามรบทางเหนือ
ยิ่งทำงานหามรุ่งหามค่ำ ควบคุมยี่สิบเจ็ดแม่ทัพหนึ่งร้อยสิบสามขุนพลใหญ่ด้วยตัวเอง นำทัพนักรบเมืองหลวงจักรพรรดิเผ่ามนุษย์ ควบราชรถมังกรทองสี่กรงเล็บทะยานสู่แนวหน้าฝั่งตะวันตก
สุดท้ายเขตตะวันตกก็แตกพ่าย ความเป็นความตายของเผ่ามนุษย์นับล้านในเขตปกครองผนึกสมุทรอยู่ในช่วงวิกฤต ต้านรับวิญญาณสีชาดและหมอกจันทราสองราชวงศ์ใหญ่แห่งเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์ ยิ่งลงมือด้วยตนเองจนทำให้ทั้งสองจักรพรรดิบาดเจ็บสาหัส
องค์ชายเจ็ดบุกเบิกสงครามให้เผ่ามนุษย์เป็นครั้งแรก ไม่เพียงทำร้ายสองจักรพรรดิจนบาดเจ็บสาหัส แต่ยังสังหารศัตรูไปกว่าหกล้านตนในเขตสนามรบด้านตะวันตก
เลือดจักรพรรดิหลั่งริน ย้อมท้องฟ้าจนแดงฉาน องค์ชายเจ็ดไม่สนใจความปลอดภัยของตนเอง ร่วมมือกับเหล่าขุนพล สำแดงวิชาต้องห้ามของเผ่ามนุษย์ ปิดผนึกพื้นที่ครึ่งมณฑล จำกัดการแผ่ขยายของสมบัติแดนสงครามเผ่าฟ้าทมิฬ
และใช้สิ่งนี้ ช่วยเหลือเหล่ากองทัพใหญ่ที่พ่ายแพ้ของเขตสนามรบด้านตะวันตก
จากนั้นทัพที่พ่ายของตะวันตกและเหนือก่อตั้งแนวรบขึ้นร่วมกัน รวมกองทัพใหญ่นับสิบล้านและผู้บำเพ็ญเผ่ามนุษย์เขตปกครองผนึกสมุทร ปกป้องชายแดนเขตปกครองผนึกสมุทร ยิ่งส่งสามแม่ทัพสิบขุนพลนำผู้บำเพ็ญเขตปกครองส่วนหนึ่ง กระจายไปทั่วผนึกสมุทร กวาดล้างองครักษ์ชุดดำรวมถึงขั้วอำนาจเผ่าต่างๆ ที่ก่อความวุ่นวาย
กวดขันในเรื่องนี้ทั่วทั้งเขตปกครองผนึกสมุทร ปีศาจยังครั่นคร้าม วิญญาณชั่วร้ายยังหวาดกลัวไปช่วงหนึ่ง!
ขั้วอำนาจชั่วร้ายในเขตปกครองถูกชะล้างจนหมด เผ่ามนุษย์ในเขตปกครองเริ่มมีเค้าลางสงบสุข
พันธมิตรกู่ก้องยินดี พันเผ่าศิโรราบ
เดือนเจ็ดปีเดียวกัน หลังจากเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์พ่ายแพ้ ก็เปิดฉากการโจมตี สร้างกองทัพที่น่ากลัวบีบเข้ามา
องค์ชายเจ็ดทรงพระปรีชาสามารถ ยิ่งมีวิธีเผด็จศึกที่ชาญฉลาด ใช้การถอยเพื่อรุกคืบ ล่อศัตรูให้ถลำลึก กระตุ้นไฟพิภพของมณฑลสวนพิรุณและชี้แจ้งวิญญาณทำให้ภูเขาไฟนับไม่ถ้วนระเบิด แผ่นดินสะท้านเขาสะเทือน ลามไปถึงคลื่นพนาและสงบสุข แผดเผาพื้นที่ทั้งสี่มณฑล
ในสี่มณฑล ขมุกขมัวไร้ขสิ้นสุด มีเพียงไฟพิภพที่ยังไม่ดับมอด ลุกโหมโชติช่วง แผดเผาจันทรา
เผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์ด้านในกรีดร้องระงม ล้มตายนับไม่ถ้วน ในที่สุดก็สกัดการการรุกรานของเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์ไว้ได้
ศึกนี้เป็นชัยชนะอย่างยิ่งใหญ่ ข่าวแพร่ไปถึงฝ่ายสนับสนุนเขตปกครองผนึกสมุทร บรรดาชนเผ่ากู่ร้องยินดีย่างยิ่ง
ปลัดเขตปกครองทูลขอให้บุตรจักรพรรดินั่งรักษาการณ์ดูแลเขตปกครองไปหลายครั้ง แต่ก็ถูกปฏิเสธทุกครั้ง กระทั่งหลังจากได้รับชัยชนะอย่างยิ่งใหญ่ บุตรจักรพรรดิเป็นห่วงเหล่าทหาร จึงตกลงที่จะนำผู้บำเพ็ญสิบล้านมายังเมืองหลวงเขตปกครองในเจ็ดวันให้หลัง
วันนี้ ห่างจากวันเดินทางของบุตรจักรพรรดิอีกสามวัน
ชายแดนมณฑลบังคับจำนน ตามแนวป้องกันที่ทอดยาวไปตามเทือกเขานับล้านลี้ สวี่ชิงนั่งอยู่เงียบๆ บนภูเขาหินแห่งหนึ่ง มองฟ้าดินไกลๆ
สภาพของเขา แตกต่างกับแต่ก่อนอย่างมาก
ชุดนักพรตผู้ครองกระบี่เปลี่ยนเป็นชุดเกราะแตกๆ ผมยาวเปลี่ยนเป็นผมสั้นไปแล้ว ทั่วร่างสกปรกมอมแมม ขณะที่กลิ่นคาวเลือดแผ่ปกคลุม ริมฝีปากของเขาก็แห้งแตกไปแล้วไม่รู้กี่ครั้ง
ดวงตาทั้งสองยิ่งเผยความเหนื่อยล้าเข้มข้นออกมา
ตามสายตาเขาที่มองไป ท้องฟ้าขมุกขมัว ควันหนาทึบ เขาเขียวสายน้ำใส แผ่นดินที่อบอุ่นแต่เดิม บัดนี้มืดมิดไปหมด ยังมีเปลวไฟที่กำลังเผาไหม้อยู่ด้วย
ในสองตาที่เต็มไปด้วยความยุ่งเหยิง มองเห็นซากศพไหม้เกรียมนับไม่ถ้วนได้…
สวี่ชิงมองสิ่งเหล่านี้ เงียบนิ่งไม่พูดจา
จนผ่านสักพัก ด้านหลังเขาก็มีเสียงฝีเท้าดังมา ข่งเสียงหลงนั่นเอง
การแต่งกายที่ไม่ค่อยต่างกับสวี่ชิงนัก อ่อนล้า อ้างว้างเช่นกัน หลังจากเดินมาข้างกายสวี่ชิงเขาก็นั่งลง มองลออกไปไก ส่งเสียงทุ้มต่ำแหบพร่าออกมา
“สวี่ชิง เจ้าไปพักผ่อนเถอะ ข้าคุ้มกันเอง ตอนที่ข้ามาเห็นศิษย์พี่ใหญ่เจ้า เขาให้ข้าบอกกับเจ้าว่าให้รีบกลับไป
“ตอนเข้ารองเจ้าวังมาหาข้า บอกว่าสามวันจากนี้เขาจะกลับเมืองหลวงเขตปกครอง และพูดถึงเจ้าด้วย
“ไม่มีกรมอาลักษณ์อีกแล้ว เจ้าอยู่ที่นี่ก็ไม่มีความหมาย ข้าจึงตอบตกลงแทนเจ้าไปแล้ว”
ข่งเสียงหลงเอ่ยเสียงราบเรียบ น้ำเสียงชินชา ไม่มีคลื่นอารมณ์ใด
สวี่ชิงลุกขึ้นเงียบๆ มองแนวป้องกันที่ทอดยาวอยู่รอบๆ ที่นี่ส่วนใหญ่ล้วนเป็นผู้บำเพ็ญเผ่ามนุษย์แต่เดิมของเขตปกครองผนึกสมุทร และกองทัพใหญ่ที่มาจากเมืองหลวงจักรพรรดิก็อยู่ในค่ายแนวป้องกันที่สองไกลๆ
พักหนึ่ง สวี่ชิงถอนสายตากลับมา ตบไปที่บ่าข่งเสียงหลง ล้วงกาสุราออกมาวางไว้ข้างๆ
นั่นเป็นกาสุราที่เหลือกว่าครึ่งหลังจากที่เขาคุ้มกันอยู่ที่นี่หนึ่งวันหนึ่งคืน
ข่งเสียงหลงหยิบกาสุราขึ้น ดื่มลงไปอึกใหญ่ ตอนที่สวี่ชิงหันหลังจากไป เขาก็เอ่ยขึ้นว่า
“สวี่ชิง ร่างเงานั่น เจ้าเห็นแล้วใช่หรือไม่…”
สวี่ชิงหลับตาปิดกั้นสิ่งรบกวน พยักหน้า
ข่งเสียงหลงเงียบนิ่ง จากนั้นก็เปล่งเสียงทุ่มต่ำ
“บุตรจักรพรรดิคนนี้ เจ้าเห็นว่าอย่างไร”
“เป็นคนเหี้ยมโหด” สวี่ชิงเอ่ยเสียงแหบพร่า
หัวสมองเขาฉายภาพมังกรทองสี่กรงเล็บที่มาเยือนรวมถึงร่างที่อยู่บนนั้นตอนที่ตาข่ายยักษ์ของวิเศษเวทต้องห้ามเมืองหลวงเขตปกครองแตกสลาย
“กระตุ้นไฟพิภพสองมณฑลให้ระเบิด เรื่องนี้ตาแก่…เรื่องนี้เจ้าวังในตอนนั้นก็ดำลังดำเนินการ จึงให้เผ่ามนุษย์สองมณฑลปักหลักอยู่ แต่ใต้เท้าบุตรจักรพรรดิคนนี้ก็เหี้ยมโหดยิ่ง ในสายตาเขามีเพียงชัยชนะ มีเพียงชื่อเสียง ไม่มีคำว่าชีวิตมนุษย์อยู่เลย!”
สวี่ชิงเงียบนิ่ง
“สวี่ชิง เจ้าเห็นรายงานสงครามหรือไม่ ในนั้นบอกว่าคุณูปการเหล่านั้น ทำให้สองจักรพรรดิเจ็บหนักอะไรนั่น ทำให้สองจักรพรรดิเจ็บหนักนั่น!
“อีกทั้งบุตรจักรพรรดิคนนี้ วันนั้นถ้าเขามาเร็วอีกสักเล็กน้อย ต่อให้เร็วขึ้นเพียงหนึ่งชั่วก้านธูป…” ข่งเสียงหลงหัวเราะอย่างน่าเวทนา ไม่พูดอะไรต่อ แต่ก็ดื่มสุราในกาลงไปอึกใหญ่ โบกมือให้สวี่ชิง
สวี่ชิงยืนอยู่ที่เดิมครู่หนึ่ง จากไปอย่างเงียบงัน
ห่างจากวันที่เจ้าวังสู้จนตัวตาย ผ่านไปแล้วหนึ่งเดือน
เมื่อองค์ชายเจ็ดมาถึง กรมอาลักษณ์นี้ก็หมดความหมาย ผู้คนลืมเลือน ส่วนผู้ครองกระบี่กรมอาลักษณ์แต่เดิม ก็ถูกจัดไปอยู่ในสนามรบแล้ว
ผ่านการระส่ำระส่ายอยู่หลายครั้ง หลังจากผ่านสงครามครั้งใหญ่มาจนถึงตอนนี้ สวี่ชิงได้สัมผัสนิสัยใจคอการกระทำของบุตรลำดับเจ็ดจักรพรรดิคนนี้ด้วยตนเองแล้ว
มีแค่ชัยชนะ ไม่สนสิ่งที่ต้องจ่าย
เป็นอย่างที่ข่งเสียงหลงพูดจริงๆ ชีวิตมนุษย์ไม่มีค่าอะไรเลยในสายตาเขา ต่อให้เผ่ากว่าครึ่งรวมถึงมนุษย์สามัญจะยังออกมาจากมณฑลสวนพิรุณและชี้แจ้งวิญญาณไม่หมดก็ตาม
แต่เมื่อโอกาสทำสงครามมาถึง เขายังคงเลือกที่จะกระตุ้นไฟพิภพ
เผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์ที่ตายไปในหนึ่งเดือนนี้มากมายจริงๆ แต่เผ่ามนุษย์ก็มีไม่น้อยเช่นกัน
โดยเฉพาะในเขตสนามรบตะวันตกของเขตปกครองผนึกสมุทรเดิมก็เช่นกัน
ทุกศึกของพวกเขา ล้วนเป็นหน่วยกองหน้าทั้งสิ้น
ที่เหลืออยู่ตอนนี้มีไม่มาก และยังถูกตีแตกกระจัดกระจายไปรวมกับกองทัพอื่นไม่หยุด แต่ละคนถูกหล่อหลอมให้กลายเป็นยอดนักรบร้อยสงครามในสนามรบแห่งนี้
อย่างสวี่ชิง เขากับข่งเสียงหลงก็เข้าร่วมหลายครั้ง สุดท้ายด้วยการดูแลของเหล่าผู้เฒ่ารองเจ้าวัง จึงเลี่ยงภารกิจเสี่ยงตายในสงครามโหดร้ายได้ ตอนนี้อยู่ในกองทัพที่สี่ของกองทัพใหญ่เมืองหลวงจักรพรรดิเผ่ามนุษย์ภายใต้แม่ทัพลำดับสิบเจ็ดขุนพลลำดับสาม
รับผิดชอบแนวป้องกันบริเวณนี้
เวลานี้ท้องฟ้ายามอัสดง แสงตะวันที่เหลือย้อมเมฆดำไกลๆ จนกลายเป็นสีน้ำตาล สาดลงมาบนถนนภูเขาเบื้องหน้าสวี่ชิง
สวี่ชิงเดินไปอย่างเงียบงัน จนกระทั่งกลับมาถึงค่ายทหารที่สร้างขึ้นในหุบเขาที่ไม่ไกลออกไปนัก

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา