บทที่ 510 กู่เยวี่ยจางอั้น
……….
เมืองหลวงของเมืองหลวงเขตปกครองถูกสองมือของรูปสลักจักรพรรดิโบราณเสวียนโยวประคองไว้ที่หน้าอก ในบริเวณที่ใกล้กับรูปสลักจักรพรรดิโบราณ มีลานกว้างใหญ่มหึมาแห่งหนึ่ง
ลานกว้างนี้มากพอจะบรรจุคนได้ล้านคน แผ่นหินสีเขียวปูเป็นถนน บันไดเก้าสิบเก้าขั้นทอดตัวตั้งตระหง่าน ทั้งแปดทิศมีเสาสลักมังกรขนาดมหึมาเก้าร้อยเก้าสิบเก้าต้น
ตอนนี้ ข้างล่างแท่นพิธีบูชา คนที่ได้รับอนุญาตให้มามีเพียงไม่กี่แสนคนเท่านั้น
คนไม่กี่แสนคนเหล่านี้ยืนเงียบๆ อยู่ตรงนั้น ในนั้นมีผู้ครองกระบี่ มีวังอาญา มีคนของส่วนเขตปกครอง ทุกคนล้วนสวมเสื้อผ้าเรียบร้อย แต่สีหน้ากลับแฝงด้วยความโศกสลด
ที่หน้าอกพวกเขามีดอกไม้สีดำกลัดอยู่
การมาถึงของสวี่ชิงและข่งเสียงหลงดึงดูดสายตาคนจำนวนหนึ่ง ในสายตาเหล่านี้มีโศกเศร้า มีซับซ้อน มีรำลึกความหลัง…
จวบจนเมื่อเดินมาถึงแถวผู้ครองกระบี่ ผู้ครองกระบี่ข้างหน้าพวกเขาต่างถอยหลัง หลีกเป็นเส้นทางทอดตัวไปข้างหน้าสุดทางหนึ่ง สวี่ชิงฝีเท้าหยุดชะงัก
ข่งเสียงหลงใบหน้าไร้อารมณ์ ก้าวไปข้างหน้า จวบจนเมื่อเดินมาถึงข้างหน้าสุด ก็ก้มหน้า นิ่งไม่ขยับ
สวี่ชิงไม่ได้เดินไป เขามายังข้างกายนายกอง
นายกองตบไหล่สวี่ชิง ทั้งสองเงียบนิ่ง ในบรรยากาศเข้มงวดและเคร่งขรึมจริงจัง รอคอยต่อไป
รอบๆ เงียบสงบ มีเพียงความอาลัยรวมมาที่ร่างของผู้บำเพ็ญหลายแสนนี้ แผ่ซ่านไปในเมืองหลวง พวยพุ่งขึ้นในวังใหญ่ทั้งสาม แผ่ไปในพื้นที่เขตปกครองผนึกสมุทร แผ่ซ่านไปทั้งมณฑล
เมฆหมอกเดือดพล่านขึ้นในขณะนี้ ท้องฟ้ามืดหม่นเนื่องจากความเศร้าโศกบนพื้นดิน ก็กลั่นเป็นเม็ดฝนโปรยปรายลงมา
ม่านฝนหยาดหยด ปะพรมไปบนแผ่นหินสีเขียว ส่งเสียงซ่าๆ สาดลงมาบนร่างของผู้บำเพ็ญทั้งหลายที่นี่
ไม่มีใครใช้พลังบำเพ็ญกันฝน ปล่อยให้น้ำฝนสาดใส่
จวบจนหลังจากนั้นหนึ่งก้านธูป จากเสียงทัณฑ์สวรรค์ที่ดังกึกก้องเลื่อนลั่น ในยามที่เมฆมีฟ้าแลบนับไม่ถ้วนเกิดขึ้น มีเงาร่างหลายเงาเดินมาจากที่ไกล ก้าวทีละก้าวๆ มาถึงลานกว้าง ก้าวทีละก้าวๆ ขึ้นบันได
ในนั้นมีรองเจ้าวังของวังครองกระบี่ วังอาญาและวังพิธีการ แล้วยังมีคนวัยกลางคนที่เปลี่ยนเป็นชุดธรรมดาแล้วสามคน แต่ก็ยังแผ่อวลไปด้วยรังสีอำมหิต
ทั้งสามคนนี้ก็คือผู้บัญชาการที่รับช่วงดูแลวังทั้งสามที่บุตรจักรพรรดิเป็นคนจัดมา
นอกจากพวกเขา ปลัดเขตปกครองก็อยู่ในนี้ด้วย สีหน้าเคร่งขรึม
และข้างหน้าสุดของคนกลุ่มนี้เป็นชายหนุ่มสวมชุดสีเหลือง
ผมยาวสีดำประบ่า ผิวขาวละเอียด ใบหน้าเป็นคมสันชัดเจน อีกทั้งดวงตาทั้งสองที่ประดุจดวงดาราใต้คิ้วกระบี่ ทุกอย่างนี้ทำให้คนคนนี้ไม่ใช่แค่รูปลักษณ์งามสง่าเท่านั้น แต่ยิ่งมีความสูงส่งที่ยากบรรยาย
เขายืนอยู่ตรงนั้นเหมือนฟ้าดินอยู่ข้างหน้า ทุกอย่างหมองหม่น
เขาเดินอยู่ข้างหน้า เหมือนคนทั้งหลายอยู่ข้างหลังเดิมก็เป็นเรื่องที่ควรจะเป็นอยู่แล้ว
เขาก็คือบุตรลำดับเจ็ดของจักรพรรดิมนุษย์ที่ช่วยเขตปกครองผนึกสมุทรให้พ้นวิกฤต สยบปีศาจร้ายในเขตปกครองผนึกสมุทร ทำให้ฟ้าดินสว่างสดใส ได้รับการเคารพรักจากหมื่นเผ่า!
วันนี้พิธีไว้อาลัยระดับเขตปกครอง ในเขตปกครองผนึกสมุทร ก็มีเพียงเขาที่มีคุณสมบัติดำเนินการด้วยตัวเอง
ตอนนี้จากการโค้งคารวะของคนข้างเขา องค์ชายเจ็ดก้าวขึ้นบันได ก้าวทีละก้าวๆ มาถึงจุดที่สูงที่สุด
ที่นั่น มีเขาเพียงคนเดียว
ที่นี่ก็มีเพียงเขาที่มีคุณสมบัติยืนอยู่ตรงนั้น
ยืนบนบันไดสูงเพียงลำพัง องค์ชายเจ็ดเงยหน้า จ้องมองรูปสลักจักรพรรดิโบราณเสวียนโยวมหึมาข้างหน้า ดวงตาฉายแววเคารพบูชา จากนั้นก็ก้มหน้า คุกเข่าหมอบคารวะรูปสลักจักรพรรดิโบราณเสวียนโยว
“ลูกหลานรุ่นที่สามพันเก้าร้อยสิบห้า กู่เยวี่ยจางอั้น คารวะจักรพรรดิบรรพชน!”
เขาคุกเข่าลง จากนั้นปลัดเขตปกครองและผู้บัญชาการ อีกทั้งรองเจ้าวังทั้งสามก็ต่างโค้งคารวะ
ผู้บำเพ็ญหลายแสนข้างหลังก็ต่างแสดงความเคารพ โค้งคารวะทั้งหมด
ไม่จำเป็นต้องคุุกเข่า เพราะที่ที่องค์ชายเจ็ดอยู่ หลังจากเขาคุกเข่า คนอื่นก็ไม่มีสิทธิ์ร่วมคุกเข่าด้วย
ในม่านฝน เงาร่างของเขาค่อนข้างรางเลือน มีเพียงรูปสลักจักรพรรดิโบราณเสวียนโยวข้างหลังเท่านั้นที่ยิ่งชัดขึ้น เต็มไปด้วยความทรงอำนาจน่าเกรงขาม
ครู่หนึ่ง เสียงที่แฝงด้วยความโศกเศร้าก็สะท้อนก้องฟ้าดิน
“ลมซัดกระหน่ำ คลื่นซัดโหม มังกรเจียวสัญลักษณ์แห่งน้ำไหลหลาก หงส์เพลิงนิพพานไฟร้อนแรง
“วันนี้กราบทูลจักรพรรดิบรรพชนเสวียนโยว บังคมทูลจักรพรรดิมนุษย์เสวียนจั้น ข้าเผ่ามนุษย์ผู้ปกป้องคุ้มครองเขตปกครองผนึกสมุทร นำความสุขสมบูรณ์มาให้หนึ่งเขตปกครอง ปกป้องคุ้มครองมาแปดร้อยปี สร้างความสุขสงบมาสิบกว่ารุ่น
“ยิ่งมีวีรบุรุษผู้กล้านับไม่ถ้วน มีสามวังเป็นผู้นำ
“เจ้าวังพิธีการมีคุณธรรม พรั่งพร้อมด้วยจริยวัตร เจ้าวังอาญากล้าหาญถ่อมตน เจ้าวังครองกระบี่จงรักภักดียึดมั่นในหน้าที่
“วิญญาณผู้กล้าเขตปกครองผนึกสมุทรกล้าหาญฮึกเหิม ดาราจันทราไร้แสง บ้านเมืองพันปี บรรพชนพันรุ่น เกียรติยศความอดสูจมลอยกี่ครั้ง รุ่งเรืองตกต่ำกี่หน
“โศกเศร้าฟ้าดินจะร่วงหล่น เศร้าหมองหม่นดาราตก วัตถุยังอยู่คนลาลับ เห็นภาพจำน้ำตานองหน้า ความโศกเศร้าผุดขึ้นมาจากใจ มิอาจหักห้าม”
องค์ชายเจ็ดเอ่ยถึงตรงนี้ ดวงตาเต็มไปด้วยความเศร้าสร้อย สีหน้าหมองหม่น คำพูดหยุดชะงัก
คนทั้งหลายบนพื้นต่างเศร้าใจกันทั้งหมด ยิ่งมีเสียงร้องไห้ดังออกมาอย่างควบคุมไม่ได้ดังก้องไปทั่วทุกทิศ
“ทว่า ไฟแห่งเผ่ามนุษย์หมื่นปีไม่มีวันมอดดับ จิตวิญญาณเผ่ามนุษย์ยากกลบฝัง ข้าขออัญเชิญจักรพรรดิมนุษย์ ส่งวิญญาณผู้กล้าเขตปกครองผนึกสมุทรเข้าศาลวิญญาณ ตั้งป้ายศิลาแห่งความสุขสงบ ได้รับการจุดธูปบูชาเซ่นไหว้หมื่นปี!
“เผ่าเรารุ่นนี้ ข้างหน้ามีบรรพชน ดวงดาราเจิดจรัส ข้างหลังมีชนรุ่นหลัง วีรบุรุษผู้กล้ามากมาย มรรคาสวรรค์คงโคจรชั่วกาลนาน จิตวิญญาณมุ่งมั่นพยายามไม่หยุดยั้ง ปฐพีโอบอุ้ม คุณธรรมยิ่งใหญ่รองรับสรรพภาวะ


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา