เข้าสู่ระบบผ่าน

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา นิยาย บท 520

บทที่ 520 ความจริงของการเปิดแดนต้องห้ามเซียน! (1)

…………….

“เจ้าใหญ่ เจ้าสี่ พวกเจ้าสองคนขึ้นไปคารวะไป”

นายท่านเจ็ดมองรูปปั้น เอ่ยช้าๆ

เมื่อสวี่ชิงได้ยิน กำลังจะเข้าไปคารวะ จู่ๆ นายกองข้างๆ ก็เอ่ยว่า

“ข้าไม่คารวะแล้วกัน”

สวี่ชิงกะพริบตาปริบๆ หยุดคารวะ เมื่อนายท่านเจ็ดได้ยินก็ขมวดคิ้วมองไปทางนายกอง

“เจ้าจะเล่นลูกไม้อันใดอีก”

ดวงตานายกองเผยความร้อนแรง มองไปทางนายท่านเจ็ด

“อาจารย์ ในโลกของศิษย์ ท่านคือตัวตนที่ไม่เป็นสองรองใคร เหนือกว่าใครในใต้หล้า สำหรับคนอื่น เห็นมหาจักรพรรดิต้องคารวะ แต่ทุกครั้งที่ศิษย์เห็นท่านอาจารย์ก็คารวะ ถือว่าเป็นการคารวะมหาจักรพรรดิสูงสุดในใจไปหลายครั้งแล้ว

“ดังนั้น ศิษย์ไม่ต้องซื่อสัตย์กับมหาจักรพรรดิองค์อื่นแล้ว คารวะไปก็ไร้ประโยชน์ เพราะในใจศิษย์มีเพียงอาจารย์เท่านั้น จึงไม่จำเป็นต้องไปคารวะผู้อื่นอีก!”

คำพูดนี้ นายกองพูดอย่างเป็นเหตุเป็นผล จับโกหกไม่ได้เลยแม้แต่น้อย ราวกับว่าเดิมในใจเขาก็คิดเช่นนี้ พูดจบ เขาก็ทำหน้าเคารพเลื่อมใส

ราวกับอาจารย์ ไม่ได้เป็นเพียงมหาจักรพรรดิสำหรับเขา แต่เป็นเทพเจ้าในใจเขา

โดยเฉพาะในสีหน้าเคารพเลื่อมใสของเขา ยังผสานความกตัญญูต่อบิดามารดาเล็กน้อยด้วย

ดังนั้นสีหน้านี้กล่าวได้ว่ายอดเยี่ยมจริงๆ

เมื่อนายท่านเจ็ดได้ยินก็แค่นเสียงขึ้นจมูก สีหน้าดูอย่างไรก็ยังคงเย็นชา แต่หากดูอย่างละเอียดจะพบว่าคิ้วของนายท่านเจ็ดผ่อนคลายลงแล้ว แววตาฉายความพึงพอใจมากขึ้น

กระทั่งสายตาที่มองนายกองก็อ่อนลงไม่น้อย

เหมือนรู้สึกว่าศิษย์คนนี้ แม้จะมีปัญหาสารพัด แต่สุดท้ายท่าทีก็ไม่เลวนัก การเคารพอาจารย์เป็นคุณสมบัติที่ดี เป็นข้อดีข้อใหญ่

จุดด่างพร้อยมิอาจปิดบังจุดเด่น

คิดถึงตรงนี้ นายท่านเจ็ดก็เอ่ยเสียงเรียบ

“เจ้าเองก็โตแล้ว วันๆ เอาแต่เล่นลิ้น ทำหน้าทะเล้น ไม่เอาจริงเอาจัง เอาล่ะ ข้ารู้เจตนาของเจ้าแล้ว เจ้าไม่อยากคารวะก็เรื่องของเจ้า”

พูดจบ นายท่านเจ็ดก็เงยหน้า มองหน้ากากหนังมนุษย์ในศาลเจ้าเหล่านั้น เหมือนกำลังค้นหา

นายกองก็ฮึกเหิม คารวะให้อาจารย์สุดตัว จากนั้นก็กวาดตามองสวี่ชิงอย่างได้ใจ

สวี่ชิงเห็นทั้งหมดกับตา อดนับถือนายกองเข้มข้นขึ้นอีกหลายส่วนไม่ได้ นับว่าเขามองออกแล้วว่าก่อนหน้าที่ตนจะฝากตัวเป็นศิษย์ นายกองต้องเป็นคนที่อาจารย์รักมากที่สุดแน่นอน

จะอย่างไร คนส่วนใหญ่ก็ชอบการประจบสอพลอที่ใช้ได้ตลอดเวลาและเปลี่ยนแปลงได้หลายรูปแบบเช่นนี้มาก

คิดถึงตรงนี้ สวี่ชิงยังคงประสานหมัดคารวะรูปปั้นมหาจักรพรรดิมนุษย์นั้น จากนั้นก็โค้งคารวะอาจารย์สามครั้ง

ประสานหมัดคารวะหนึ่งครั้งคือ การเคารพคนภายนอก

โค้งคารวะสามครั้ง คือการเคารพความรักของบิดามารดา

นายกองมองภาพนี้ ก็หัวเราะหึๆ ใส่สวี่ชิง

มุมปากนายท่านเจ็ดยกขึ้น ยกมือขวาขึ้นคว้าไปด้านบน ฉับพลันเขาก็ดึงหน้ากากหนังมนุษย์ในตำแหน่งที่ค่อนข้างสูงดวงหนึ่งลงมาจากผนังในศาลเจ้า

พริบตานั้น หน้ากากหนังมนุษย์ลอยมาที่มือนายท่านเจ็ด

นี่เป็นหน้ากากของชายหนุ่มคนหนึ่ง หน้าตาดุดัน เผยความโหดเหี้ยมไร้ที่สิ้นสุดออกมา ตอนอยู่ในมือของนายท่านเจ็ดก็แผ่ความปรารถนาเลือดเนื้อออกมาเป็นระยะ ห่อหุ้มมือของนายท่านเจ็ดไว้ราวกับจะกลืนกิน

“เจ้าใหญ่ ดวงนี้เหมาะกับเจ้า”

นายท่านเจ็ดโบกมือขวา หน้ากากหนังมนุษย์วิชาเซียนดวงนี้ก็ลอยไปหานายกอง

นายกองคว้าไว้

หน้ากากหนังมนุษย์ดวงนั้นพลิกกลับโอบรัดในพริบตา ห่อหุ้มมือขวาของนายกอง ด้านในมีเสียงเคี้ยวดังออกมา ราวกับกำลังกัดแทะ

นายกองสะบัด พบว่าสะบัดไม่หลุด

สำหรับผู้อื่น ตอนนี้สีหน้าอาจจะเปลี่ยนไป ถึงอย่างไรฝ่ามือก็กำลังถูกกัดแทะ

แต่นายกองไม่สนใจ กลับเผยความรู้สึกสงสัยใคร่รู้ออกมา ยอมให้หนังมนุษย์นี้ห่อหุ้มฝ่ามือแล้วกลืนกินไปเรื่อยๆ

“กัดข้าด้วยหรือนี่” นายกองรู้สึกว่าน่าสนุก จึงนำมันเข้าใกล้ใบหน้า

พริบตาต่อมา หน้ากากหนังมนุษย์นี้ก็มีปฏิกิริยา ปล่อยฝ่ามือของนายกองอย่างรวดเร็ว เผยให้เห็นฝ่ามือที่เต็มไปด้วยรอยกัดที่มีเลือดไหลซึมออกมา จากนั้นก็มาพร้อมความชั่วร้ายและความละโมบเข้มข้น โถมไปที่ใบหน้าของนายกอง

ชั่วพริบตา ก็ห่อหุ้มหน้าของนายกองอย่างรวดเร็ว สุดท้ายก็กลายเป็นหน้ากากโดยสมบูรณ์ สวมอยู่บนหน้าของนายกอง

กลิ่นอายของเขาเปลี่ยนไปฉับพลัน หน้าตาก็เปลี่ยนไปด้วย เผยความรู้สึกแปลกหน้าออกมา

ยิ่งมีเจตจำนงเยือกเย็นมืดหม่นแผ่ซ่านไปรอบๆ ราวกับเปลี่ยนไปเป็นอีกคน

ร่างนายกองสั่นเทิ้ม หลับตาลง

ภาพนี้ ทำให้ดวงตาสวี่ชิงเผยประกายประหลาดออกมา เมื่อสัมผัสอย่างละเอียด สีหน้าก็จริงจังเล็กน้อย

เขาพบว่าจ่อให้ตนรู้จักจักนายกองดี ในตอนนี้ ตอนที่มองนายกองที่สวมหน้ากากอยู่ ก็ไม่รู้สึกถึงความคุ้นเคยแม้แต่น้อย

กระทั่งถ้าไม่ได้เห็นเขาเปลี่ยนไปด้วยตาตนเอง ถ้าไปเจอกันที่อื่น จะต้องไม่มีทางจำได้เป็นแน่

ภายใต้หน้ากากนี้ ไม่ใช่แค่กลิ่นอายของนายกองที่เปลี่ยนไป กระทั่งคลื่นพลังจิตวิญญาณก็ไม่ใช่

“หน้ากากหนังมนุษย์วิชาเซียนนี้ เดิมมีพลังอำพรางอยู่ระดับหนึ่ง” นายท่านเจ็ดมองศิษย์คนโตของตน เอ่ยกับสวี่ชิง

ตอนที่สวี่ชิงพยักหน้า จู่ๆ นายกองก็ลืมตาขึ้น แววตาไม่คุ้นเคย หลังจากมองสวี่ชิงอย่างเย็นชา ก็กวาดมองไปทางนายท่านเจ็ดอย่างเย็นชาด้วย

สวี่ชิงสีหน้าไร้อารมณ์ นายท่านเจ็ดก็แค่นเสียงเย็นชา

“ยังจะเล่นอีก! คันเนื้อคันตัวหรือไร”

นายกองได้ยินก็หัวเราะแหะๆ ท่ามกลางเสียงหัวเราะนี้ แม้จะยังไม่คุ้นชินกับกลิ่นอาย แต่ความรู้สึกคุ้นเคยก็กลับมาไม่น้อย

“อาจารย์ ศิษย์น้องเล็ก หน้ากากนี้ค่อนข้างน่าสนใจจริงๆ ข้าสัมผัสได้ว่ามันอยากจะผสานกับหน้าข้า อีกทั้งยังแฝงเจตนาร้ายลึกๆ ไว้ด้วย ขณะเดียวกันยังมีเสียงของชายหญิงแก่เฒ่าเยาว์วัยรวมกัน ตะโกนในหัวสมองข้าอยู่สองคำ”

“เสียงก้องในสมองเจ้าคือชื่อของวิชาเซียน เมื่อเจ้าท่องออกมา ก็สามารถใช้วิชาเซียนได้ ทว่าแตกต่างไปตามพลังบำเพ็ญ พลานุภาพก็เช่นกัน”

หลังจากนายท่านเจ็ดบอกวิธีการใช้ให้รู้ ท่ามกลางการจับตาดูของสวี่ชิง นายกองครุ่นคิดครู่หนึ่ง ก็เอ่ยออกมาสองคำ

บทที่ 520 ความจริงของการเปิดแดนต้องห้ามเซียน! (1) 1

บทที่ 520 ความจริงของการเปิดแดนต้องห้ามเซียน! (1) 2

บทที่ 520 ความจริงของการเปิดแดนต้องห้ามเซียน! (1) 3

Verify captcha to read the content.ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา