บทที่ 527 รู้สึกคุ้นๆ
…………….
ในเสี้ยวพริบตาที่สวี่ชิงลุกขึ้น ไอพลังประหลาดรอบๆ แผ่ออกไปข้างนอก ร่างจั้งกว่าๆ ของเขาอยู่ในหมอกฉายความลึกลับออกมา
ยิ่งมีระลอกคลื่นพลังที่ไม่ธรรมดาแผ่ออกมาจากร่าง ทำให้ในยามที่ไอพลังที่แปรเปลี่ยนมาเป็นหมอกเดือดพล่าน คล้ายว่าคลานมาหาเขา
กระทั่งว่าในความรู้สึกของสวี่ชิง ในระดับหนึ่งแล้ว เขาสามารถใช้พลังของตัวเองเหนี่ยวนำการปะทุของไอพลังประหลาดที่นี่ได้
หลังจากเทพเจ้าแดนต้องห้ามเซียนแตกดับ ทุกอย่างที่นี่ก็ค่อยๆ มีเขาเป็นใจกลางหลัก
‘น่าเสียดาย พลังบำเพ็ญของข้าในตอนนี้ไม่มากพอที่จะทนการดูดซับไอพลังประหลาดที่นี่มากเกินไป’ สวี่ชิงแอบส่ายหน้า สะกดความปรารถนาไอพลังประหลาดลงไป
ความจริงแล้วร่างของเขายังสามารถดูดซับได้ แต่ไม่มีเวลาแล้ว หากดูดซับต่อไปจะต้องถูกจับได้แน่นอน
นอกจากนั้นยังมีอีกเหตุผลหนึ่งที่เป็นปัจจัยสำคัญทำให้สวี่ชิงตัดใจไม่ดูดซับต่อ นั่นก็คือ…นิ้วเทพเจ้าในติงหนึ่งสามสองกระสับกระส่ายอดทนไม่ไหวแล้ว
“ผลึกวารีสีม่วงอ่อนแอมากนัก จึงผนึกนิ้วเทพเจ้าไม่ได้อย่างสมบูรณ์ และทันทีที่ให้มันดูดซับไอพลังประหลาดที่นี่ เช่นนั้นน่ากลัวว่าไม่นานนิ้วคงพุ่งออกไปจากร่างของข้าอย่างแน่นอน…”
สวี่ชิงถอนหายใจ รู้สึกว่าผลึกวารีสีม่วงค่อนข้างไร้ประโยชน์
และในยามที่สวี่ชิงทอดถอนใจเสียดาย นายกองที่อยู่ข้างๆ เขามองๆ ร่างที่สูงจั้งกว่าๆ ของสวี่ชิง แล้วเปรียบเทียบกับตัวเองเล็กน้อย เลิกคิ้วขึ้น
สวี่ชิงเข้าใจความหมายของเขา ร่างจึงไหววูบ ภายใต้เสียงสนั่นหวั่นไหวครืนครัน หดย่อตัวจากร่างสูงจั้งกว่าๆ หลังจากคืนสู่สภาพปกติในพริบตา เขาก็สัมผัสถึงความเปลี่ยนแปลงของร่าง
ก่อนหน้านี้ สวี่ชิงรู้ว่าร่างนี้ของตัวเองไม่ธรรมดา แต่เขาก็ไม่สามารถควบคุมเส้นสีทองในร่างพวกนั้นได้ ยากจะสำแดงร่างเทพแท้จริงออกมา
ตอนนี้เขาพบว่าตัวเองสามารถควบคุมได้เล็กน้อย สามารถขยายได้สูงหนึ่งจั้งอย่างอิสระ
ส่วนร่างปกติกับร่างแปลงสูงหนึ่งจั้งก็เป็นสภาวะสองสภาวะที่แตกต่างกัน อย่างหลังสามารถทำให้พลังปะทุของสวี่ชิงแข็งแกร่งยิ่งขึ้น
เห็นสวี่ชิงแปลงร่างเป็นอย่างคนปกตินายกองถึงได้พอใจ เมื่อครู่หลังจากที่เขาสังเกตเห็นสวี่ชิงขยายร่างใหญ่ขึ้น ก็เกือบทนไม่ไหวปลดผนึกเพิ่มขึ้นหนึ่งผนึก ให้ตัวเองขยายร่างใหญ่เหมือนกัน จึงกำลังจะเอ่ยขึ้นมา
แต่ในตอนนี้เอง ท้องฟ้ามีเสียงระเบิดสะเทือนเลื่อนลั่นดังมา ท่ามกลางการพังทลายและร่วงหล่นจากรอยแยกที่มากยิ่งขึ้น ม่านฟ้าเผยให้เห็นตาข่ายสีขาวผืนหนึ่ง
มองให้ละเอียดก็จะเห็นว่าบนเส้นของตาข่ายผืนใหญ่นั้นมีผู้บำเพ็ญกองทัพเผ่ามนุษย์จำนวนไม่น้อย
ตาข่ายนี้ก็คือพวกเขากำลังวางค่ายกลนอกผืนฟ้า ตอนนี้กำลังอยู่ในขั้นดำเนินการทำให้ตาข่ายขยายไปเรื่อยๆ
จากนั้น พื้นที่ทางเข้าที่ไกลๆ กองทัพเผ่ามนุษย์กลุ่มที่สี่ก็ลงมาเยือน
มองไกลๆ คนที่นำไม่ใช่องค์ชายเจ็ด แต่เป็นผู้บัญชาการทั้งสามวัง
ในพริบตาที่ลงมาเยือน ผู้บำเพ็ญกองทัพเมืองหลวงจักรพรรดิจำนวนมหาศาลข้างหลังเขาก็กระจายตัวกันออกไป กำจัดไอพลังประหลาด พลางซ่อมแซมรอยแยกท้องฟ้าในม่านฟ้าไปด้วย จัดการทั้งภายในและภายนอก ทำให้สถานการณ์เสถียรมั่นคง
เห็นได้ชัดว่านี่ก็คือเหตุผลว่าทำไมกองทัพเผ่ามนุษย์ถึงได้มาช้าไปเล็กน้อย
ขณะเดียวกัน กระบี่อาญาสิทธิ์ของสวี่ชิงและนายกอง จากการซ่อมแซมรอยแยกม่านฟ้าและการฟื้นฟูในพื้นที่ปลอดภัยเผ่ามนุษย์ก็สั่นขึ้นมา
ในนั้นมีคำสั่งด้วย
สั่งให้ผู้บำเพ็ญเผ่ามนุษย์ทั้งสามกลุ่มก่อนหน้านี้ออกไปจากที่นี่ให้หมดภายในหนึ่งชั่วยาม
หนึ่งชั่วยามหลังจากนั้น แดนต้องห้ามเซียนจะถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นพื้นที่พิเศษ หากไม่มีคำสั่งเฉพาะ ห้ามมิให้ย่างก้าวเข้ามาโดยเด็ดขาด
ขณะเดียวกันก็บอกคนทั้งหลายว่า ผู้ที่อยู่ต่อโดยพลการจะลงโทษฐานขัดราชโองการ
“จากการวิเคราะห์ของอาจารย์ก่อนหน้านี้ องค์ชายเจ็ดผู้นี้นับว่าดำเนินภารกิจที่ได้รับมอบหมายจากจักรพรรดิมนุษย์ได้สำเร็จ”
นายกองเบ้ปาก สายตากวาดไปรอบๆ เผยให้เห็นความบ้าคลั่ง เอ่ยเสียงต่ำ
“ศิษย์น้องเล็ก เจ้าออกไปก่อน ข้าจะอยู่ที่นี่สักพัก”
สวี่ชิงมองนายกองแวบหนึ่ง สังเกตุเห็นความบ้าคลั่งในดวงตาของเขา เขารู้ ศิษย์พี่ใหญ่ที่ฉายแววตาแบบนี้ยากจะพูดเตือนโน้มน้าว
แต่อยู่ที่นี่อันตรายมีมากกว่าประโยชน์ ในเมื่อองค์ชายเจ็ดผู้นั้นได้ควบคุมเส้นทางออกข้างนอกเอาไว้แล้ว หากแดนเซียนเกิดปัญหา ติดปีกก็ยากจะบินหนี
ดังนั้นสวี่ชิงคิดๆ แล้วพยักหน้า
“ได้ เช่นนั้นข้าไปก่อน ท่านอาจารย์ได้ของที่ดีที่สุดไป น่าจะรอข้าอยู่ข้างนอก ข้าจะไปแบ่งกับท่านอาจารย์ ศิษย์พี่ใหญ่ไม่ต้องกังวล เล่นอยู่ที่นี่ให้สนุกก็แล้วกันขอรับ”
สวี่ชิงเอ่ยแล้วก็เดินออกไปข้างนอก
นายกองอึ้งตะลึง วิ่งมาข้างสวี่ชิงอย่างรวดเร็ว
สวี่ชิงประหลาดใจ
“ศิษย์พี่ใหญ่ ข้ากำลังจะกลับฐานที่มั่น ท่านทำอะไร”
นายกองหัวเราะฮ่าๆ โอบไหล่สวี่ชิง
“ข้าเปลี่ยนใจแล้ว ตาแก่เจ้าเล่ห์จะตาย ข้ากังวลว่าศิษย์น้องเล็กจะไม่เก่งในการต่อรองกับเขา ช่างเถอะๆ เพื่อศิษย์น้องเล็ก ข้าก็ไม่อาลัยอาวรณ์ของล้ำค่าที่นี่แล้ว!”
สวี่ชิงร้องอ้อขึ้นมา พลางมองดวงตานายกอง
นายกองกะพริบตาปริบๆ ความจริงใจบนใบหน้ากระตุ้นขึ้นมาหลังจากนั้น
คนทั้งสองวิ่งทะยานไปตลอดทางเช่นนี้ หลังจากนั้นครึ่งชั่วยาม ต่างจงใจปล่อยไอพลังประหลาดออกมาเล็กน้อยเพื่ออำพราง กลับมาถึงยังพื้นที่ปลอดภัยที่กองทัพเผ่ามนุษย์บุกเบิกเอาไว้
แม้ที่นี่จะมีของวิเศษเวทกำจัดไอพลังประหลาด แต่การรุกรานจากมันก็ยังคงสาหัสรุนแรง บนพื้นจะเห็นเลือดเนื้อที่ระเบิดจากการกลายพันธุ์มากมาย
เห็นได้ชัดว่าการจุติของชื่อหมู่และการดิ้นรนของเทพเจ้าแดนต้องห้ามเซียนทำให้ที่นี่จะอย่างไรก็ได้รับผลกระทบบ้าง โดยพื้นฐานแล้วผู้บำเพ็ญที่รอดมาได้ทุกคนล้วนมีไอพลังประหลาดปกคลุม ทำได้แค่สะกดเอาไว้ชั่วคราว ต้องออกไปจากสภาพแวดล้อมนี้ถึงจะสามารถทำการกำจัดขั้นต่อไปได้
ตอนนี้มีคนจำนวนไม่น้อยกำลังลอยขึ้นฟ้า เหาะเหินออกไปข้างนอก
สวี่ชิงกวาดสายตาไปรอบๆ คนรู้จักคุ้นเคยมีไม่มาก และไม่เห็นชิงชิวกับข่งเสียงหลงเช่นกัน จึงเอากระบี่อาญาสิทธิ์ออกมาสื่อเสียงถามไถ่
ก็ได้รู้ว่าเมื่อครบเจ็ดวันชิงชิวก็ออกไปแล้ว ส่วนข่งเสียงหลงเพิ่งออกไปได้ไม่นาน
หลังจากได้รับสื่อเสียงของสวี่ชิง ข่งเสียงหลงก็บอกเขาว่าจะรออยู่ข้างนอก
เห็นว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี สวี่ชิงก็ถอนหายใจโล่งอก

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา