บทที่ 548 ผู้ใดแตะเกล็ดย้อนมังกรของผนึกสมุทร ต้องตาย! (1)
ในบริเวณต้นสิบลำไส้ เวลานี้จันทร์กระจ่างสูงเด่นแทบจะแปลกแยกจากม่านฟ้ามืดมิดรอบๆ อย่างชัดเจน
เพียงแต่บางครั้งที่เมฆหมอกลอยผ่านดวงจันทร์ ก็ค่อยๆ ทำให้ความแตกต่างของทั้งสองดูเลือนรางเล็กน้อย
เฉกเช่นคลื่นใต้น้ำที่ซ่อนอยู่ในงานเลี้ยงวังหลวงตอนนี้
คลื่นใต้น้ำนี้ ทำให้สายธารระหว่างเขตปกครองผนึกสมุทรกับแผ่นดินใหญ่คลื่นศักดิ์สิทธิ์เริ่มขุ่นมัว
เพราะบางคำพูด หากสวี่ชิงกับข่งเสียงหลงกล่าวออกไปจะสมเหตุสมผล พวกเขาผ่านสนามรบ เห็นการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดของเขตปกครองผนึกสมุทร พวกเขาคือประจักษ์พยาน
แต่สิ่งที่จางฝานคนนี้กล่าว ไม่สมควรแก่เวลาเลย
แม้อีกฝ่ายจะเป็นคนเขตปกครองผนึกสมุทร แต่ไม่ได้เห็นเรื่องราวทุกอย่าง เหมือนเป็นคนนอกที่เอ่ยเรื่องความเจ็บปวดของคนอื่นอย่างปวดร้าว ทั้งเหมือนรู้สึกถึงได้อย่างลึกซึ้ง ทำเหมือนมีศัตรูคู่แค้นร่วมกันเสียอย่างนั้น
จงใจเกินไปแล้ว
และเห็นได้ชัดว่า การดำเนินไปของเรื่องราวแต่เดิม อาจจะไม่ได้ต้องจงใจเช่นนี้
แต่เพราะการยกระดับขอบเขตความรู้ของสวี่ชิง เขาจึงหยุดความโกรธแค้นของข่งเสียงหลง ทำให้สถานการณ์เปลี่ยนไป ผู้ที่วางแผนก็เร่งออกอุบาย จึงต้องมีผู้ไม่เกี่ยวข้องปรากฏตัวขึ้นมาคนหนึ่งกล่าวคำพูดที่แต่เดิมควรจะเป็นของสวี่ชิงกับข่งเสียงหลงเช่นนี้
ดำเนินการไปตามทิศทางที่ผู้วางแผนคิดไว้ กวนให้ขุ่นต่อไป
ส่วนเรื่องนี้จะส่งผลกระทบอะไรกับเขตปกครองผนึกสมุทรบ้าง เห็นได้ชัดว่าผู้ที่วางแผนผู้นั้นไม่ได้สนใจ
หัวหอกของทุกสิ่งอย่างนี้ ชัดเจนมากว่า…พุ่งเป้าไปที่องค์ชายเจ็ด
เช่นนั้น อันที่จริงก็เห็นคำตอบได้ง่ายมาก
ไม่เพียงแค่สวี่ชิงที่เข้าใจ อันที่จริงผู้ที่นั่งอยู่ในงานเลี้ยงนี้ ส่วนใหญ่ก็ทราบเรื่องนี้ดี
แม้ในคำพูดก่อนหน้านี้จะเป็นการสรรเสริญองค์ชายเจ็ด แต่สิ่งที่เรียกว่าภาษา ถือเป็นหนึ่งในสิ่งที่ยากจะทำความเข้าใจที่สุดในโลกนี้
คนที่เชื่อ ก็เท่ากับมอบสิทธิ์ให้กับผู้พูดไปแล้ว
ข่งเสียงหลงก็เช่นกัน แม้เขาจะรูปร่างสูงใหญ่ ดูเป็นคนสะเพร่า ทว่าความจริงแล้วก็เป็นคนที่ละเอียดรอบคอบ เพียงแต่ยังต้องฝึกฝน ดังนั้นเมื่อครู่จึงยังไม่ทันรู้สึกตัวในตอนแรก
ตอนนี้เมื่อทราบสถานการณ์ รู้ว่าเขตปกครองผนึกสมุทรถูกใช้เป็นดาบทดสอบองค์ชายเจ็ด ก็ไม่อยากเข้าร่วมด้วย
ถึงอย่างไร เขตปกครองผนึกสมุทรในตอนนี้ต้องการความมั่นคง นี่เป็นข้อแรก ข้อที่สองคือการแข่งเดินหมากในราชวงศ์ อาจนองเลือดไม่จบสิ้น หรืออาจเปลี่ยนจากทำสงครามเป็นสันติภาพได้เช่นกัน และพวกที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด ก็มักจะมีจุดจบไม่สวยนัก
ตอนแรกเป็นการถ่วงดุล ครู่ต่อมาอาจกลายเป็นหมากที่ถูกทิ้ง
และการกระทำที่ไม่สนใจ เตรียมออกจากที่นี่ของทั้งสอง ทำให้ในใจผู้คนในงานเลี้ยงต่างแปลกใจ
แววตาเมิ่งอวิ๋นไป๋ฉายแววล้ำลึก คลี่ยิ้มออกมา
องค์หญิงอันไห่สีหน้าไร้อารมณ์
องค์ชายเจ็ดหยิบจอกสุราขึ้นดื่มไป สีหน้าไม่เปลี่ยนไปแม้แต่น้อย
ส่วนดวงตาของจางฉีฝานมีประกายที่ไม่อาจสังเกตเห็นได้แม้แต่น้อยพาดผ่าน สีหน้าเปี่ยมไปด้วยโทสะ สะบัดแขนเสื้อ จะเดินออกไปด้วยเช่นกัน
17มค68 เวลลา17.00อาจเลื่อนนะไปลง20.00ที่เดียวเลย ขออภัยเราติดธุระ @ริน
แต่พริบตาต่อมา หลัวจิ้งซงที่นิสัยตรงไปตรงมาท่านนั้น ดวงตาจ้องเขม็ง ทำท่าทางอย่างคนไร้การศึกษา คอแดงจนเส้นเลือดปูดโปนขึ้นมา
เขาลุกขึ้นยืนพลัน คลื่นพลังปราณก่อกำเนิดปะทุออกมา กลายเป็นพายุคลั่ง ด้านหลังจำแลงภาพมายาขนาดยักษ์ออกมาร่างหนึ่ง สวมชุดเกราะสงคราม พริบตาที่ปรากฏ ปราณพิฆาตพวยพุ่ง
บนชุดเกราะนั้น ตราประทับสิบสองตราที่คล้ายเทวรูป ทุกตราประทับล้วนเป็นใบหน้าของหลัวจิ้งซง
ทั้งคลื่นพลังที่แผ่ออกมาจากใบหน้าทุกดวงแฝงอายุขัยสวรรค์เอาไว้ ผ่านทัณฑ์สวรรค์มาแล้วหนึ่งครั้ง
ตอนนี้เจตนาร้ายแผ่ซ่าน เขาก้าวออกมาก้าวหนึ่ง พุ่งไปทางจางฉีฝานด้วยความเร็วดุจสายอัสนี
“บังอาจ!”
ขณะที่คำรามกราดเกรี้ยว หลัวจิ้งซงลงมือ จางฉีฝานหันหน้าแผ่จิตสังหารออกมาเช่นกัน ยกมือขวาขึ้นคว้าอากาศ ชักกระบี่ยาวสีเลือดเล่มหนึ่งออกมา ส่วนมือซ้ายทำปางมือกดไปที่หน้าผาก
ชั่วพริบตา ปราณปีศาจวูบหนึ่งก็ระเบิดออกมาจากร่างเขา แผ่นหลังมีปีกงอกออกมา ร่างกายแห้งเหี่ยวลงราวกับโครงกระดูก เขาจับกระบี่เลือดด้วยสีหน้าโหดเหี้ยม เข้าปะทะกับหลัวจิ้งซง
ยิ่งพริบตานี้ จู่ๆ ก็มีคนสามคนพุ่งออกมากลุ่มคนในงานเลี้ยง รวดเร็วจนกลายเป็นภาพคงค้าง พุ่งเข้าหาจางฉีฝาน
ด้วยสถานการณ์สี่ต่อหนึ่ง เดิมไม่มีอะไรต้องกังวล เพียงพริบตาจางฉีฝานก็กระอักเลือด กระบี่เลือดในมือแตกละเอียด ร่างโซซัดโซเซถอยไปอยู่ข้างๆ สวี่ชิงและข่งเสียงหลง
ข่งเสียงหลงขมวดคิ้ว สวี่ชิงสีหน้าเรียบเฉย ไม่สนใจ เดินออกไปด้านนอก เขารู้สึกว่านี่เป็นละครฉากหนึ่ง เป็นเล่ห์กลของผู้วางแผนซึ่งหยาบมาก
ตอนนี้เอง หลัวจิ้งซงที่ปราณพิฆาตทั่วร่าง ก็แค่นหัวเราะเย็นชา
“ถึงข่งเลี่ยงซิวจะเหมือนมีคุณูปการไม่น้อย แต่ที่ผลลัพธ์เป็นเช่นนี้ก็เพราะเขาหุนหันพลันแล่น ละโมบอยากได้คุณูปการ หากใจเย็นสักหน่อย อดทนอีกสักหนึ่งก้านธูป กองกำลังสนับสนุนขององค์ชายเจ็ดก็มาถึงแล้วมิใช่หรือ
“ความตายของเขา โทษผู้อื่นไม่ได้!”
เมื่อหลัวจิ้งซงกล่าวออกมา สวี่ชิงที่เดิมจะจากไปก็ชะงักฝีเท้า สายตาพลันเย็นเยียบ ข่งเสียงหลงที่อยู่ข้างๆ โมโหโกรธาจนผมตั้งค้ำหมวก หันหน้ามาทันที จ้องไปที่หลัวจิ้งซงเขม็ง


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา