บทที่ 551 สวี่ชิงลูกศิษย์คนใหม่แห่งสำนักบุปผาหยินหยาง (1)
ชายแดนแผ่นดินใหญ่คลื่นศักดิ์สิทธิ์และแผ่นดินใหญ่เซ่นจันทรา มีรัฐเล็กๆ คนธรรมดากระจัดกระจายกันจำนวนหนึ่ง ขณะเดียวกันก็มีร้านค้าที่จัดเตรียมไว้เพื่อคนที่จะข้ามแม่น้ำโดยเฉพาะอีกด้วย
อย่างไรเสีย คนนอกที่เข้าไปในแผ่นดินใหญ่เซ่นจันทราขอเพียงไม่อยู่นานเกินไป เช่นนั้นก็จะไม่ได้รับผลกระทบจากคำสาป จึงมีการค้าระหว่างกันเล็กน้อย
ส่วนชายแดน ความจริงแล้วก็เป็นแม่น้ำสายยาวที่กว้างใหญ่ไพศาลเส้นหนึ่ง
แม่น้ำชื่อว่าเซ่นทมิฬล้อมรอบแผ่นดินใหญ่เซ่นจันทราเอาไว้ทั้งหมด ล้อมมันเอาไว้ข้างใน
และน้ำในแม่น้ำเป็นสีออกแดงตลอดปี ราวกับเลือด แม้แต่กลิ่นก็เป็นเช่นนั้น บางครั้งมีลมพัดผ่านผิวน้ำ นำกลิ่นคาวเลือดพวกนี้มาบนฝั่ง ตลบอวลไปทั่ว
สำหรับคนที่ไม่เข้าใจทุกอย่างนี้ หลังจากได้กลิ่นนี้ก็จะระแวดระวังขึ้นมาตามสัญชาตญาณ แต่จากการเข้าใกล้พื้นที่แถบนี้มาเรื่อยๆ คนบนถนนที่สัญจรไปมาล้วนชินชา
ขบวนรถที่พวกสวี่ชิงอยู่ก็เช่นกัน ล้วนเป็นเช่นนี้
พ่อค้าเดินเท้าในนั้นและมือปราบเหล่านั้นเห็นได้ชัดว่าใช้เส้นทางสายนี้บ่อย ดังนั้นแต่ละคนสีหน้าจึงเป็นปกติ
สวี่ชิงดมเข้าไปเฮือกหนึ่ง คล้ายครุ่นคิด
ในกลิ่นนี้นอกจากจะมีกลิ่นคาวเลือดแล้ว ยังมีเค้ารางกลิ่นของชื่อหมู่จางๆ แฝงอยู่ด้วย
เพียงแต่กลิ่นนี้อ่อนมาก หากไม่ใช่ว่าสวี่ชิงมีพระจันทร์สีม่วงก็ยากจะค้นพบ
“ที่นี่มีคำสาป”
หลิงเอ๋อร์พลันเอ่ยขึ้นมา เสียงใสกังวาน ไพเราะนัก
ในห้องโดยสาร นายกองบิดขี้เกียจ เปิดหน้าต่าง มองไปข้างนอก แล้วยิ้มขึ้นมา
“นี่เป็นกลิ่นอายที่แม่น้ำเซ่นทมิฬปล่อยออกมา แม่น้ำสายนี้ไม่ได้เกิดขึ้นจากธรรมชาติ แต่ชื่อหมู่หลอมรวมสรรพชีวิตในแผ่นดินใหญ่เซ่นจันทรา ใช้เลือดของพวกเขาเปลี่ยนเป็นแม่น้ำ ยิ่งประทับคำสาปเอาไว้
“แม่น้ำสายนี้สำหรับคนนอกแล้วไม่มีอันตรายอะไร ขอเพียงมอบเครื่องเซ่นที่เพียงพอก็เข้าออกได้ แต่สำหรับเผ่าต่างๆ ในแผ่นดินใหญ่เซ่นจันทราแล้วมันคือประตูกรงขัง
“นับเวลาดู วันนี้ยามพลบค่ำ พวกเราจะถึงริมฝั่ง จากนี้จะต้องข้ามแม่น้ำอยู่หลายวัน ก็จะเข้าไปในแผ่นดินใหญ่เซ่นจันทราได้” นายกองดวงตาฉายแววคาดหวัง
พวกเขาคนกลุ่มหนึ่งหลังจากออกมาจากเขตปกครองผนึกสมุทร ในแผ่นดินใหญ่สีครามก็อำพรางตัวมาตลอดทาง จวบจนหลังจากที่ย่างก้าวเข้ามาในแผ่นดินใหญ่คลื่นศักดิ์สิทธิ์ก็ยังเป็นเช่นนั้น สุดท้าย ภายใต้การเสนอความเห็นของสวี่ชิง ก็แฝงตัวเข้ามาในขบวนรถขบวนนี้ เดินทางตามมา
เดินอยู่ในโลกมนุษย์ธรรมดา เทียบกับใช้วิชาเดินทาง การซ่อนอำพรางตัวง่ายกว่ามาก
ในเวลาหนึ่งเดือนพวกเขาก็มาถึงที่นี่เช่นนี้เอง
ไม่นาน พลบค่ำก็มาเยือน ม่านฟ้าฉายประกายแสงพรายสีแดงไปแถบหนึ่ง สีเหมือนกับน้ำในแม่น้ำที่ฉายอยู่ในดวงตาของพวกสวี่ชิง
ภาพผืนฟ้าและแม่น้ำ ไม่ได้ทำให้คนรู้สึกงดงาม แต่เป็นแปลกประหลาดน่าขนลุก
ที่นี่พวกสวี่ชิงไปจากขบวนรถ หยุดอยู่ที่ริมแม่น้ำเซ่นทมิฬ
แม่น้ำสายทะลักโหมบ่าซัดโหมไปทางใต้ กลิ่นคาวเลือดที่นี่เข้มข้นนัก ท่ามกลางความรางเลือนยังเห็นในแม่น้ำมีโครงกระดูกลอยกระเพื่อมขึ้นลง นั่นเป็นซากโครงกระดูกของคนตายที่พยายามหนีออกไปจากแผ่นดินใหญ่เซ่นจันทรา
พวกมันภายใต้การกัดกร่อนจากน้ำในแม่น้ำก็มองหน้าตาในยามมีชีวิตอยู่ไม่ออกแล้ว แต่ขนาดเล็กใหญ่ของโครงกระดูกก็มองออกว่า ในนั้นมีเด็กจำนวนไม่น้อย
“สิ่งมีชีวิตในแผ่นดินใหญ่เซ่นจันทรา พริบตาที่เกิดมาก็คืออาหาร” นายกองเอ่ยอย่างสงบนิ่ง
หลิงเอ๋อร์มองทุกอย่าง ถอนหายใจเสียงเบา ไม่ได้พูดอะไร แต่กลับแนบชิดใกล้สวี่ชิงขึ้นอีก คล้ายว่าความอบอุ่นของสวี่ชิงทำให้นางรู้สึกปลอดภัยยิ่งขึ้น
สวี่ชิงเงียบนิ่ง เงยหน้ามองเสี้ยวหน้าเทพเจ้าบนท้องฟ้า
เทียบกับแผ่นดินใหญ่เซ่นจันทรา ความจริงแล้วแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ทั้งดินแดนก็เป็นเช่นนี้เฉกเช่นเดียวกันมิใช่หรือ
หนิงเหยียนที่อยู่ข้างหลังคนทั้งสอง ใบหน้าที่แต่เดิมก็หมดอาลัยตายอยากอยู่แล้วยิ่งทุกข์ระทมขึ้นไปอีก
เขาไม่อยากมา รู้สึกว่าตัวเองอยู่ที่เขตปกครองหลวงทุกอย่างล้วนดีไปหมด สบายมากๆ แต่กลับถูกบังคับมาสถานที่บ้าบออะไรก็ไม่รู้
แผ่นดินใหญ่เซ่นจันทราเขารู้จัก
‘เฉินเอ้อร์หนิวสมควรตายคนนั้นทำกันเกินไปแล้ว!’ หนิงเหยียนก่นด่าในใจ แต่ใบหน้าไม่กล้าเผยออกมาแม้แต่น้อย เขากลัวถูกกัด
แต่เทียบกับความไม่ยินดีของเขา อู๋เจี้ยนอูสำหรับการเข้าร่วมครั้งนี้นั้นสุดแสนจะยินดี
ต่อให้แม่น้ำสายนี้ดูไปแล้วแปลกประหลาดมาก แต่ก็ไม่ส่งผลกระทบต่อความหยิ่งทะนงในใจของเขา ตอนนี้ยืนอยู่ริมฝั่ง เขาสูดลมหายใจลึก เอ่ยเสียงดัง
“ข้าเห็นตะวันลับ เห็นควันอ้อยอิ่ง แม่น้ำโหมบ่าเจ็ดหมื่นปี!”
“เป็นกลอนที่ยอดเยี่ยมมาก!” นายกองได้ยิน ดวงตาวาววาบ เอ่ยชมขึ้นมา
อู๋เจี้ยนอูกระแอม เชิดคางขึ้น กำลังจะร่ายกลอนอีกครั้ง แต่เห็นสวี่ชิงขมวดคิ้ว เขารีบเก็บเสียงทันที
สวี่ชิงชักรำคาญนิดๆ แล้ว ตลอดทางมานี้อีกฝ่ายร่ายกลอนมาไม่ต่ำกว่าหลายร้อยบท ตอนนี้ขณะสะบัดมือเรือกลวิญญาณก็ปรากฏขึ้น กระแทกสู่ผิวน้ำ
เรือกลวิญญาณของสวี่ชิงเป็นจางซานเป็นตัวหลัก ผู้อาวุโสยอดเขาลำดับหกลงมือสนับสนุนช่วยเหลือสร้างให้เขา รูปร่างแตกต่างไปจากเรือศึกเวทโดยสิ้นเชิง กระทั่งว่าหลุดจากคำจำกัดความของคำว่าเรือแล้ว
นี่เป็นการออกแบบที่ยอดเยี่ยมราวปีศาจภูตผีของจางซาน
รูปลักษณ์ของมันดูแล้วเหมือนหญิงชราหลังค่อม มีขนาดสูงถึงห้าร้อยจั้ง สวมชุดคลุมดำตัวโคร่ง
บนหลังที่โค้งค่อมสร้างหอเอาไว้เป็นแห่งๆ เอาไว้ใช้เป็นห้องโดยสารเรือ
ส่วนเสื้อปูแผ่ไปบนผิวน้ำ ซัดเป็นระลอกคลื่นเป็นชั้นๆ นี่คือใบเรือ
ที่แปลกประหลาดยิ่งกว่านั้นคือมือทั้งสองของหญิงชรา
มือขวาของมันถือโคมส่องแสงสีเขียวเรืองๆ เอาไว้ ในนั้นเปลวไฟลุกไหม้ ประเดี๋ยวๆ ก็มีเสียงร้องโหยหวนดังออกมา
นี่คือแหล่งกำเนิดพลัง
ส่วนมือซ้ายมีดวงตาสีแดงข้างหนึ่งลอยอยู่ กำลังมองไปรอบๆ ไม่หยุด
นี่คือของเลียนแบบของวิเศษเวทต้องห้ามของสำนักเจ็ดเนตรโลหิต
เรือกลวิญญาณเช่นนี้ ก่อนที่สวี่ชิงได้มายังตกใจ ตอนนี้ปรากฏบนแม่น้ำ ไม่ว่าจะเป็นหนิงเหยียนหรืออู๋เจี้ยนอู หลังจากที่ได้เห็นล้วนใจเกิดระลอกคลื่น
“นี่คือเรือกลวิญญาณของยอดเขาลำดับเจ็ดหรือ” อู๋เจี้ยนอูสูดลมหายใจลึก พูดภาษาคนออกมา


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา