บทที่ 551 สวี่ชิงลูกศิษย์คนใหม่แห่งสำนักบุปผาหยินหยาง (2)
หลังจากที่รอบๆ เงียบสงบลงชั่วครู่ เสียงสงบนิ่งของสวี่ชิงก็ดังออกมาเช่นนี้
“คุ้มกัน”
“น้อมรับบัญชาเทวะ!”
พรายแม่น้ำโครงกระดูกร่างมนุษย์ที่ก่อขึ้นจากผมยาวสีเลือดเอ่ยปากพร้อมกัน โครงกระดูกแต่ละโครงเดินมาล้อมรอบเรือกลวิญญาณของสวี่ชิงเอา ยิ่งใหญ่เอิกเกริก รัศมีอำนาจท่วมฟ้า คุ้มกันเคลื่อนไปข้างหน้า
น้ำในแม่น้ำเกิดเป็นคลื่นเองเพิ่มความเร็วให้กับเรือ ผิวน้ำบิดม้วนราวกำลังปีนป่าย ภาพนี้ทำให้อู๋เจี้ยนอูสั่นสะท้าน ขณะที่เหม่อลอยเหมือนฝัน นายกองก็มาข้างกายเขา กอดคอเอาไว้แล้วพูดเสียงต่ำ
“พี่เจี้ยนเจี้ยน ก่อนหน้านี้ข้าไม่ได้หลอกเจ้า สักวันเจ้าก็อยากมีเช่นนี้ใช่หรือไม่”
อู๋เจี้ยนอูแน่นอนว่าอยาก และแน่นอนแล้วว่าหนีไม่พ้นฝ่ามือมารของนายกอง
ดังนั้นไม่นานนักเขาก็ถูกนายกองลากมาข้างๆ ซุบซิบอะไรอยู่ครู่หนึ่ง ในดวงตาอู๋เจี้ยนอูแฝงแววดิ้นรนและตื่นเต้นฮึกเหิม และสุดท้ายความตื่นฮึกเหิมก็ชนะทุกอย่าง
‘ไอ้โง่เอ๊ย!’ หนิงเหยียนมองภาพนี้ แค่นเสียงขึ้นจมูกในใจ
สวี่ชิงไม่สนใจเรื่องพวกนี้ เขาสัมผัสรับรู้พรายแม่น้ำเหล่านี้
พวกมันไม่เหมือนกับรูปสลักฟ้าทมิฬเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์ก่อนหน้านี้ เป็นเหมือนสิ่งมีชีวิตมากกว่า เพราะในกลิ่นอายของพรายแม่น้ำพวกนี้สวี่ชิงสัมผัสได้ถึงความเคารพยำเกรงจากพวกมัน
กระทั่งว่ายังมีกลิ่นหอมกลุ่มหนึ่ง สวี่ชิงหลังจากแผ่พลังปราณพระจันทร์สีม่วงออกถึงได้ค้นพบ
ดังนั้นดวงตาทั้งสองของสวี่ชิงฉายวูบ ปราณพระจันทร์สีม่วงลอยขึ้นเหนือศีรษะ ขณะที่แผ่พลังกดดันออกมาเป็นระลอกๆ ก็เป่าไปทางพรายแม่น้ำเหล่านั้นเบาๆ
ทันใดนั้นกลิ่นหอมเหล่านั้นก็มาตามพรายแม่น้ำไหลเข้าไปในปากปราณพระจันทร์สีม่วง
จากการกลืนกินลงไป ความรู้สึกที่โปร่งสบายเป็นที่สุดก็แผ่ซ่านมาในจิตใจสวี่ชิง และปราณพระจันทร์สีม่วงของเขาร่างก็พลันสะท้านเฮือก เติบโตขึ้นมาเล็กน้อยอย่างเห็นได้ชัด
หัวใจของสวี่ชิงเต้นเร็วขึ้นเล็กน้อย สัญชาตญาณของเขาสัมผัสได้ว่ากลิ่นหอมนี้เป็นของดี ในตอนที่กำลังจะดูดซับต่อ ความรู้สึกอันตรายกลุ่มหนึ่งก็ผุดขึ้นในใจ นี่ทำให้เขาควบคุมการกระทำของตัวเองทันที
‘ที่นี่คือสถานที่เพาะเลี้ยงปศุสัตว์พระจันทร์สีชาด ตามหลักแล้วสิ่งที่พระจันทร์สีชาดดูดซับได้ ข้าก็ทำได้เหมือนกัน แต่การช่วงชิงเช่นนี้ ก็ง่ายต่อการถูกมันค้นพบ หากกระตุ้นจนเกินสมควรทำให้ตื่นขึ้นมาก่อนเวลา…’
สวี่ชิงรู้สึกเสียดาย ไม่ได้ลองทำต่อ เขาเตรียมหลังจากที่เข้าไปในแผ่นดินใหญ่เซ่นจันทรา ดูสถานการณ์ก่อนแล้วค่อยตัดสินใจ
ภายใต้การคุ้มกันจากพรายแม่น้ำหลายพัน เรือกลวิญญาณของสวี่ชิงก็โลดแล่นไปบนแม่น้ำเซ่นทมิฬอย่างเร็วรี่ ใกล้ฝั่งเข้ามาเรื่อยๆเช่นนี้
และความยิ่งใหญ่ภาพนี้ก็น่าครั่นคร้ามตื่นตะลึงเป็นที่สุด ย่อมเป็นที่สนใจจับตามอง
คนที่เดินทางมายังแผ่นดินใหญ่เซ่นจันทราไม่ได้มีเพียงพวกสวี่ชิงกลุ่มเดียว ความจริงแล้วเนื่องจากความพิเศษของแผ่นดินใหญ่เซ่นจันทรา ดังนั้นปกติแล้วผู้บำเพ็ญบริเวณละแวกใกล้เคียงก็จะเข้ามาเป็นบางครั้ง ทำการแลกเปลี่ยนสินค้ากัน
ตอนนี้บนแม่น้ำเซ่นทมิฬ ก็มีเรือเช่นนี้หลายสิบลำ พวกเขาหลังจากที่จ่ายเครื่องเซ่นแล้ว ก็ได้รับอนุญาตให้เดินทางผ่าน ดังนั้นก็เห็นภาพที่ทำให้พวกเขาไม่อยากจะเชื่อ จิตใจหวาดเกรง
เรือทุกลำต่างหยุดนิ่งตามสัญชาตญาณ ผู้บำเพ็ญที่อยู่ในนั้นจิตใจต่างกันไป เกิดการคาดเดาต่างๆ นานา
“พรายแม่น้ำหลายพันคุ้มกันส่ง…นี่ต้องมีฐานะแบบใดกัน!”
“หรือจะมาจากตำหนักเทพพระจันทร์สีชาด อีกทั้งยังเป็นระดับสูงในนั้น”
“มีคำตอบเดียวเท่านั้น และมีเพียงตำหนักเทพพระจันทร์สีชาดเท่านั้นถึงจะมีฐานะเช่นนี้”
“ตำหนักเทพพระจันทร์สีชาดปกติน้อยนักที่ปรากฏตัว นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าได้เห็นพวกเขา”
การคาดเดาเช่นนี้ทำให้คนทั้งหลายใจครั่นคร้าม พวกเขาที่เดินทางไปยังแผ่นดินใหญ่เซ่นจันทราเป็นประจำรู้ดีถึงในแผ่นดินใหญ่ที่ถูกสาปนั่น สรรพชีวิตล้วนเป็นลูกแกะ มีเพียงตำหนักเทพพระจันทร์สีชาดที่อยู่สูงส่ง คอยปล่อยสัตว์แทนเทพเจ้า
ดังนั้นพวกเขาจึงต่างก้มหน้า จวบจนเมื่อพรายแม่น้ำหลายพันจากไปไกล ถึงได้ออกเดินทางอีกครั้ง
เช่นนี้เอง ผ่านไปอีกสองวันครึ่ง ในที่สุดพวกสวี่ชิงก็ข้ามผ่านแม่น้ำเซ่นจันทราที่ปานประหนึ่งทะเลสายนี้ได้
ดินที่นี่เป็นสีดำเข้ม
ท้องฟ้ามืดมิด ไม่มีดวงอาทิตย์ มีเพียงแสงจันทร์ที่มองไม่เห็นต้นกำเนิดแสง สาดทออยู่ในแผ่นดินใหญ่เซ่นจันทรา คลุมผ้าโปร่งบางอันลึกลับให้กับผืนแผ่นดินสีดำผืนนี้
และที่ที่พวกสวี่ชิงขึ้นฝั่งเป็นภูเขาร้างหัวโล้นลูกหนึ่ง
ท้องฟ้ามีนกอำพรางอยู่ในความมืด ส่งเสียงร้องวังเวง ส่วนบนพื้นมีโครงกระดูกเน่าเปื่อยให้เห็นเป็นพักๆ
สวี่ชิงเก็บเรือกลวิญญาณ ทันทีที่คนทั้งหลายเหยียบย่างลงบนผืนดินแห่งนี้ พรายแม่น้ำหลายพันในแม่น้ำเซ่นทมิฬก็โค้งคารวะไปทางฝั่ง แล้วจึงดำลงไปในแม่น้ำ หายลับไป
นายกองมองรอบๆ สีหน้าแฝงรอยระลึกความหลังนิดๆ เอ่ยขึ้นอย่างสะท้อนใจ
“ผ่านไปหลายปี กลับมาที่นี่อีกแล้ว
“ศิษย์น้องเล็ก ถึงที่นี่ความจริงพวกเราก็ค่อนข้างปลอดภัยแล้ว ชื่อหมู่หลับในห้วงนิทราลึก พวกเราแค่ไม่เปิดเผยตัวตนเกินสมควร โดยพื้นฐานแล้วไม่เป็นอะไร”
สวี่ชิงพยักหน้า ที่นี่ คนที่รู้จักพวกเขาโดยพื้นฐานแล้วไม่มี
นายกองตบไหล่สวี่ชิง
“เช่นนั้นพวกเราแยกกันที่นี่ก็แล้วกัน เจ้าไปจัดการเรื่องของเจ้า ข้าจะพาหนิงหนิงน้อยกับพี่เจี้ยนเจี้ยนไปทำอะไรสักหน่อย”
หนิงเหยียนได้ยินดังนั้นก็ทุกข์ระทมขมขื่น อู๋เจี้ยนอูใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้น เขารู้สึกว่าตัวเองได้รับการให้ความเคารพ
สวี่ชิงกวาดสายตามองพวกเขา แอบอวยพรเงียบๆ ในใจ จากนั้นก็มองไปทางนายกอง
“ศิษย์พี่ใหญ่ รักษาตัวด้วย!”
นี่คือข้อตกลงระหว่างทางของพวกเขา และตำแหน่งที่อยู่ตอนนี้คือชายแดนทางตะวันออกของแผ่นดินใหญ่เซ่นจันทรา เดินทางออกจากที่นี่ไปทางตะวันออก ก็จะไม่ไกลจากทะเลเพลิงสวรรค์ที่สวี่ชิงอยากไปแล้ว
“ข้าไม่เป็นไร มีหนิงหนิงน้อยกับพี่เจี้ยนเจี้ยนปกป้อง ใครจะกล้าแตะข้า”
นายกองขยิบตาให้สวี่ชิง จากนั้นก็ยกมือขวาขึ้น ตบหน้าผากตัวเอง ทันใดนั้นร่างก็เปลี่ยนไป แปลงเป็นบัณฑิตกลางคนรูปหล่องดงาม ท่าทางก็สง่างามขึ้นอีกไม่น้อย
โดยเฉพาะรอยยิ้มที่มุมปากและความได้ใจในสีหน้า ทำให้เขาดูแล้วมีความชั่วร้ายเพิ่มขึ้นมาเล็กน้อย



ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา