เข้าสู่ระบบผ่าน

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา นิยาย บท 555

บทที่ 555 เจ้าแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ ไยไม่พูดแต่แรก! (1)

ผู้บำเพ็ญอยู่ในขอบเขตปราณก่อกำเนิดขอบเขตนี้ ความแตกต่างระหว่างกันช่างมหาศาลนัก จากความแตกต่างของพลังรากฐาน ภายใต้การสั่งสมแล้วปะทุออกมา ความแตกต่างที่เคยเล็กน้อย ก็จะขยายใหญ่ขึ้น

เนื่องจากเกี่ยวพันกับจำนวนของผู้บำเพ็ญปราณก่อกำเนิดและจำนวนของทัณฑ์ ตลอดไปจนถึงเผ่าพันธุ์ที่แตกต่างและประสบการณ์ของแต่ละคน ดังนั้น แข็งแกร่งอ่อนแอหรือไม่ หลายครั้งไม่สามารถมองออกได้เพียงปราดเดียวเหมือนกับระดับวังสวรรค์

นอกเสียจากความแตกต่างซึ่งกันและกันจะห่างกันราวฟ้ากับเหว กลิ่นอายก็จะสัมผัสรับรู้ได้

มิเช่นนั้นแล้ว ล้วนต้องประเมินอย่างละเอียดถึงจะได้

แต่พิจารณาจากรากฐานแล้ว หมื่นเผ่ามีความคิดที่เป็นพื้นฐานที่สุดความคิดหนึ่ง

ทัณฑ์ครั้งแรก เป็นการประทานให้ปราณลวงกลายเป็นจริง ทำให้มันกลายเป็นปราณมรรคาที่แท้จริง มีกำลังรบปราณก่อกำเนิด

และทัณฑ์ครั้งที่สองก็เพื่อทำให้พลังปราณเมื่ออยู่ภายใต้การเพิ่มพลังมากขึ้นทบเท่า หนึ่งปราณสองกำลัง สามทัณฑ์ก็เป็นสามกำลัง!

อย่างผู้บำเพ็ญเผ่าผืนนภาที่สวี่ชิงเจอเมื่อก่อนหน้านี้คนนั้น เขาเป็นอัจฉริยะของเผ่าอื่น แม้ไม่มีตะเกียงแห่งชีวิต แต่ก็มีเจ็ดปราณมรรคา อีกทั้งยังผ่านทัณฑ์ชะตามาแล้วสองครั้ง

ดังนั้น กำลังรบพื้นฐานของเขาภายใต้การเพิ่มพลังจากทัณฑ์ลิขิตสวรรค์ ก็จะมองเป็นกำลังรบสิบสี่ปราณ

นี่จึงเป็นสาเหตุที่ทำไมหลังจากเขาสังเกตได้ว่าสวี่ชิงมีสิบสามปราณก็ยังคงลงมือ

และอดีตของเขาผ่านจากจุดนี้ก็สามารถมองออกได้อย่างชัดเจน ในตอนที่เขาเป็นขอบเขตแก่นลมปราณมีวังสวรรค์เจ็ดวัง ในตอนเป็นขอบเขตสร้างฐานมีไฟชีวิตสี่ดวง

ช่องเวทจะต้องมีหนึ่งร้อยยี่สิบช่อง

เปิดได้ไม่ถึงหนึ่งร้อยยี่สิบเอ็ดช่องขั้นสุดยอดขั้นนั้น

อย่างไรเสีย ตลอดเส้นทางที่สวี่ชิงเดินมา ผู้ที่สามารถเปิดช่องเวทได้ถึงหนึ่งร้อยยี่สิบเอ็ดช่อง นอกจากเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องและข่งเสียงหลง เขาก็ไม่เคยพบใครอีก

บางทีอาจจะมี แต่ไม่ได้แสดงออกมา สวี่ชิงก็ไม่อาจวิเคราะห์ได้

แต่พวกนี้เป็นเพียงแต่พื้นฐานเท่านั้น ในตอนเป็นขอบเขตวังสวรรค์ยังนำมาเป็นวิธีประเมินที่สำคัญได้ แต่การสังหารระหว่างผู้บำเพ็ญปราณก่อกำเนิด การเปลี่ยนแปลงมีมากมหาศาล

ผู้บำเพ็ญที่ระดับใกล้เคียงกัน มาตรฐานที่ประเมินความแข็งแกร่งอ่อนแอของกันและกันนอกจากจะมีขอบเขตแล้ว ยังมีปัจจัยของของวิเศษและเคล็ดวิชา ยิ่งรวมไปถึงพรสวรรค์ที่ต่างกันไปของแต่ละเผ่าพันธุ์ ตลอดจนความสามารถในการรับมือของการต่อสู้ในสถานการณ์จริง

ทุกอย่างล้วนเป็นปัจจัยสำคัญ ล้วนสามารถตัดสินแพ้ชนะได้ทั้งสิ้น

ดังนั้น พลังของปราณไม่สามารถนำมาเปรียบเทียบได้ทั้งหมด ทำได้เพียงแค่อ้างอิงง่ายๆ ซึ่งกันและกันเท่านั้น

หลายครั้งยังต้องสู้กันถึงจะรู้ความแข็งแกร่งอ่อนแอ

สวี่ชิงทางนี้ก็เช่นกัน

ปราณทั้งสิบสามของเขาล้วนผ่านทัณฑ์ลิขิตสวรรค์มาแล้วครั้งหนึ่ง ดังนั้นจากพื้นฐานที่มีในตอนนี้ พูดกันตามทฤษฎีแล้วก็เป็นกำลังรบสิบสามปราณ

แต่ปราณมรรคาของเขาสุดแสนจะพิเศษ ไม่ว่าจะมีความเกี่ยวพันกับเคล็ดวิชาระดับจักรพรรดิหรือกับเทพเจ้า หรือจะมีการเพิ่มพลังจากมรรคาสวรรค์ ตลอดจนของวิเศษล้ำค่าอย่างขวดแห่งกาลเวลา และยังมีแสงประกายอรุณกับตะเกียงแห่งชีวิตนาฬิกาแดดอีก

ปัจจัยทั้งหมดนี้ ภายใต้การสะสมปะทุขึ้นมา ในขอบเขตปราณก่อกำเนิดนี้ก็ทำให้กำลังรบของสวี่ชิงเกินกว่าขอบเขตปกติ เท่ากับว่าทำให้ระดับความแข็งแกร่งของปราณมรรคาเขาในตอนนี้เทียบได้กระทั่งผู้บำเพ็ญที่ผ่านทัณฑ์ลิขิตสวรรค์มาแล้วสองครั้ง

ซึ่งก็หมายความว่า กำลังรบพื้นฐานที่สุดที่สวี่ชิงมีในตอนนี้คือยี่สิบสี่ปราณ!

เหตุที่ไม่ใช่ยี่สิบหกเพราะเขายังมีตะเกียงแห่งชีวิตอีกสองดวงยังไม่ได้หลอม ทันทีที่ตะเกียงที่เหลือสองดวงนั้นเปลี่ยนเป็นนาฬิกาแดด เขาก็จะมีกำลังรบยี่สิบหกปราณ

แต่ว่าสวี่ชิงก็ยังคงระมัดระวังรอบคอบเช่นเดิม เพราะเขาสามารถทำให้ปราณมรรคาพิเศษได้ ไม่ได้หมายความว่าคนอื่นทำไม่ได้ ส่วนของวิเศษและเคล็ดวิชาก็เป็นหลักเหตุผลเดียวกัน

นี่ก็เป็นเรื่องที่จัดการยากซึ่งกันและกันของขอบเขตปราณก่อกำเนิดระดับนี้

ตอนนี้หลังจากความคิดพวกนี้ผุดขึ้นมาในสมองสวี่ชิง ร่างของเขาก็ทะยานขึ้นฟ้าออกมาจากในหินหนืด ปราณมรรคาทั้งสิบสามปะทุสุดพลัง เกิดเป็นกำลังรบน่าครั่นคร้ามที่เทียบได้กับยี่สิบสี่ปราณ ทะยานมาบนฟ้า

รวดเร็วเป็นอย่างยิ่ง เพียงพริบตาก็มาปรากฏหน้าผู้บำเพ็ญระดับปราณก่อกำเนิดหนึ่งทัณฑ์เผ่าเงาคันฉ่องคนนั้น

ผู้บำเพ็ญเผ่าเงาคันฉ่องคนนั้นหน้าเปลี่ยนสี ต่อให้ตอนนี้สมาธิของเขาครึ่งหนึ่งอยู่ที่การเพิ่มพลังค่ายกล แต่ประสบการณ์การต่อสู้ที่มากมายและความสามารถในการรับมือ ก็ทำให้เขาสามารถดึงสมาธิกว่าครึ่งกลับมาได้ทันที ปราณทั้งหกในร่างปะทุขึ้น

ยิ่งอ้าปากพ่นกระบี่บินเล่มหนึ่งออกมา แผ่นกระจกที่หน้าผากกะพริบแสงวาบ ส่องมายังร่างสวี่ชิงที่ประชิดมา ใบหน้าก็รางเลือนตามไปด้วย แล้วเปลี่ยนมาคล้ายกับสวี่ชิง

นี่เป็นหนึ่งในพรสวรรค์ของเผ่าของเขา ใช้เรื่องนี้มาเพิ่มพลังตัวเอง ทำให้กำลังรบพุ่งถึงแปดปราณในพริบตา

พรสวรรค์นี้รวมกับปฏิกิริยาตอบสนองของเขาก็ไม่ธรรมดามากๆ แล้ว หากเปลี่ยนเป็นผู้บำเพ็ญหนึ่งทัณฑ์คนอื่นๆ มาลอบโจมตี น่ากลัวว่าคงยากจะทำการสังหารได้สำเร็จ

ทว่า พลังไร้เทียมทานหากต่างกันอย่างมหาศาล เช่นนั้นปัจจัยเปลี่ยนแปลงที่ไม่อาจควบคุมได้มากมาย ก็จะเปลี่ยนมาควบคุมได้

ดังนั้น เสี้ยวพริบตาต่อมา ทันทีที่สวี่ชิงพุ่งมาอย่างรวดเร็ว แสงวาววับกะพริบวูบ ศีรษะของผู้บำเพ็ญเผ่าเงาคันฉ่องคนนั้นก็แยกออกจากร่างทันที

เลือดสาดกระเซ็น ในตอนที่เสียงร้องน่าเวทนาโหยหวนดังออกมา สวี่ชิงก็จากไปไกลแล้ว พุ่งตรงไปยังเผ่าเงาคันฉ่องระดับปราณก่อกำเนิดอีกคนหนึ่ง

ในขณะเดียวกัน พิษต้องห้ามของสวี่ชิงก็พวยพุ่งรอบๆ เป้าหมายไม่ใช่ผู้บำเพ็ญปราณก่อกำเนิด แต่เป็นผู้บำเพ็ญแก่นลมปราณวังสวรรค์เหล่านั้น

การยกระดับขึ้นของพลังแท้จริงสวี่ชิง ลูกกลอนพิษต้องห้ามของเขาก็สำแดงพลังที่ยิ่งโหดเหี้ยมและน่ากลัวกว่าเดิม ตอนนี้ท่ามกลางพิษที่แผ่ซ่าน มีผู้บำเพ็ญวังสวรรค์อย่างน้อยเจ็ดคนส่งเสียงน่าเวทนาออกมา

พวกเขากระทั่งว่ายังไม่ทันตั้งตัว ร่างก็เปลี่ยนเป็นสีดำม่วงไปแถบหนึ่งในพริบตา เริ่มเน่าเปื่อย

เสียงหวาดกลัวตื่นตกใจน่าขนลุกดังไปทั่ว

ยิ่งมีผู้บำเพ็ญระดับวังสวรรค์สามสี่คน ร่างสั่นสะท้านเล็กน้อย ดวงตาดำสนิททันที มุมปากยิ้มเป็นรอยยิ้มแปลกประหลาด แล้วพลันหันหลังพุ่งตรงไปยังค่ายกลกระจกบานมหึมา หลังจากที่เข้าไปใกล้ก็พลันระเบิดตัวเอง

ในขณะที่เสียงระเบิดดังก้อง ก้างปลาที่พันล้อมไปด้วยสายฟ้าสีแดงทางหนึ่งก็ทะลุไปในนั้น ทุกที่ที่ผ่าน สังหารอย่างน่าหวาดหวั่น

ภาพนี้ทำให้ผู้บำเพ็ญเผ่าเงาคันฉ่องที่อยู่ที่นี่ต่างสีหน้าเปลี่ยนไป

บทที่ 555 เจ้าแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ ไยไม่พูดแต่แรก! (1) 1

บทที่ 555 เจ้าแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ ไยไม่พูดแต่แรก! (1) 2

บทที่ 555 เจ้าแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ ไยไม่พูดแต่แรก! (1) 3

Verify captcha to read the content.ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา